Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

แอพจากมหาวิทยาลัยไทยสร้างยอดดาวน์โหลดทะลุเป้าบน Nokia Store

January 7th, 2012 No comments

โนเกียเผยแอพพลิเคชั่นซึ่งพัฒนาโดยนักพัฒนาจากมหาวิทยาลัยไทยมีจำนวนการดาวน์โหลดจากผู้ใช้โนเกียทั่วโลกทะลุเป้าที่วางไว้หลังจากเปิดให้ดาวน์โหลดบน แสดงถึงศักยภาพ ของนักพัฒนารุ่นใหม่ของไทย โดยหนึ่งในแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100,000 ครั้งในช่วงระยะเวลาอันสั้น

แอพพลิเคชั่นเหล่านี้เป็นผลงานจากโครงการ Tap That App ซึ่งโนเกียได้ริเริ่มขึ้น ถือเป็นโครงการนำร่องของวงการเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายที่สนับสนุนระบบนิเวศน์นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นของไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความมคิดสร้างสรรค์ของนักพัฒนาแอพรุ่นใหม่ในระดับมหาวิทยาลัย โดยโนเกียได้จัดตั้ง Mobile Innosphere Center ขึ้นในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่สำหรับนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัย หลังจากการฝึกอบรม แอพพลิเคชั่นที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการเผยแพร่บน Nokia Store เพื่อให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือโนเกียทั่วโลกได้ดาวน์โหลด

มร.แกรนท์ แมคบีธ กรรมการผู้จัดการ โนเกีย ประเทศไทย และตลาดเอเชียเกิดใหม่ กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำด้านการสื่อสารเคลื่อนที่ โนเกียได้ผนวกเทคโนโลยีล้ำยุคเข้ากับการสร้างสรรค์บริการที่ปรับได้ตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน พร้อมปลูกฝังวัฒนธรรมด้านการคิดค้นนวัตกรรม เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้บริโภค เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นผลงานของแอพไทยบน Nokia Store ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักพัฒนารุ่นใหม่ของไทย โดยเฉพาะเมื่อหนึ่งในแอพจากทีมมหาวิทยาลัยไทยมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100,000 ครั้ง แน่นอนว่าเราจะยังคงติดตามพัฒนาการของนักพัฒนาแอพรุ่นใหม่เหล่านี้ต่อไป”

แอพพลิเคชั่นที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดซึ่งสร้างสรรค์โดยนักศึกษาและคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่

WatchDoggy แอพที่มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100,000 ครั้ง สร้างสรรค์โดยทีมนักพัฒนาจากมหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ เป็นแอพพลิเคชั่นที่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้ โดยให้คุณสามารถเห็นภาพสดๆ จากกล้องวงจรปิดบนระบบอินเตอร์เน็ต (IP camera) ซึ่งคุณสามารถเพิ่มกล้องใหม่ แก้ไขกล้องเก่า และลบกล้องเดิมออกไปได้

Tilt Blocks Gravity เป็นเกมต่อบล็อคสีแบบใหม่ไม่เหมือนใคร โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของจักรวาล ด้วยการหมุนโทรศัพท์มือถือของคุณไปมา เพื่อแยกและเรียงบล็อคสี และต่อสู้กับระดับแรงโน้มถ่วงที่มีผลต่อบล็อคที่ตกลงมา

MiniMatch เป็นเกมจับคู่ภาพที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว มีรูปภาพมากกว่า 6 รูปอยู่ในแต่ละขั้นของเกม ซึ่งคุณต้องค้นหาให้เจอ แล้วจับคู่ภาพเพื่อทะลุไปสู่ขั้นต่อไป

Wheresphone เป็นแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาโทรศัพท์มือถือได้โดยการบันทึกเสียงไว้ใช้ในกรณีที่คุณหาโทรศัพท์ที่คุณวางไว้ในบริเวณที่คุณอยู่ไม่เจอ
Check My Lung แอพพลิเคชั่นสำหรับช่วยวินิจฉัยสุขภาพปอด ใช้ได้ทั้งผู้ป่วยโรคหอบหืด หรือผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ แอพนี้ประกอบด้วยระบบตรวจสอบสุขภาพปอด และระบบทดสอบประสิทธิภาพปอด ใช้งานง่าย ใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา

