Archive

Archive for the ‘Internet’ Category

สยามคูโบต้าเปิดตัว “Kubota Smart Farm” ชวนชาวสังคมออนไลน์ เล่นเกมผ่าน Facebook

December 15th, 2011 No comments

สยามคูโบต้าท้าประลองคนเมืองเล่นเกมออนไลน์ “Kubota Smart Farm”
แข่งขันบริหารฟาร์มในฝัน ผ่าน Facebook ชิงรางวัลกว่า 2 แสนบาท

สยามคูโบต้าเปิดตัว “Kubota Smart Farm” ชวนชาวสังคมออนไลน์ เล่นเกมผ่าน Facebook ที่ www.facebook.com/siamkubotaclub ระหว่าง 13 ธ.ค. 2554 – 3 ม.ค. 2555 ชิง iPad2 6 เครื่อง และเช็คของขวัญรวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท หวังกระตุ้นคนเมืองให้เข้าถึงกระบวนการบริหารจัดการฟาร์มในรูปแบบการทำการเกษตรสมัยใหม่

นายโอภาศ ธันวารชร กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่สยามคูโบต้าได้ร่วมจัด Kubota Pavilion ในงาน BOI Fair 2011 ระหว่างวันที่ 5-20 มกราคม 2555 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานีนั้น ด้วยความที่บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตร จึงได้จัดแข่งขันเกม “Kubota Smart Farm” โดยเลือกใช้ Social Network เป็นช่องทางในการสื่อสาร เพื่อดึงให้คนเมืองเข้ามามีส่วนร่วมและทำกิจกรรมเล่นเกมร่วมกับสยามคูโบต้า อันจะนำไปสู่การเข้าใจถึงกระบวนการทำการเกษตรว่าไม่ได้เป็นเรื่องยากอย่างที่คิด เนื่องจากในปัจจุบันเครื่องจักรกลการเกษตรจะเข้ามาช่วยทำให้การทำการเกษตรสมัยใหม่ง่ายขึ้น ซึ่งนอกจากจะสามารถทดแทนแรงงานคนที่หายากแล้ว ยังช่วย “ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต” และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคการเกษตรของไทย

ผู้ร่วมสนุกจะต้องทำการแข่งขันโดยเลือกปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดต่าง ๆ อาทิ ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง และอ้อย แล้วทำการพัฒนาบริหารฟาร์มของตนเองให้มี Level และเงินสะสมสูงสุด ผ่านทาง www.facebook.com/siamkubotaclub ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเพื่อเพิ่มผลผลิตในขั้นตอนต่าง ๆ ได้ตามต้องการ อาทิ การใช้แทรกเตอร์ติดอุปกรณ์ต่อพ่วงในการเตรียมดิน(พรวนดิน), การปลูกด้วยมือหรือใช้รถดำนาในการปลูกข้าว, การเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยมือหรือรถเกี่ยวนวดข้าว เป็นต้น ซึ่งผู้เล่นยังต้องทำการบริหารเงินที่ได้จากการค้าขายผลผลิต โดยสามารถนำเงินไปซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่ รวมถึงพัฒนาทักษะในด้านต่าง ๆ อาทิ การเพิ่มทักษะในการเพาะปลูกพืชให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และการขายผลผลิตให้ได้ราคาสูงสุด นอกจากนี้เกมจะมีภารกิจพิเศษต่าง ๆ เพื่อเป็นช่องทางในการเพิ่มเงินสะสม

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถใช้ Facebook ID ลงทะเบียนเล่มเกมได้ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2554 – 3 มกราคม 2555 โดยผู้ร่วมสนุกที่มี Level และยอดเงินสะสมสูงสุด 30 อันดับแรก จะได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันในรอบ

สุดท้ายที่ KUBOTA Pavilion ในช่วงงาน BOI Fair 2011 ระหว่างวันที่ 7-8 มกราคม และ 12-15 มกราคม 2555 เพื่อร่วมชิงรางวัล Apple iPad WiFi + ขนาด 32GB จำนวน 6 เครื่อง และเช็คของขวัญจากห้างเซ็นทรัลรวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท โดยสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร พูดคุยออนไลน์ และร่วมกิจกรรม สนุก ๆ ได้ที่ www.facebook.com/siamkubotaclub และ www.siamkubotaboifair.com

View :3610

4 ค่ายสื่อสารโทรคมนาคมร่วมมือให้บริการ wifi ในศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่

December 15th, 2011 No comments

เปิดตัวนวัตกรรม Wifi บริการเหนือระดับ
ครั้งแรกของความร่วมมือ 4 ค่ายสื่อสารโทรคมนาคม และ
ในศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่

สร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่เมื่อศูนย์การค้าระดับโลก สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ผนึกกำลังร่วมมือกับ 4 ค่ายยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม AIS, DTAC, TOT และ TrueMove H เปิดให้บริการ mobile data service ผ่านโครงข่าย Wifi ทั่วทั้งอาคารของ 3 ศูนย์การค้าใจกลางเมืองครอบคลุมพื้นที่กว่า 600,000 ตร.ม. เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัยที่สุด สามารถใช้งานด้วยเน็ตเวิร์คที่มีความเสถียรสูงสุด ทำให้ลูกค้าไม่พลาดเชื่อมต่อออนไลน์ และสนุกกับโลกโซเซียลเน็ตเวิร์ค ในทุกรูปแบบของเทคโนโลยี และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าเทรนด์เซตเตอร์ของศูนย์การค้า ครอบคลุมจำนวนลูกค้าสูงสุดทั้งนักธุรกิจ นักช็อป นักท่องเที่ยว ให้เพลินใจกับโลกออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา

นางชฎาทิพ จูตระกูล ผู้บริหารสูงสุด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ 3 ศูนย์การค้าที่ยิ่งใหญ่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบของกรุงเทพมหานคร ที่ครบครันด้วยอินเตอร์เนชั่นแนลแบรนด์ชั้นนำระดับโลกและร้านค้าชั้นแนวหน้าของเมืองไทยกว่า 500 ร้านค้า และเป็น World Class Destination ของทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทั่วโลก และด้วยกลุ่มเป้าหมายของศูนย์การค้าเป็นกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตตามวิถีคนเมืองที่เกาะติดตามโลกแห่งเทคโนโลยีการสื่อสาร จึงมีแนวความคิดร่วมกันกับ 4 ค่ายยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม AIS, DTAC, TOT และ TrueMove H เป็นการตอกย้ำถึงการยกระดับการบริการด้านการสื่อสารที่แตกต่างเหนือใคร โดยผสานเทคโนโลยีไร้สายเข้าสู่ศูนย์การค้าอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อเติมเต็มไลฟสไตล์ของกลุ่มลูกค้า ที่เข้ามาซื้อสินค้าและใช้บริการหมุนเวียนภายในศูนย์การค้าในแต่ละวันจำนวนกว่า 1.5 แสนคน ให้สามารถใช้ชีวิตแบบออนไลน์อิสระไร้สายได้ทุกที่ทุกเวลา อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงแหล่งรวมข้อมูลสาระบันเทิงได้ทุกพื้นที่ของศูนย์การค้า

สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ นับเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกในประเทศไทย ที่เปิดให้บริการ Wifi ผ่านโครงข่ายที่มีการพัฒนาและออกแบบร่วมกันระหว่าง 4 ค่ายยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม อันได้แก่ AIS, DTAC, TOT, และ TrueMove H Move โดยมีพื้นที่การให้บริการครอบคลุมทั้ง 3 อาคารกว่า 600,000 ตร.ม. โครงข่ายร่วม Wifi ดังกล่าวจะทำงานผสมผสานร่วมกันกับ โครงข่าย mobile data network ของ mobile operator ทั้งสี่รายที่มีอยู่แล้วภายในอาคาร ส่งผลให้ผู้ใช้บริการไม่ว่าจะเป็นค่ายใดที่ใช้งาน Smart Phone, Smart Device, Tablet, Notebook และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆซึ่งมีความสามารถในการรับสัญญาณ Wifi สามารถเลือกใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ใช้บริการสามารถ “Stay Connect” ด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกับบริการออนไลน์ต่างๆได้ตลอดเวลาที่ท่านเพลิดเพลินกับการพักผ่อนภายในศูนย์การค้า ซึ่งเป็นการตอบสนองความต้องการของสังคมออนไลน์ได้อย่างแท้จริง

นายมาร์ค ชอง ชิน ก๊อก หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการไร้สายอันดับ 1 หน้าที่ของเราคือ สรรหาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมามอบให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เครือข่าย” ที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในยุคที่การใช้งาน Mobile Internet, Social Network, และ application ต่างๆ ผ่าน Smart Device จากทุกระบบปฏิบัติการเติบโตเป็นอย่างมาก ดังเช่นใน ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ใช้งานดาต้าสูงขึ้นเป็น 8 ล้านราย ซึ่งนอกเหนือจากเครือข่าย EDGE Plus ที่ครอบคลุมสูงสุดทั่วไทย และ ในกรุงเทพและปริมณฑล และจังหวัดหลักทุกภาคแล้ว เรายังขยายความครอบคลุมเครือข่าย Wifi อย่างไม่หยุดยั้ง โดยปัจจุบันครอบคลุมแล้วกว่า 50,000 จุด ภายใต้มาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพสูงสุด หรือ Quality DNAs จากเอไอเอสดังเช่นความร่วมมือกับศูนย์การค้าระดับโลกอย่าง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ในครั้งนี้ ทาง AIS ได้เปิดให้บริการ AIS Wifi ความเร็วสูงสุด 100 Mbps ให้ลูกค้าเอไอเอสที่มีแพ็กเกจ Wifi อยู่แล้วสามารถใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มใดๆ ซึ่งถือเป็นอีก 1 จุดแข็ง นอกเหนือจากความคุ้มค่าและความสะดวกจากประสบการณ์เข้าใช้อัตโนมัติหลังการสมัครและเข้าใช้งานครั้งแรก ซึ่งนอกจากจะสอดคล้องกับการใช้ชีวิตในแบบคนเมืองมากที่สุดแล้ว ยังตอกย้ำถึงความเป็น Long Term Partnership ระหว่างเอไอเอสกับทั้ง 3 สุดยอดศูนย์การค้าแห่งนี้อย่างชัดเจนอีกด้วย”

ลูกค้าเอไอเอสทั้ง GSM advance และ One-2-Call! ที่มีแพ็คเกจ Wifi สามารถใช้บริการ AIS Wifi ณ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หรือ สามารถสมัคร Package ใช้งานไม่จำกัดแบบรายเดือน 99 บาทต่อเดือน ได้ที่หมายเลข *388# ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/ Wifi

ดร.เกษชญง สกาวรัตนานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีแทค บรอดแบรนด์ จำกัด กล่าวว่า ดีแทคร่วมเป็นพันธมิตรในการให้บริการ wifi แก่ลูกค้าของสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่และสยามพารากอนด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากโครงการนี้จะเป็นประโยชน์แก่ลูกค้าจำนวนมากที่จะได้ใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเติมเต็มให้กับชีวิตประจำวัน และยังตรงกับทิศทางในการขยายบริการด้านดาต้าของดีแทคเพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในทุกกลุ่ม เราเชื่อว่าลูกค้าดีแทคที่เข้ามาช้อปปิ้งและใช้บริการต่าง ๆ ที่ศูนย์การค้าสินค้าชั้นนำทั้ง 3 แห่งจะได้รับความสะดวกและสนุกสนานมากยิ่งขึ้นจากบริการ wifi ของดีแทค พร้อมกันนี้ ดีแทคขอแสดงความยินดีกับกลุ่มศูนย์การค้าสินค้าชั้นนำทั้งสามแห่งที่มีศักยภาพในการเปิดเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการสื่อสารที่ครบครันและทันสมัยเป็นรายแรกด้วย

นายมนต์ชัย หนูสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที กล่าวว่า “ทีโอที มั่นใจว่าบริการ TOT Wifi สำหรับผู้ใช้บริการทั้ง 3 ห้างศูนย์การค้าชั้นนำระดับโลกสยามพารากอนสยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามเซ็นเตอร์ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีความเร็วสูงไร้สาย TOT Wifi ที่มีความเร็วสูงสุด 100 Mbps. จึงมั่นใจได้ว่าทุกท่านจะสามารถใช้งานตามแพคเก็ตที่เปิดใช้บริการ สามารถเข้าถึงการใช้งานดาต้าให้กับลูกค้าในทุกรูปแบบหลาก-หลาย สะดวก และรวดเร็ว สามารถรองรับทุกไลฟ์สไตล์ของทั้งลูกค้า นักธุรกิจ นักช็อป นักท่องเที่ยวให้เพลิดเพลินกับโลกออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง
จากการที่ ทีโอที ได้ขยายบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ TOT 3G ซึ่งใช้เทคโนโลยี 3.9G ด้วย ความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps. ครอบคลุมทั้ง 3 ศูนย์การค้าสินค้าห้างแล้ว การเปิดให้บริการนวัตกรรมเทคโนโลยีไร้สายTOT Wifi ครั้งนี้นับเป็นการคอนเวอร์เจนซ์ (convergence) ศักยภาพของทั้ง 2 บริการเข้าด้วยกันเพื่อรองรับการออนไลน์อย่างไร้ขีดจำกัด เพิ่มความสะดวกสูงสุดกับผู้ใช้บริการทั้งการใช้บริการ
“ในปี 54 ที่ผ่านมา ทีโอทีไวไฟได้ขยายพื้นที่บริการทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากในพื้นที่เน้นการใช้งานทางธุรกิจเช่นสนามบิน โรงแรม ศูนย์การประชุม โรงพยาบาล ร้านกาแฟ สถานที่ราชการ ทุกแห่งทั่วประเทศแล้ว ทีโอทีไวไฟยังครอบคลุมพื้นที่ท่องเที่ยวเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตปัจจุบันที่ต้องการการออนไลน์ในทุกที่ทุกเวลาแม้ในขณะพักผ่อน เช่น ชายทะเลพัทยา ชะอำ หัวหิน ปาย น้ำตกทุกแห่งของจังหวัดกาญจนบุรี รอบองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม สำหรับในปี 55 นี้ มีแผนงานขยายพื้นที่บริการเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมากเพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานที่สะดวกยิ่งขึ้น
ด้านการใช้งานกรณีต้องการใช้ TOT Wifi เพียงบริการเดียวสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบรายเดือนและแบบพรีเพดซึ่งสามารถซื้อได้ทั้งทางออนไลน์ที่ www.totwifi.com และจุดหน่ายกว่า 44,280 แห่ง ทั่วประเทศ อาทิ ศูนย์บริการลูกค้า ทีโอที, 7eleven, Lotus, BigC, e-pay, ตู้เติมเงินบุญเติม และ ATM ธนาคารนครหลวงไทย(ธนชาติ) เป็นต้น สำหรับลูกค้า TOT 3G ทีโอที มีแพคเกตคอนเวอร์เจนท์เพิ่มสิทธิ์การใช้ TOT Wifi ฟรี เพื่ออิสระการออนไลน์สูงสุดสำหรับลูกค้า TOT 3G เป็นต้น สนใจข้อมูลบริการ TOT Wifi หรือต้องการใช้งานสามารถเข้าชมได้ที่ www.totwifi.com ” หรือ TOT Contact Center 1100