ส่วนแอพอื่นๆ ที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ Survival Fish, MPetz, Finger Mad Game และ Go Went Gone

โนเกียวางแผนจะดำเนินโครงการ Tap That App อย่างต่อเนื่องโดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของนักพัฒนาเลือดใหม่ของไทยให้แข่งขันได้ในตลาดโลกและสร้างรายได้กลับสู่ประเทศ

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นฝีมือนักพัฒนารุ่นใหม่ของไทยได้ที่ www.nokia.com

View :1360

เอชพียึดหัวหาดครองตำแหน่งผู้นำจากรายงานการวิเคราะห์ด้านการจัดการด้านงานพิมพ์ (Managed Print Services) MarketScape ของไอดีซี

January 7th, 2012 No comments

เอชพีผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมการพิมพ์เปิดเผยว่าไอดีซี บริษัทวิจัยชั้นนำ ยกย่องให้เอชพีครองตำแหน่งผู้นำ จากการศึกษา IDC MarketScape: Worldwide Managed Print Services 2011 Hardcopy Vendor Analysis Study ซึ่งเป็นการศึกษาวิเคราะห์ผู้จำหน่ายที่ให้บริการจัดการด้านงานพิมพ์ (Managed Print Services) ทั่วโลกประจำปี 2554

ทั้งนี้ ไอดีซี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลวิจัยด้านไอทีอิสระระดับโลก ได้เสร็จสิ้นการประเมินผู้จำหน่ายหลายๆ ราย พร้อมระบุว่าบริการจัดการ ด้านงานพิมพ์ (MPS) ของเอชพียังคงครองความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับคะแนนประเมินสูงในด้านทิศทางเชิงกลยุทธ์ และการนำเสนอสมรรถนะการใช้งานต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการ

รายงานฉบับดังกล่าวยังได้บ่งชี้ว่าความเป็นผู้นำตลาดของเอชพีสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์อันครอบคลุมของบริษัทในการนำเสนอประสบการณ์การใช้งาน แบบครบวงจรทั่วทั้งสำนักงาน การผลิตนอกสถานที่ (onsite production) สภาพแวดล้อมการใช้งานภาพและการพิมพ์ภายนอกองค์กร โดยชุดผลิตภัณฑ์อันครบครันของเอชพีโดดเด่นด้วยโซลูชั่นสำหรับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย รวมทั้งคุณสมบัติพิเศษต่างๆ อาทิ ePrint, Open Extensibility Platform (OXP) และ FutureSmart นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าผู้ใช้งานสามารถอัพเดท จัดการ รวมทั้งขยายสมรรถนะการใช้งานของเครื่องพิมพ์ แบบมัลติฟังก์ชั่น (MFPs) และเครื่องพิมพ์อื่นๆ ของตนเองได้อย่างง่ายดายโดยใช้โซลูชั่นและแอพพลิเคชั่นอันล้ำสมัย และสามารถสั่งพิมพ์ได้อย่างสะดวก แม้อยู่นอกสถานที่ก็ตาม

มร.ปิแอร์ เมียร์เลสส์ รองประธาน ฝ่ายจัดการโซลูชั่นสำหรับกลุ่มลูกค้าเอ็นเตอร์ไพรซ์ กลุ่มธุรกิจภาพและการพิมพ์ ฮิวเลตต์-แพคการ์ด ภูมิภาค เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “ความสามารถในการช่วยให้ผู้คนทำงานแบบโมบายล์นอกสถานที่ได้ และการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการพิมพ์ที่มีความปลอดภัยและยั่งยืน ถือเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตสำคัญ ในอุตสาหกรรมการจัดการด้านงานพิมพ์ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ หากมองไป ข้างหน้านั้น ความเป็นผู้นำจะถูกนิยามโดยความสามารถในการเป็นพันธมิตรในการให้คำปรึกษาที่มุ่งเน้นในการลดความซับซ้อนของขั้นตอนทางธุรกิจ รวมทั้งการจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการพิมพ์ขนาดใหญ่ขึ้น”

นอกเหนือจากโมเดลการจัดการด้านงานพิมพ์ระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์โดยตรงของเอชพีในปัจจุบันแล้ว การที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการของ Printelligent ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการจัดการด้านการพิมพ์นั้น ยังช่วยให้เอชพีสามารถต่อยอดธุรกิจด้วยการขยายการเข้าถึง และสามารถนำเสนอการขาย บริการ และความชำนาญด้านการจัดการการพิมพ์ระดับโลกไปสู่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กผ่านพันธมิตรคู่ค้าที่ได้รับการคัดสรรให้สามารถปรับระดับการเข้าร่วมในธุรกิจได้

แองเจเล บอยด์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ Imaging/Output Document Solutions and Small and Medium Business ของไอดีซีกล่าวว่า “เอชพีเป็นผู้นำในตลาดการจัดการด้านงานพิมพ์ระดับโลก ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอันทรงประสิทธิภาพ โดยรวมไปถึงแนวทางในด้านให้คำปรึกษาเพื่อสร้างความเหมาะสมให้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการพิมพ์และเอกสารของลูกค้า ครอบคลุมไปถึงสภาพแวดล้อมการใช้งานทั้งแบบกระจาย และแบบรวมศูนย์ และธุรกิจเอสเอ็มบีไปจนถึงระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ โดยเอชพีสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการพิมพ์ งานด้านภาพและเอกสาร ภายในองค์กรได้อย่างครบครัน โดยมุ่งเน้นอย่างจริงจังในด้านเวิร์กโฟลว์งานที่เน้นการใช้งานเอกสารสูงในอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน

View :1367
Categories: Press/Release Tags:

ไอบีเอ็มครองแชมป์ผู้นำตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กรในอาเซียน ไตรมาส 3 ปี 2554

January 7th, 2012 No comments

ไอบีเอ็มครองส่วนแบ่งตลาดรายได้เซิร์ฟเวอร์โดยรวมอันดับ 1 ในไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ช่วงไตรมาส 3 ปี 2554

ไอบีเอ็มเปิดเผยว่าบริษัทฯ ยังคงรั้งตำแหน่งผู้นำอย่างต่อเนื่องในตลาดเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรของอาเซียน โดยครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ได้อย่างแข็งแกร่ง ตามข้อมูลรายงานจากไอดีซี บริษัทวิเคราะห์รายใหญ่

รายงานตลาดเซิร์ฟเวอร์รายไตรมาสในเอเซียแปซิฟิคของไอดีซีระบุว่า ไอบีเอ็มครองอันดับ 1 ในอาเซียนจาก non-x86 หรือยูนิกซ์เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่สถาปัตยกรรม x86 ด้วย 59.1 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งขับเคลื่อนด้วย IBM Power Systems™และ System z servers รวมถึงส่วนแบ่ง 78.8 เปอร์เซ็นต์ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร

สำหรับประเทศไทย ไอบีเอ็มเป็นผู้จำหน่ายเซิร์ฟเวอร์อันดับ 1 โดยครองส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้เซิร์ฟเวอร์โดยรวมสูงถึง 44 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2553 ส่งผลให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งรายได้จากตลาดเซิร์ฟเวอร์โดยรวมสูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 15.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2554

นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2554 สำหรับ:
➢ ตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กรระดับไฮเอนด์ (เซิร์ฟเวอร์ระดับราคา 250,000 ดอลลาร์ขึ้นไป) ด้วยส่วนแบ่งรายได้ 82.1% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 67.9 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว)
➢ ตลาดเซิร์ฟเวอร์ RISC/EPIC ด้วยส่วนแบ่งรายได้ 45% (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 15.3 เปอร์เซ็นต์)
➢ ส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้จากยูนิกซ์เซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่สถาปัตยกรรม x86 อยู่ที่ 45.5 เปอร์เซ็นต์ (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ถึง 16.5 เปอร์เซ็นต์)
➢ ส่วนแบ่งตลาดในแง่ของรายได้จากลีนุกซ์เซิร์ฟเวอร์ อยู่ที่ 42.3 เปอร์เซ็นต์ (สูงกว่าคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ราว 12.3 เปอร์เซ็นต์)

นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังรายงานความสำเร็จในตลาดใหม่ๆ ในประเทศไทย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยเป็นผลมาจากความสนใจและความสำเร็จใน Smarter Computing ซึ่งหมายถึงสถาปัตยกรรมอัจฉริยะที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก เพิ่มขีดความสามารถทางด้านไอที และนำเสนอบริการใหม่ๆ ได้รวดเร็วกว่า เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ก่อให้เกิดกำไรอย่างแท้จริง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็มได้แนะนำแนวทาง Smarter Computing สำหรับการพัฒนาปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้องค์กรต่างๆ ได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และสมรรถนะ โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า แนวทางดังกล่าวประกอบด้วยสามแง่มุมหลัก ได้แก่ การใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลในการรองรับเป้าหมายทางธุรกิจ การใช้ระบบที่ปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับงานที่เฉพาะเจาะจง และการบริหารจัดการระบบไอทีอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้ง

ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย


ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “การที่เรารั้งตำแหน่งผู้นำอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากการลงทุนในระบบที่หลากหลายและเทคโนโลยีชั้นนำ โดยเรามุ่งมั่นผลักดันการสร้างสรรค์นวัตกรรม การเพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับขนาด และการปรับปรุงประสิทธิภาพ ขณะที่คู่แข่งบางรายขาดความชัดเจนในเรื่องของทิศทางการดำเนินงาน แต่ไอบีเอ็มยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตและสร้างสรรค์นวัตกรรมให้แก่ลูกค้าของเรา ขณะที่เศรษฐกิจของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าจึงไว้วางใจให้ไอบีเอ็มช่วยปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไอทีให้ทันสมัย เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการเติบโตในอนาคต ไอบีเอ็มดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อค้นหาหนทางใหม่ๆ ในการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ลูกค้า เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือลูกค้า เราจึงพยายามที่จะนำเสนอโซลูชั่นที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ปรับขนาดได้อย่างเหมาะสม ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ลดการใช้พลังงาน เพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่ลูกค้าและเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขัน”

ที่มา: รายงานตลาดเซิร์ฟเวอร์รายไตรมาสทั่วโลกและเอเซียแปซิฟิคของไอดีซี, ธันวาคม 2554

View :1340
Categories: Press/Release, Technology Tags:

ดีแทคเยียวยาลูกค้าภาคใต้ หลังชุมสายขัดข้อง 3 ชั่วโมง

January 7th, 2012 No comments

ประกาศชดเชยค่าบริการ 48 ชั่วโมง ให้แก่ลูกค้าจำนวน 1.8 ล้านราย ในพื้นที่เจ็ดจังหวัดภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีบริการขัดข้องที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองในช่วงสามอาทิตย์ที่ผ่านมา

ดร. ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีแทค กล่าวว่า บริษัทฯ จะทำการชดเชยค่าบริการในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง ให้แก่ลูกค้าจำนวน 1.8 ล้านราย ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีบริการขัดข้องที่เกิดขึ้นเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ในช่วงเย็นของวันที่ 5 มกราคมนี้ โดยแบ่งเป็นลูกค้าจำนวนประมาณ 9 แสนรายในเจ็ดจังหวัดภาคใต้ คือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง กระบี่ นครศรีธรรมราช ภูเก็ต และพังงา รวมทั้งลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งในพื้นที่บางส่วนของประเทศซึ่งได้รับผลกระทบ