นายทรงธรรม เพียรพัฒนาวิทย์ ผู้อำนวยการบริหารด้านลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดใหญ์และบริการระหว่างประเทศ และหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านปฏิบัติการเทคโนโลยีสารสนเทศ และบริหารงานลูกค้า บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ด้วยความตั้งใจที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่กลุ่มทรูโดยทรูมูฟ เอช ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือเปิดให้บริการ Ultra Wi-Fi by TrueMove H ทั้งที่สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าชั้นนำระดับโลกและเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ โดยกลุ่มทรูจะนำเสนอศักยภาพเน็ตเร็วสูงไร้สายบนโครงข่าย Wi-Fi คุณภาพที่ใหญ่ที่สุด ที่โดดเด่นเรื่องความเร็วในการเชื่อมต่อสูงสุดถึง 100 Mbps ในแต่ละจุดฮอตสปอต โดยติดตั้งฮอตสปอตคุณภาพกว่า 500 จุดครอบคลุมพื้นที่ให้บริการทั้ง 3 อาคาร ทำให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าเทรนด์เซตเตอร์ ทั้งนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว นักช้อป จะอิสระท่องเน็ตไร้สายได้เร็วยิ่งกว่า ทุกที่ทุกเวลา ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.truewifi.net พิเศษสุด แพคเกจเสริม Ultra-Wi-Fi by TrueMove H “ใช้ได้ไม่จำกัด” เพียง 300 บาทต่อเดือน (ต่ออายุอัตโนมัติ) สำหรับลูกค้าทรูมูฟ และทรูมูฟ เอช เท่านั้น สมัครผ่าน *9000

View :2087

ดีแทคเปิดตัวแอร์การ์ดที่ความเร็วสูงสุด 42Mbps

December 6th, 2011 No comments


พร้อมข้อเสนอแพ็กเกจให้ลูกค้าใช้ เล่นได้ไม่จำกัดฟรี 1 เดือน

ดีแทคเปิดตัวแอร์การ์ดรุ่นใหม่พร้อมแพ็กเก็จการใช้งานฟรี เพื่อรองรับการใช้งาน dtac 3G เร็วที่สุดของเมืองไทย dtac 3G speedy 42 Mbps รองรับการดาวน์โหลดข้อมูลได้สูงสุดถึง 42Mbps พร้อมนำเสนอแอร์การ์ด ที่มาพร้อมแพ็กเก็จการใช้งานฟรีที่ให้ความคุ้มค่าอีก 2 รุ่น dtac 3G speedy 21Mbps และ dtac 3G speedy 7.2Mbps ให้เป็นทางเลือกกับลูกค้า โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนี้ที่สำนักงานบริการลูกค้า ดีแทคเซ็นเตอร์และร้านค้าอุปกรณ์ไอทีทั่วประเทศ

ดีแทคแอร์การ์ดใหม่ล่าสุดทั้ง 3 รุ่น จัดโปรโมชั่นพิเศษ โดยในกล่องจะประกอบด้วย aircard ที่มาพร้อมซิมแบบรายเดือน หรือแบบเติมเงิน และแพ็กเกจแบบคิดตามการใช้งานจริงที่ให้ลูกค้าได้ใช้งาน dtac 3G ไม่จำกัดฟรี 1 เดือนแรก หรือหากลูกค้าเลือกแพ็กเก็จที่คิดตามชั่วโมง ก็จะมีชั่วโมงให้ใช้ฟรี 50 ชั่วโมงต่อเดือน เป็นเวลา 2 เดือน ในช่วงแรก โดยแอร์การ์ดแต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างกันเหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลายของลูกค้า

dtac aircard 3G speedy 42 Mbps เป็นแอร์การ์ดที่มาพร้อมกับแพ็กเกจรายแรกของเมืองไทยที่สามารถรองรับการดาวน์โหลดข้อมูลสูงสุดถึง 42Mbps ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดในเมืองไทยขณะนี้ พร้อม Google Chrome ที่จะช่วยให้ลูกค้าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเร็ว ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น

dtac aircard 3G speedy 21 Mbps พิเศษด้วยฟังก์ชั่น Fast-Link ที่ช่วยทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เร็วและง่ายมากยิ่งขึ้น ลูกค้าสามารถใช้งานได้สะดวกเพียงเสียบแอร์การ์ดเข้ากับคอมพิวเตอร์ ระบบจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้อัตโนมัติ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าเล่นเน็ตผ่านบราวซ์เซอร์ได้ทันที โดยไม่ต้องลงโปรแกรมหรือกดปุ่มใดๆ

dtac aircard 3G speedy 7.2 Mbps แอร์การ์ดรุ่นยอดนิยม ใช้งานง่าย ราคาคุ้มค่าที่สุดในตลาด

ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลดีแทคแอร์การ์ดและแพ็กเกจเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค ดีแทคเซ็นเตอร์ และร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีทั่วประเทศ หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th หรือ โทร1678 ดีแทค คอลล์เซ็นเตอร์

View :2544
Categories: 3G, Internet, Press/Release Tags: , ,

“ไอเน็ต”เล็งถูกจุดเตรียมแผน BCP ล่วงหน้าให้ลูกค้าทันรับน้ำท่วม

December 6th, 2011 No comments

บริษัท จำกัด(มหาชน) หรือไอเน็ต เล็งเห็นถึงความสำคัญของแผนการสร้างความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan) นับตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบในปี 2553 จึงได้มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่อง ทันทีที่เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย ไอเน็ตจึงได้จัดตั้งโครงการ “ไอเน็ตเตรียมพร้อมรองรับภัยพิบัติ ตลอด 24 ชั่วโมง” พร้อมมาตรการเพิ่มศักยภาพระบบสำรองไฟฟ้าในศูนย์ IDC ทั้ง 2 ศูนย์หากเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้องไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ระบบสำรองไฟ้ฟ้าสามารถใช้งานติดต่อยาวนานถึง 7 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือและช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถดำเนินกิจการและธุรกิจได้ต่อไป โดยไอเน็ตได้ปฏิบัติการช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องกว่า 999 ชั่วโมง