บริการที่ขัดข้องดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2555 เวลาประมาณ 15.30 น. บริษัทฯ พบว่าชุมสาย (MSC) ของบริษัทฯ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีประสิทธิภาพที่ลดลง และอัตราความสำเร็จในการเชื่อมต่อของลูกค้าในพื้นที่ดังกล่าวลดลงมาอยู่ระดับร้อยละ 50-60 ปัญหาที่เกิดขึ้น นำไปสู่การเกิดภาวะการจราจรหนาแน่นในระบบของบริษัทฯ และส่งผลให้ลูกค้าดีแทคจำนวน 1.8 ล้านราย ประสบปัญหาในการโทรออกหรือรับสายเข้า

ทีมงานเทคโนโลยีของบริษัทฯ สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ในเวลาประมาณ 18.45 น. และสถานการณ์ได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ในเวลาประมาณ 20.30 น. ของวันเดียวกัน โดยอัตราความสำเร็จในการเชื่อมต่อของลูกค้าอยู่ที่ร้อยละ 98-99 ซึ่งเป็นระดับปกติ

“ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุการณ์เฉพาะ และเกิดขึ้นในขั้นตอนของการปรับปรุงระดับมาตรฐานอุปกรณ์ของบริษัทฯ คณะผู้บริหารและพนักงานของดีแทคกราบขออภัยต่อลูกค้าสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ดีแทค ยินดีรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะชดเชยลูกค้าสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นต่อไป”ดร. ดามพ์ กล่าว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทางดีแทคจะทำการชดเชยค่าบริการให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว จำนวน 1.8 ล้านราย ภายในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง โดยเริ่มต้นในช่วงระหว่างเวลา 12.00 น. ของวันที่ 4 มกราคม จนถึงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 6 มกราคม 2555

ดร. ดามพ์ กล่าวต่อว่า “ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขัดข้องในบริการขึ้นอีก ดีแทคได้ตัดสินใจที่จะระงับการปรับปรุงในการยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์ของบริษัทฯ เป็นการชั่วคราว และจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดหาอุปกรณ์ให้กับบริษัทฯ ในการที่จะทบทวนขั้นตอนและกระบวนการทั้งหมดในการปรับปรุงยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์โดยด่วนต่อไป การตัดสินใจในครั้งนี้อาจทำให้แผนงานยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์ของดีแทคล่าช้าไปบ้าง อย่างไรก็ดี การตัดสินใจจะช่วยให้ดีแทคสามารถลดความเสี่ยงในการที่จะเกิดปัญหาในลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต และในระยะยาว จะสามารถนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าได้”

“จากสถานการณ์ทั้งสองครั้งที่เกิดขึ้นนี้ เราตระหนักดีว่าจะต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะสร้างความมั่นใจของลูกค้าของเราให้กลับคืนมา ดังนั้น คณะผู้บริหารและพนักงานของดีแทค ขอตั้งปณิธานว่าเราจะใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะป้องกันไม่ให้ปัญหาในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก และที่สำคัญคือ เราจะใช้ความพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าของเรา ดีแทคใคร่กราบขออภัยมายังลูกค้าทั้งหมดอีกครั้ง ณ ที่นี้” ดร. ดามพ์กล่าวในที่สุด

View :1611

พร้อมเปิดตัว “ทรูการ์ด” บัตรเอกสิทธิ์เฉพาะลูกค้ากลุ่มทรู รับสิทธิพิเศษเหนือระดับมากมาย

January 6th, 2012 No comments

กลุ่มทรู ยกระดับการดูแลและบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า เน้นสร้างความสุขแบบไม่รู้จบ เปิดตัว ทรูยู () พร้อมแนะนำ “ทรูการ์ด” บัตรสิทธิประโยชน์เหนือระดับเอกสิทธิ์เฉพาะลูกค้ากลุ่มทรู ให้ลูกค้าทรูรับความสุขจากสิทธิพิเศษมากมายยิ่งขึ้น สามารถเลือกได้หลากหลายไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง เติมเต็มประสบการณ์ความสุขอย่างไม่รู้จบ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และบริหารความสุขลูกค้า บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทรูยู (TrueYou) เป็นความตั้งใจของกลุ่มทรู ที่มุ่งมั่นเลือกสรรเฉพาะสิ่งที่จะเป็นความสุขสุดพิเศษ เพื่อมอบให้ลูกค้าที่ใช้บริการกลุ่มทรู เป็นการยกระดับการดูแลและบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า CRM (Customer Relationship Management) จากแบบเดิม เป็นการเพิ่มความผูกพันกับลูกค้าด้วยการมอบความสุขแบบไม่รู้จบ CHRM (Customer Happiness and Relationship Management) ซึ่งสิทธิพิเศษจะเพิ่มเป็นทวีคูณยิ่งขึ้น ตามระยะเวลาการใช้บริการของกลุ่มทรู ซึ่งครอบคลุมทั้งลูกค้าทรูมูฟ ทรูมูฟ เอช ทรูออนไลน์ ทรูวิชั่นส์ ทรูไลฟ์ พลัส โทรศัพท์พื้นฐาน และวี พีซีที โดยลูกค้าสามารถเลือกรับความสุขได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ และสามารถแบ่งปันให้คนใกล้ชิดด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อดูแลลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด ทรูจัดเตรียม ทรูการ์ด True Card ทั้ง True BlackCard และ True RedCard ให้กับลูกค้ากลุ่มทรูระดับพรีเมี่ยมกว่า 600,000 รายทั่วประเทศ ใช้แสดงตนเพื่อรับสิทธิพิเศษ สัมผัสความสุข และประสบการณ์แบบไม่รู้จบ อาทิ บริการเลขาส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง บริการที่จอดรถสำรองพิเศษในห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลชั้นนำกว่า 12 แห่ง ฟรีเครื่องดื่มรับรองที่สนามบิน 9 แห่งทั่วประเทศ ส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ 50% ประกันอุบัติเหตุวงเงินคุ้มครองสูงสุด 200,000 บาท นาน 1 ปี ส่วนลดจากร้านค้ากว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ อีกทั้งทรูการ์ดยังเหนือกว่าบัตรสิทธิพิเศษทั่วไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย Contactless ที่ทำให้ลูกค้ารับสิทธิพิเศษดีๆ จากสินค้าและบริการกลุ่มทรู หรือใช้สะสมแต้มแลกรางวัลมากมาย ได้ง่ายๆ เพียงสัมผัส

ทั้งนี้ได้เริ่มมีการจัดส่ง True Card ให้กับลูกค้าทรูไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา

View :1668
Categories: Press/Release Tags: ,

“เดลต้า” โชว์ศักยภาพ กรีนโซลูชั่นด้านอุตสาหรกรรม ในงาน BOI FAIR 2011 THAILAND

January 5th, 2012 No comments


“เดลต้า” ร่วมจัดงาน BOI FAIR 2011 THAILAND หวังโชว์ศักยภาพจัดนิทรรศการภายใต้แนวคิด “Future For Nature” ซึ่งเน้นความสมดุลระหว่างนวัตกรรมและเทคโนโลยีของเดลต้า กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมเปิดตัวสินค้าทดแทนพลังงาน และกรีนเอนนีจี พวกโซลาร์อินเวอร์เตอร์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูง ในปี 2555 ออกสู่ตลาด พร้อมรุกคืบตลาดในเอเชีย และยุโรป หวังขยายฐานผลิต และเพิ่มยอดขาย ในผลิตภัณฑ์ใหม่อีกด้วย

คุณอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า ชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า เดลต้าจะร่วมงาน BOI FAIR 2011 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-13 มกราคม 2555 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ด้วยความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ที่เดลต้าออกแบบจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้นำเอานวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาร่วมด้วยเสมอ และ จากความเชี่ยวชาญที่มาจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ทำให้เดลต้า สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ในแบบและขนาดต่างๆออกมารองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยการจัดงานในครั้งนี้ เดลต้าจะจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “Future For Nature” ที่เน้นความสมดุลระหว่างนวัตกรรมและเทคโนโลยีของเดลต้ากับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเดลต้าให้ความสำคัญตลอดมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯจนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

วัตถุประสงค์หลักของการร่วมงาน ครั้งนี้ เพื่อนำเสนอผลงานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมของเดลต้าที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ภายใต้โจทย์ของเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของเดลต้า ที่ว่า “มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้พลังงานสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า” อีกทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นกับนักลงทุนอีกครั้ง ตลอดจนต้องการเปิดเวทีเพื่อการเจรจาธุรกิจ แลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

“บูธของเดลต้า จะนำเสนอความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถ่ายทอดผ่านโรงภาพยนตร์จำลอง 3D ตลอดจนศักยภาพที่นักพัฒนาของเดลต้า ตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภค ได้เต็มประสิทธิภาพการใช้งาน ควบคู่ไปกับการดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อม ๆ กัน และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 8,000 ราย” คุณ อนุสรณ์ มุทราอิศ กล่าว

สำหรับในปี 2555 บริษัทฯ จะเปิดตัว นวัตกรรมใหม่ล่าสุด ซึ่งจะเป็นไฮไลท์ของบริษัทฯ ในกลุ่มสินค้าประเภททดแทนพลังงาน และกรีนเอนนิจี หรือพลังงานสะอาดเพื่ออนาคต เช่น โซล่าร์อินเวอร์เตอร์ อุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่แรงดันสูงอีกด้วย

กลยุทธ์การตลาดของเดลต้า คุณ อนุสรณ์ มุทราอิศ กล่าวว่า เน้นขยายการผลิต และเพิ่มยอดขายในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยจะมุ่งทำตลาดในเอเชีย และยุโรปให้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศอินเดีย ซึ่งมีการบริโภคขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะสามารถนำมาชดเชยตลาดที่หดหายไปได้ โดยที่ผ่านมาเดลต้าได้ทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น อเมริกา ยุโรป ประเทศในตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชีย โดยสินค้าที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งของบริษัทฯ ยังเป็นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มรถยนต์ กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ กลุ่มอุปกรณ์อุตสาหกรรม และกลุ่มไฟฟ้าในครัวเรือน ซึ่งจากพันธกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมของเดลต้านี้เองที่ทำให้เดลต้าเป็นแบรนด์ที่สร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพ และใส่ใจสิ่งแวดล้อมในคราวเดียวกัน” คุณ อนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร กล่าวสรุปในตอนท้าย

View :2143

รมว.ไอซีที เปิดนโยบาย Government Cloud Service

January 5th, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวในการแถลงข่าวเปิดโครงการนำร่องบริการระบบคลาวด์ภาครัฐ () ว่า กระทรวงไอซีที มียุทธศาสตร์หลักที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา หรือ Smart Thailand ซึ่งหมายถึง สังคมที่มีการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างชาญฉลาด โดยการมี Smart Network ที่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายไปสู่พื้นที่ห่างไกลเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล รวมทั้งมี Smart Government ที่ช่วยลดการลงทุนภาครัฐและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชน และมี Smart Business ซึ่งเป็นการกำหนดนโยบาย มาตรการเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนนำ ICT มาใช้ในการทำธุรกิจ