ดร.ไพโรจน์ ศุภมงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วงภาวะวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งไอเน็ตได้เห็นความสำคัญของธุรกิจลูกค้ามากที่สุด เพราะลูกค้าของเราเป็นองค์กรทั่วประเทศ และส่วนใหญ่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง รวมถึงหน่วยงานราชการที่สำคัญต่างๆ ที่จะต้องมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง และในมหาอุทกภัยครั้งนี้เราจึงเตรียมมาตรการเชิงรุกเพื่อรองรับและเข้าช่วยเหลือลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2554 เป็นเวลากว่า 999 ชั่วโมงที่ไอเน็ตมุ่งหน้าเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมเพื่อให้ลูกค้าของเราที่ได้รับผลกระทบยังคงทำงานได้อย่างไม่มีสะดุด”

“ไอเน็ตได้จัดตั้งทีมงานดูแลลูกค้าเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะสอบถามปัญหาและแก้ไขปัญหาเครือข่าย ระบบให้กับลูกค้าสำหรับอีกกลุ่มเป็นหน่วยเคลื่อนที่ออกช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย อำนวยความสะดวกในการขนย้ายอุปกรณ์ และซ่อมระบบ รวมถึงเคลื่อนย้ายระบบจากพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ครั้งนี้ขึ้น เรามีลูกค้าที่เข้ามาใช้พื้นที่ DR Site กว่า 200 ที่นั่ง และลูกค้าที่ย้ายมาใช้บริการ Co-Location ของเรามากกว่า 10 ราย ” ดร.ไพโรจน์กล่าว
ดร.ไพโรจน์กล่าวเสริมว่า “นอกจากการทำแผนรองรับภัยพิบัติในครั้งนี้แล้ว ไอเน็ตยังคงคำนึงถึงการช่วยเหลือสังคมในยามวิกฤติ ซึ่งเราได้ร่วมกับทางสวทช.ในการอำนวยความสะดวกในการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือคนหูหนวกที่ประสบอุทกภัยหรือ TTRS-R ที่ไอเน็ตสำนักงานใหญ่ เพื่อเป็นการส่งเสริมและให้บริการคนหูหนวกและกลุ่มคนที่บกพร่องทางการพูดที่ประสบภัยในด้านการสื่อสารและขอความช่วยเหลือได้ดียิ่งขึ้น และไอเน็ตยังจัดตั้งโครงการ Thai.com รวมน้ำใจจ้างงานยามวิกฤติ เพื่อเป็นศูนย์กลางประกาศรับสมัครและฝากประวัติสำหรับผู้ว่างงานที่ประสบภัยทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ www.Thai.com ซึ่งเรายังเตรียมแผนพัฒนาและเปิดตัวเว็บไซต์อย่างเป็นทางการต่อไป”

นอกจากนี้ยังมีเสียงตอบรับจากลูกค้าที่มาใช้บริการ DR Site ในช่วงภัยพิบัติ “ศูนย์ DR Site ของไอเน็ตทำให้ธุรกิจของเราไม่สะดุด สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติในเวลารวดเร็ว และยังให้บริการได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมทีมงานที่เป็นมิตรในการต้อนรับตลอดช่วงเวลาที่เราใช้บริการ” ตัวแทนลูกค้าสายธุรกิจที่เข้ามาใช้บริการ DR Site ของไอเน็ตกล่าว

“ศูนย์ช่วยเหลือคนหูหนวกที่ประสบอุทกภัย (TTRS – R) มีสำนักงานตั้งอยูที่มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ ถ.อรุณอมรินทร์ ได้รับผลกระทบน้ำท่วมสูงประมาณ 1.50 เมตร เจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปปฏิบัติงานไม่สะดวก จึงได้ประสานกับทางไอเน็ตขอพื้นที่จัดตั้งศูนย์ TTRS – R ชั่วคราวขึ้นที่ไอเน็ตสำนักงานใหญ่ โดยได้รับความช่วยเหลือและบริการเป็นอย่างดี ทำให้ศูนย์สามารถกลับมาทำงานได้ในเวลาอันรวดเร็วและต่อเนื่อง ถือเป็นการช่วยเหลือสังคมในช่วงวิกฤติที่ดี” ดร.วันทนีย์ พันธชาติ หัวหน้าศูนย์ TTRS กล่าว

จากเสียงตอบรับของลูกค้าข้างต้น ไอเน็ตได้ยึดมั่นการดูแลธุรกิจของลูกค้าและคอยให้บริการอย่างดีที่สุด แม้สถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายลง แต่ไอเน็ตคงยังเฝ้าระวังเตรียมความพร้อมรองรับเหตุการณ์ภัยพิบัติต่างๆเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการกับไอเน็ตอย่างต่อเนื่อง

View :2537

กลุ่มทรู จับมือ 7-Eleven อำนวยความสะดวกช่วงวิกฤตน้ำท่วม เปิดฟรี “WiFi by TrueMove H” ที่ร้าน 7-Eleven

December 2nd, 2011 No comments


โดยนายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (ที่ 3 จากซ้าย) และนายบัญญัติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (ที่ 2 จากซ้าย) ผสานความร่วมมือกับกลุ่มทรู โดย นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการเงิน บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (ที่ 3 จากขวา) และนายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด (ที่ 2 จากขวา) เปิดบริการฟรี “WiFi by ” ความเร็วสูงสุด 8 Mbps 15 นาที / วัน ให้ประชาชนเชื่อมต่อและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านอุปกรณ์สื่อสารทุกประเภทที่สามารถรองรับ WiFi คุณภาพสูง ได้ที่ 7-Eleven กว่า 2,500 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีสัญลักษณ์ “WiFi by ” ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2555 มั่นใจเพิ่มความสะดวกและอิสรภาพในการสื่อสารช่วงวิกฤตน้ำท่วม

นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น กล่าวว่า การให้บริการใช้ฟรี WiFi แก่ลูกค้าในทุกชุมชนที่ร้าน 7-Eleven จะช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้สามารถรับส่งข้อมูลข่าวสารและติดต่อกับญาติมิตรหรือหน่วยงานต่างๆได้อย่างสะดวก ซึ่งสอดคล้องกับลูกค้าที่มีการใช้บริการข้อมูลผ่านอุปกรณ์สื่อสารไร้สายซึ่งมีปริมาณมากขึ้น นอกจากนี้ ยังตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มทรูเป็นผู้นำ และมีจุดให้บริการ WiFi มากที่สุดในประเทศ

นายนพปฎล เดชอุดม หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการเงิน บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า กลุ่มทรู ในฐานะผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ตระหนักถึงความเดือดร้อนด้านการสื่อสารของประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังต้องการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และจำเป็นต้องติดต่อสื่อสารให้ได้สะดวกเหมือนที่เคยเป็นมา จึงผสานความร่วมมือกับ 7-Eleven ผู้นำร้านค้าสะดวกซื้อ ที่มีสาขากระจายทั่วทุกชุมชน เพิ่มช่องทางติดต่อสื่อสาร ให้ประชาชนสามารถออนไลน์ไร้สายบนโครงข่ายคุณภาพสูง WiFi by TrueMove H ความเร็วสูงสุด 8 Mbps โดยพร้อมให้ใช้งานฟรี 15 นาที / วัน ซึ่งให้ประชาชนทั่วไปสามารถเชื่อมต่อโลกออนไลน์ผ่านอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ที่รองรับ WiFi ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2555

ลูกค้า 7-Eleven ใช้ “ ฟรี 15 นาที / วัน / เครื่อง / 1 คน โดยลงทะเบียน ดังนี้

เปิดสัญญาณรับ WiFi จากอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งาน
คลิกสัญลักษณ์ WiFi เพื่อเชื่อมต่อ โดยเลือกไปที่ @TRUEWIFI
เปิดหน้าต่างอินเทอร์เน็ต (Internet browser) จะแสดงหน้าจอสำหรับ Login
กดเพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ใช้ WiFi by TrueMove H ฟรี 15 นาที/วัน/เครื่อง/คน ที่สาขา 7-Eleven ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีสัญลักษณ์ WiFi by TrueMove H เท่านั้น
ระบบจะแสดงหน้าจอสำหรับการลงทะเบียน จากนั้นกรอกข้อมูลตามรายละเอียดให้ครบและกดยืนยัน (Confirm)
ยืนยันชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password)
เริ่มใช้งาน WiFi by TrueMove H ด้วยชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ที่ได้ลงทะเบียนไว้

หลังจากลงทะเบียนครั้งแรกแล้ว การใช้งานครั้งต่อไป ไม่ต้องลงทะเบียนผู้ใช้ใหม่ เพียงใส่ชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) เท่านั้น ผู้สนใจดูรายละเอียดเงื่อนไขการใช้งาน WiFi by TrueMove H ฟรี 15 นาที/วัน/เครื่อง/คน ที่สาขาของ 7-Eleven ที่มีสัญลักษณ์ “WiFi by TrueMove H” หรือ www.truewifi.net หรือทรูมูฟแคร์ โทร.1331

View :1998

3BB เปิดให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงบนเทคโนโลยี FTTH ความเร็วสูงสุด 100 Mbps

October 14th, 2011 No comments

เปิดให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสงบนเทคโนโลยีใหม่ FTTH () ความเร็วสูงสุด 100 Mbps ให้บริการเชิงพาณิชย์เป็นแห่งแรกที่สมุทรสาคร จับมือดี-แลนด์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ยอมรับในพื้นที่กรุงเทพใต้และสมุทรสาครให้บริการในโครงการหรู

นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทจัสมิน เปิดเผยว่าขณะนี้ 3BB ได้นำเทคโนโลยีล่าสุดของระบบใยแก้วนำแสง “FTTH: Fiber to the Home” เข้ามาให้บริการแก่ลูกค้า ด้วยความเร็วสูงสุด 100 Mbps เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้การรับส่งข้อมูลมีความเร็วและคุณภาพดีขึ้น สามารถให้บริการมัลติมีเดียในรูปแบบ Triple Play ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็น Video Conference , E-Learning, Video on Demand หรือ Pay per View ฯลฯ รวมทั้งคอนเทนต์ที่หลากหลายตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการอย่างไม่มีข้อจำกัดในอนาคตอีกด้วย

“ 3BB จึงได้ร่วมกับบริษัท จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังริมทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในพื้นที่กรุงเทพใต้และสมุทรสาคร โดยครั้งนี้ 3BB ได้วางระบบโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติคในโครงการ Porto Villa และในอนาคตจะขยายการให้บริการไปยังจังหวัดใหญ่ๆในทุกภาค เช่นพิษณุโลก เชียงใหม่ เป็นต้น ส่วนราคาแพ็กเก็จเริ่มต้นที่ 9 Mbps/2 Mbps ราคา 1,200 บาท สูงสุด 100 Mbps/10 Mbps ราคา 6,990 บาท” นายพิชญ์กล่าวเพิ่มเติม

นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า โครงการ พอร์โต วิลล่า (Porto Villa) ซึ่งถือเป็นผลงานมาสเตอร์พีซของบริษัท ที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพติดถนนพระราม 2 พื้นที่โครงการขนาด 50 ไร่ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1,250 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 5 แบบ 5 สไตล์ จำนวนรวม 103 ยูนิต ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 6 – 12 ล้านบาท ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Boutique and Luxury Living ที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สอดคล้องกับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เน้นความโล่ง โปร่ง สบาย ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย อย่างมีรสนิยม ผสมผสานกับความเป็นธรรมชาติไปกับพื้นที่สีเขียว พร้อมนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยในรูปแบบ Triple Security ที่มาพร้อมนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยถึง 3 ชั้น ได้แก่ VDO Door Phone กับบ้านทุกหลัง ด้วยการผ่านเข้าออกด้วยระบบ RFID (Radio-Frequency Identification) ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถเห็นหน้าผู้มาติดต่อกันตั้งแต่บริเวณด้านหน้าโครงการ รวมถึงระบบ CCTV กล้องวงจรปิดครอบคลุมทุกพื้นที่ของโครงการ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ภายในกลางปีหน้าจะมีการเปิด “พอร์โต้ ชิโน่” (Porto Chino) ไลฟ์สไตล์มอลล์ ที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด บริเวณด้านหน้าโครงการพอร์โต้ วิลล่า
ด้วยงบประมาณการลงทุน 500 ล้านบาท ซึ่งจะประกอบด้วย โซนอาหารและเครื่องดื่ม โซนสุขภาพและความงาม โซนบริการและธุรกรรมต่างๆ โซนการศึกษา โซนแฟชั่น และสุดท้ายได้แก่ซูเปอร์มาร์เก็ต และแบรนด์ชั้นนำต่างๆ จำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 150 ร้าน

ดังนั้น การนำเทคโนโลยีล่าสุดของระบบใยแก้วนำแสง “FTTH: Fiber to the Home” เข้ามาติดตั้งในโครงการจึงเป็นอีกหนึ่งการให้บริการแก่ลูกค้าที่สอดคล้องกับคอนเซ็ปท์และจุดเด่นของโครงการ และสามารถรองรับต่อไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ และสามารถรองรับต่อเทคโนโลยีในโลกอนาคตได้อย่างไร้ขีดจำกัดได้เป็นอย่างดี

3BB ตั้งเป้าว่าในปี 2556 จะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดบรอดแบนด์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเกิน 40% มีลูกค้ารวมเพิ่มเป็น 2 ล้านราย จากลูกค้าในตลาดทั้งหมด 4-5 ล้านราย และคาดว่าจะสามารถทำรายได้เพิ่มเป็นเท่าตัวคือ 20,000 ล้านบาท ยอดรวมของลูกค้า ณ ไตรมาส 3 มีลูกค้าจำนวนกว่า 9 แสนราย เฉลี่ยแล้วบริษัทมีลูกค้าใหม่เข้ามาเดือนละ 35,000 ราย ถือว่าเติบโตได้ดีกว่าคู่แข่ง

View :1546

zhAke ผนึกกำลัง “เวิร์คพอยท์ ปฎิวัติร้านหนังสือออนไลน์ชู “อเมซอน” เมืองไทย

October 11th, 2011 No comments

จับมือ”” เปิด Edutainment ร้านหนังสือออนไลน์รูปแบบใหม่ จัดจำหน่ายทั้งหนังสือฉบับตีพิมพ์ และ “อีบุ๊ก” ที่สามารถดาวน์โหลดอ่านได้ บนอุปกรณ์ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งไอแพด แอนดรอยด์ โน้ตบุ๊กและเดสค์ท็อปคอมพิวเตอร์ เทียบชั้น “อเมซอนดอทคอม” พร้อมเปิดรับเป็นพันธมิตรกับสำนักพิมพ์ทุกแห่ง มุ่งสร้างสังคมการเรียนรู้ออนไลน์ แบบครบวงจร

นางลาวัณย์ เงาเบญจกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด กล่าวว่า เพื่อการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ในประเทศไทย บริษัทฯจึงได้ร่วมกับบริษัท เชค จีเนียส จำกัด (zhAke Genious Co.,Ltd.) ในการร่วมทุนพัฒนาระบบ เพื่อดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ร้านหนังสือออนไลน์ในนาม zhAke Edutainment ซึ่งจะไม่ได้จำหน่ายเฉพาะหนังสือ หรือนิตยสารของเวิร์คพ้อยท์เท่านั้น แต่จะเป็นร้านหนังสือออนไลน์ของทุกสำนักพิมพ์

นายพิพัฒน์ ละเอียดอ่อน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชค จีเนียส จำกัด ในกลุ่มบริษัท OuterBox ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นอีบุ๊ก zhAke บนไอแพด เปิดเผยว่า รูปแบบของ zhAke Edutainment จะเป็นการปฏิวัติร้านหนังสือออนไลน์ที่มีอยู่ในเมืองไทย โดยร้านหนังสือแห่งนี้จะจำหน่ายทั้ง หนังสือ นิตยสาร ที่เป็นฉบับกระดาษปกติ และ ฉบับดิจิทัลหรืออีบุ๊ก ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของ ลูกค้ายุคใหม่ ที่สามารถดาวน์โหลดและอ่านได้บนอุปกรณ์ดิจิทัลทุกประเภททั้งไอแพด, แท็บเลต, สมาร์ทโฟน รวมถึงพีซีโน๊ตบุ๊ก

“เป้าหมายของเราคือ การสร้างสังคมการเรียนรู้ออนไลน์ครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งนอกจากขายหนังสือแล้ว จะมีสินค้าสาระบันเทิงต่างๆ มาจำหน่ายบนร้านหนังสือออนไลน์แห่งนี้ด้วย อาทิ อินเตอร์แอคทีฟบุ๊ก, ออดิโอบุ๊ก, วีซีดี, ดีวีดี,ของเล่นส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาการ เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ที่มีคุณภาพ ได้ทัดเทียมกันทั่วประเทศ
ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เปรียบเสมือนกับเป็นอเมซอนเมืองไทย”

สำหรับ zhAke Edutainment พัฒนาขึ้นมาจาก Magento Platfrom ซึ่งถือว่าเป็นระบบอีคอมเมิร์ช 3.0 ที่เติบโตและทันสมัยที่สุดในโลกขณะนี้ ด้วยการออกแบบ User Interfaces ที่เป็นมิตร ใช้งานง่าย พร้อมฟีเจอร์อื่นๆ ที่เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า อาทิ ระบบ Preview ตัวอย่างหนังสือ เพื่อที่ลูกค้าจะสามารถอ่านข้อมูลในหนังสือบางส่วน ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งซื้อ

ระบบ Genius Advic ที่ช่วยแนะนำหนังสือตามรสนิยมของลูกค้าแต่ละคน โดยคำนวณจากข้อมูลการซื้อ และการ Preview สินค้าของลูกค้า ซึ่งเป็นระบบเดียวกับที่อีคอมเมิร์ซชั้นนำ ระดับโลกอย่าง Amazon.com ใช้อยู่ ซึ่งร้านหนังสือออนไลน์ในเมืองไทยยังไม่มีใครทำได้

ขณะเดียวกันในแง่ของสำนักพิมพ์ที่เป็นพันธมิตรนำหนังสือมาจำหน่ายบน zhAke Edutainment ระบบก็รองรับให้สำนักพิมพ์มีอิสระ สามารถทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายต่างๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างหลากหลาย เช่นส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม หรือลูกค้าองค์กร เป็นต้น

นายพิพัฒน์กล่าวว่า zhAke Edutainment จะเปิดรับเป็นพันธมิตร กับสำนักพิมพ์ทุกแห่ง เพื่อที่จะเป็น one stop shopping ให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อหนังสือ นิตยสาร จากสำนักพิมพ์ทุกแห่ง พร้อมกันนี้ทาง zhAke Edutainment จะเป็นผู้พัฒนาหนังสือฉบับดิจิทัล ให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ

สำหรับผลตอบแทนจากส่วนแบ่งการขาย ที่สำนักพิมพ์จะได้รับ ฉบับดิจิตอลจะมีสัดส่วนสูงสุดถึง 60% จากราคาขายหน้าร้านและฉบับตีพิมพ์จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกับการขายผ่านเอเย่นต์ร้านหนังสือทั่วไป

นอกจากนี้การทำงาน zhAke Edutainment ยังมีคลังจัดเก็บหนังสือ พร้อมส่งทันที ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามา ด้วยระบบการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพนอกจากการร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยในการจัดส่งทั่วประเทศ ยังมีบริการส่งพิเศษที่เรียกว่า “Zuperman Express” ซึ่งรับประกันถึงมือผู้สั่งภายใน 12 ช.ม. (เฉพาะในเขตกทม.และปริมณฑล) และเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการชำระเงิน ผ่านทางช่องทางต่างๆ ที่ลูกค้าสะดวก ทั้งผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็มหรือเคาน์เตอร์ธนาคาร รวมถึงระบบสั่งซื้อทางโทรศัพท์ “ยกแล้วยิ้ม” ง่ายๆเพียงยกหูสั่งซื้อผ่าน Call Center

View :1571

รมว.ไอซีทีสนับสนุนสร้างเนื้อหาออนไลน์เชิงสร้างสรรค์ ประกาศสุดยอดบล็อกเกอร์ใน Thailand Blog Awards 2011

October 6th, 2011 No comments

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที ร่วมงาน มอบรางวัลพิเศษ ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 84 พรรษาพิเศษ รวมบล็อกเกอร์คว้า 57 รางวัล จากผลงานส่งเข้าประกวดเกือบ 2,000 คน หวังอุตสาหกรรมไอซีทีเติบโตอย่างสร้างสรรค์ สนับสนุนผู้สร้างเนื้อหารับผิดชอบสังคมให้น่าอยู่

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กระทรวง ไอซีทีสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมไอซีทีอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ ฉลาดขึ้นและมีจำนวน รูปแบบที่หลากหลายแล้วสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงคือการสร้างมูลค่า และคุณค่าให้เพิ่มขึ้นด้วยเนื้อหาสาระ (Content) บนโลกออนไลน์ ซึ่งมีทั้งส่วนที่นำไปใช้เพื่อธุรกิจและเพื่อสังคม

สำหรับการรวมตัวของบล็อกยอดนิยมสูงสุดของประเทศไทย 3 แห่ง Exteen , Bloggang Oknation ซึ่งจัดโครงการประกวด Thailand Blog Awards 2011 ขึ้น เป็นปีที่ 2 นี้จึงเป็นการสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่สร้างสรรค์เนื้อหาจากทุกมุมโลก และนำมาเผยแพร่ให้นักอ่านเลือกอ่านกันได้อย่างหลากหลายตามความสนใจ โดยยังเคารพต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีหน้าที่รับผิดชอบตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

โดยเฉพาะในโอกาสปีมหามงคลนี้คณะผู้จัดได้เพิ่มรางวัลสาขาพิเศษ “ ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 84 พรรษา” เพื่อให้บล็อกเกอร์จากทุกแห่ง ได้ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และรางวัลประเภทอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก 4 ประเภท รวม 57 รางวัล จากสมาชิกบล็อกที่สมัครเข้ามาเพื่อโหวตคะแนนมีจำนวนมากถึง 11,111 คน ขณะที่มีผลงานจากบล็อกเกอร์ส่งเข้าประกวดเกือบ 2,000 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของคนบนโลกออนไลน์ต่อกิจกรรมในครั้งนี้เป็นอย่างดี

ดังนั้นการรวมกลุ่มของผู้สร้างสรรค์เนื้อหาในรูปบล็อก ที่ภาคเอกชนหรือบุคคลที่ได้รวมตัวกัน จึงเป็นสิ่งแสดงถึงการมีร่วมรับผิดชอบต่อสังคมไทยให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น จะเห็นได้จากเนื้อหาที่ให้ความรู้ตั้งแต่เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อ เป็นข้อมูลก่อนตัดสินใจไปจนถึงการสร้างกิจกรรมเชื่อมโยงสังคมจากโลกออนไลน์ ไปสู่สังคมแห่งความเป็นจริง เช่นรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือคนไทย และต่างประเทศที่ประสบภัยพิบัติในหลายๆ ครั้งทั้งช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ไปจนถึงผู้ประสบภัยสึนามิ ที่ประเทศญี่ปุ่น

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า โครงการ Thailand Blog Awards 2011 นี้ใช้ระยะเวลาการประกวดประมาณ 4 เดือน เริ่มตั้งแต่ประกาศให้บล็อกเกอร์ที่สนใจเข้าร่วมประกวด วันที่ 25 พฤษภาคม จนถึงวันมอบรางวัล 6 ตุลาคม 2554 ผ่านการคัดเลือกที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เกณฑ์การพิจารณาตัดสินจากคะแนนโหวต 30 % และคะแนนจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อีก 70 % ดัง นั้นจึงมั่นใจได้ว่าผู้ที่ผ่านเข้ารอบและได้รับรางวัลทุกรางวัลมาจากการมี ส่วนร่วมของสมาชิกและการกลั่นกรองเลือกสรรค์แล้วอย่างแท้จริง

นางสาวพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย กล่าวถึงการสนับสนุนโครงการนี้ว่า Google ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนโครงการ Thailand Blogger Awards 2011 เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างเนื้อหาภาษาไทยดีๆ บนอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้คนไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางและเต็มรูปแบบ ขอบคุณบล็อกเกอร์ทุกคนที่ได้แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ดีๆ และเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจกับชาวออนไลน์ เพื่อให้สังคมโลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น

นายวันฉัตร ผดุงรัตน์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Pantip .com 1 ในคณะกรรมการตัดสินการประกวดTBA 2011 กล่าวว่า อยากเห็นคนไทยเขียนบล็อคกันมากๆ เพราะเป็นการบันทึกความรู้ของแต่ละคนลงในระบบเครื่อข่าย ซึ่งองค์ความรู้นั้นคงอยู่และพร้อมเผยแพร่ ให้ผู้แสวงหาสามารถนำไปต่อยอดเป็นลำดับไป โดยไม่รู้จบ โดยเฉพาะภาษาไทยที่ในโลกใบนี้มีแต่คนไทยเท่านั้นที่ใช้อยู่ การบันทึกองค์ความรู้ด้วยภาษาไทยจึงเป็นภาระของคนไทยเท่านั้นโดยตรง

นายทีปกร วุฒิพิทยามงคล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ EXTEEN และอีก 1 ในคณะกรรมการตัดสินการประกวด TBA2011 กล่าวว่า การคัดเลือกผลงานนี้พิจารณาจากหลายองค์ประกอบ ทั้งวิธีการเขียน ความคิดสร้างสรรค์ในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประกอบเนื้อหาบล็อก การตกแต่งและการใช้ภาษา

โดยมองว่าบล็อกเป็นเวทีการแสดงออกของความคิดเห็นที่เหมาะสมกับคนทุกเพศ ทุกวัย และนอกจากจะเป็นการแสดงความคิดเห็นออกมาในเชิงสร้างสรรค์แล้ว ยังอาจได้รับโอกาสเผยแพร่ผลงานในวงกว้าง เช่น ได้ตีพิมพ์เป็นคอลัมน์ หรือหนังสือ ตามที่เคยมีตัวอย่างมาแล้วมากมายอีกด้วย

สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัล “ ปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 84 พรรษาพิเศษ ใน หัวข้อโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รางวัลชนะเลิศได้แก่บล็อก Chaoying โดยคุณ ชุติมา ชูรอด รางวัลบล็อกเกอร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2011 หรือ Best of the Best ได้แก่ บล็อก AppReview โดยคุณ วรวิสุทธิ์ ภิญโญยาง

นอกจากนี้ในส่วนรางวัล Best ประกอบด้วย 3 สาขา Best Design รางวัลชนะเลิศ ได้แก่บล็อก: แมลงเม่า โดย คุณชลิตา สมบุญเรืองศรี และคุณจักรรินทร์ พงศ์ศรีรัตน์ เป็นเจ้าของบล็อก สาขา Best Writing รางวัลชนะเลิศ บล็อก kokoyadi โดยคุณพีระพงษ์ เตชะทัตตานนท์ และรางวัล Best Teen รางวัลชนะเลิศได้แก่ บล็อก TonLew โดย คุณธรพชรพรรณ พูลศรี เป็นเจ้าของบล็อกผลงานนี้ สำหรับรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ที่ www.thailandblogawards.com

View :1915

ทรูออนไลน์ ลงทุนวางระบบใยแก้วนำแสง (Fiber to the Home) ครั้งแรกในไทย

September 28th, 2011 No comments

ให้ลูกค้าบ้านเต็มที่กับบริการ Ultra hi-speed Internet ความเร็วสูงสุด 100 Mbps

ย้ำความเป็นนัมเบอร์วันตลาดบรอดแบนด์แท้จริง เปิดบริการ Ultra hi-speed Internet ความเร็วสูงสุด 100 Mbps ด้วยเทคโนโลยี FTTH () สำหรับลูกค้าบ้านครั้งแรกในประเทศ หลังประสบความสำเร็จให้บริการแก่ลูกค้าองค์กร ชูจุดเด่นเทคโนโลยีทันสมัยด้วยระบบใยแก้วนำแสง สามารถเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อได้สูงสุดโดยไม่จำกัดระยะทาง ไม่ต้องใช้สายโทรศัพท์ ให้ความเสถียรทั้งดาวน์โหลดและอัพโหลดข้อมูลไฟล์ภาพขนาดใหญ่ รองรับการชม VDO Streaming ในรูปแบบ HD Video นำร่องเปิดบริการครอบคลุมหมู่บ้านระดับไฮเอ็นด์ คือ วินด์มิลล์พาร์ค นิชดาธานี และ เลคไซด์วิลล่า เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าด้วยราคาเดิม ที่ความเร็วตั้งแต่ 50 Mbps ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 2,799 บาท/เดือน มั่นใจคุณภาพเหนือระดับ ราคาสุดคุ้มของทรูออนไลน์ สามารถเติมเต็มทุกประสบการณ์บนโลกอินเทอร์เน็ตได้สุดๆ

นายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ ทรูออนไลน์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ทรูออนไลน์ ในฐานะผู้นำตลาดบรอดแบนด์เบอร์หนึ่งของไทย ได้พัฒนาและสรรหาเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อยกระดับตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในไทย ซึ่งปัจจัยสำคัญในการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเน้นความเร็วสูงในการเชื่อมต่อข้อมูล โดยเทคโนโลยี FTTx โครงข่ายใยแก้วนำแสง กำลังเข้ามาเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทั้งด้านความเร็วและปริมาณความจุในการใช้งาน ดังนั้น ทรูออนไลน์ จึงนำเทคโนโลยีใหม่ FTTx มาให้บริการอัลตร้า ไฮสปีด อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 100 Mbps แก่ลูกค้าบ้าน(FTTH) เป็นครั้งแรกในไทย ความโดดเด่นที่สำคัญของเทคโนโลยีระบบใยแก้วนำแสง คือ มีความเสถียรและความรวดเร็วในการใช้งาน โดยไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งได้ติดตั้งและพร้อมให้บริการแล้วกว่า 560 อาคาร โดยนำร่องให้บริการโครงการหมู่บ้านระดับไฮเอ็นด์ ได้แก่ วินด์มิลล์พาร์ค, นิชดาธานี และ เลคไซด์วิลล่า และจะเดินหน้าขยายต่อในหมู่บ้านและคอนโดระดับไฮเอนด์จนครบ 12 แห่งภายในสิ้นปี

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การนำเทคโนโลยีใหม่ FTTx มาให้บริการแก่ลูกค้าบุคคลครั้งนี้ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ เขย่าตลาดบรอดแบนด์ให้มีความตื่นตัวอีกครั้ง เพราะจะสนองตอบไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ที่เน้นการใช้งานอินเทอร์เน็ตเร็วและแรง โดยทรูออนไลน์ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอ็นด์ ซึ่งต้องการความเสถียรในการเข้าอินเทอร์เน็ต ที่จะช่วยให้สามารถรับข้อมูลข่าวสารและสาระความบันเทิงได้อย่างลื่นไหล เต็มอรรถรสทุกเสี้ยววินาที รองรับการรับชม VDO Streaming ในรูปแบบ HD Video

ทรูออนไลน์ จะนำร่องให้บริการ Ultra hi-speed Internet ผ่านเทคโนโลยีใหม่ FTTH ภายในโครงการหมู่บ้านระดับไฮเอ็นด์ คือ หมู่บ้านวินด์มิลล์พาร์ค, หมู่บ้านนิชดาธานี และหมู่บ้านเลคไซด์ โดยได้จัดเป็นแพ็กเกจให้เลือกทั้ง แพ็กเกจ 50 Mbps ราคา 2,799 บาทต่อเดือน และ แพ็กเกจ 100 Mbps ราคา 4,999บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นอัตราค่าบริการเดียวกับ Ultra hi-speed Internet ผ่านเทคโนโลยี DOCSIS ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว

ในครึ่งปีแรก ทรูออนไลน์ มีรายได้จากการให้บริการบรอดแบนด์จำนวน 5,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของครึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ของบริการ Ultra hi-speed Internet ทั้งนี้ ทรูออนไลน์สามารถเพิ่มยอดผู้ใช้บริการบรอดแบนด์รายใหม่สุทธิได้ 79,000 รายในครึ่งปีแรก ทำให้มีฐานผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 1.25 ล้านราย และยังมุ่งมั่นสรรหาบริการใหม่ๆ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในการใช้งานให้กับลูกค้า รวมทั้งขยายพื้นที่บริการให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าชาวไทย

View :2013

ก.ไอซีที อัพเกรดโปรแกรมเฝ้าระวังภัยแฝงจากการใช้อินเทอร์เน็ตไม่เหมาะสม

September 26th, 2011 No comments

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยถึง โครงการจัดการดูแลและเฝ้าระวังภัยแฝงจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสม ว่า หลังจากที่กระทรวงไอซีที ได้ดำเนินโครงการจัดทำโปรแกรมเฮ้าส์คีปเปอร์ เพื่อป้องกันภัยแฝงจากการใช้อินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ และเกมคอมพิวเตอร์ที่ไม่เหมาะสม พบว่าได้รับการตอบรับจากหน่วยงาน สถานศึกษา คณาจารย์ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และประชาชนที่สนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้แสดงความจำนงขอโปรแกรมไปใช้งานมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมทั้งยังมีการเรียกร้องขอให้มีการดูแลและปรับปรุงโปรแกรมให้ทันสมัย อยู่เสมอ เพื่อที่ผู้ปกครองและโรงเรียนต่างๆ จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการป้องกันสื่อออนไลน์ที่ ไม่เหมาะสมและดูแลการใช้งานคอมพิวเตอร์ของเยาวชน

“กระทรวงฯ เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวมีประโยชน์ต่อสังคมและประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรงเรียน สถานศึกษา และเยาวชนที่เป็นผู้ใช้คอมพิวเตอร์ จึงได้จัดทำโครงการปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพ จัดการดูแลระบบ และเผยแพร่แนวทางป้องกันภัยแฝงจากการใช้อินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสมสำหรับประชาชนทั่วประเทศขึ้น โดยมุ่งหวังให้เกิดการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความรู้ กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและสร้างภูมิคุ้มกันภัยที่แฝงมากับการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งขยายผลการดำเนินการให้ประชาชนโดยทั่วไปมีโอกาสได้เข้าถึงมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนมีเครื่องมือสำหรับใช้ป้องกันเยาวชนและตนเองจากเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมต่างๆ รวมถึงมีแหล่งเครื่องมือ และสามารถเข้าถึงช่องทางการดาวน์โหลดเครื่องมือป้องกันตนเองและบุตรหลานจากภัยแฝงทางอินเทอร์เน็ตได้ เพื่อให้เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพสามารถสร้างสรรค์สังคมที่ดีได้ต่อไป” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

การจัดทำโครงการดังกล่าวเป็นการปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอนการดูแลเฝ้าระวังให้เหมาะกับการใช้งาน และมีฐานข้อมูลที่ทันสมัย โดยกระทรวงฯ ได้ปรับปรุงโปรแกรมเฮ้าส์คีปเปอร์ เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานมากขึ้น พร้อมเพิ่มสมรรถนะของกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินงานให้ทันสมัย และเหมาะสมกับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (32bit) ได้แก่ XP, Vista และ Windows 7 เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับบราวเซอร์ต่างๆ ในปัจจุบัน เช่น IE, Firefox และ Chrome ได้ รวมทั้งสามารถปรับปรุงข้อมูลรายการเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมเพิ่มเติมได้ด้วย

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “กระทรวงฯ ได้จัดทำโปรแกรมดังกล่าวเพื่อแจกจ่ายสำหรับการใช้งานจำนวน 10,000 ชุด และจะมีการจัดสัมมนาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้สู่ประชาชน รวมทั้งกระตุ้นให้รู้ถึงภัยแฝงและการป้องกันตนจากการใช้งานคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตที่ไม่เหมาะสมสำหรับประชาชนและสถานศึกษาทั่วประเทศ โดยหวังว่าโครงการฯ นี้ จะช่วยให้เกิดเครือข่ายป้องกันเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมของภาคประชาชนและภาครัฐในรูปแบบสมัครใจ ซึ่งจะเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็งและเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด”

View :1525