โดยการดำเนินการด้าน Smart Government นั้น รัฐบาลมีแนวทางในการพัฒนา e-Services เพื่อให้บริการกับประชาชน แต่กลไกในการพัฒนายังมีข้อจำกัดหลายเรื่อง เช่น ระยะเวลาในการจัดซื้อ – จัดจ้างที่ยังไม่ทันต่อความต้องการใช้งาน รวมถึงประเด็นการลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนเพื่อช่วยให้ภาครัฐเกิดความคุ้มทุนในด้านงบประมาณมากขึ้น ดังนั้น หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค จึงได้มีการนำระบบ Cloud มาพัฒนาการให้บริการแก่ประชาชน เช่น ไต้หวัน เวียดนาม อินเดีย ได้มีการศึกษาและเริ่มลงทุนในระบบ Cloud Computing แล้ว ขณะเดียวกันประเทศชั้นนำของโลกอย่างสหรัฐอเมริกานั้นได้ดำเนินโครงการ Federal Government Cloud มาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งคาดว่าสามารถประหยัดงบประมาณด้านไอทีของภาครัฐไปกว่า 25%

“ส่วนประเทศไทย กระทรวงไอซีที ได้มีการวางแนวทางการผลักดันและเป้าหมายในเรื่อง Smart Cloud เอาไว้ โดยมอบหมายให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. จัดทำระบบนำร่องขึ้นอย่างเร่งด่วน และทำการทดสอบระบบร่วมกับหน่วยงานภาครัฐนำร่องจำนวน 10 หน่วยงาน เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการนำระบบ Cloud มาใช้ในการให้บริการจริงแก่ประชาชน ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะได้รับการจัดสรรเครื่องแม่ข่ายที่อยู่บนระบบ Cloud ของ สรอ. ไปใช้ในการทดสอบเป็นระยะเวลา 3 เดือน

ซึ่งการผลักดัน Government Cloud Service ในครั้งนี้ จะส่งผลดีกับการบริการของภาครัฐแก่ประชาชนชน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเป็นอย่างมาก โดยในระยะสั้นการบริหารจัดการระบบเครือข่ายของภาครัฐจะดีขึ้น และสามารถประหยัดงบประมาณทางด้านการลงทุนระบบได้อย่างน้อย 30% ตามตัวเลขที่ได้มีการประเมินในระดับโลกมาแล้ว ซึ่งผลของการดำเนินโครงการนำร่องนี้จะนำไปสู่การให้บริการคลาวด์ภาครัฐ อย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงเดือนเมษายน 2555

ด้านภาพรวมในระยะยาวการบริการผ่านระบบคอมพิวเตอร์ของภาครัฐทั้งหมดจะขยายใหญ่ขึ้นโดยกระจายผ่าน สรอ. ซึ่งจะเข้ามาบริหารจัดการผ่าน Data Center ต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยมีเครือข่าย GIN คอยให้การสนับสนุน ซึ่งจะทำให้หน่วยงานภาครัฐจำนวนมากสามารถทำงานผ่านระบบออนไลน์ที่เชื่อมโยงกรม กองต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ สามารถทำงานผ่านระบบโมบายได้อย่างง่ายดาย มีความสะดวกรวดเร็วและมีความถูกต้องของข้อมูล จนกลายเป็น Smart Network ในที่สุด” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์กล่าว

View :2020

ก.ไอซีที จัดฝึกอบรมหลักสูตรผู้บังคับบัญชาลูกเสือไซเบอร์

January 4th, 2012 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้จัดการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บังคับบัญชาลูกเสือระดับผู้นำ ขั้นความรู้ชั้นสูง (A.T.C) และหลักสูตรผู้บริหารลูกเสือไซเบอร์ (Executive Cyber Scout) สำหรับผู้บริหารกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขึ้น ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จ.ชลบุรี เพื่ออาศัยกระบวนการและหลักการลูกเสือมาช่วยขับเคลื่อนการดำเนินโครงการสร้างลูกเสือบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ Cyber Scout ให้มีความต่อเนื่องอย่างยั่งยืน

การฝึกอบรมฯ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ในวิชาลูกเสือ มีเกียรติและศักดิ์ศรี มีความรักสามัคคี มุ่งมั่นในการบำเพ็ญประโยชน์ ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีความเคารพในสถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้ตรวจการลูกเสือประจำสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ มีสิทธิได้ประดับเครื่องหมายวูดแบดจ์ 2 ท่อน ซึ่งเมื่อผ่านการอบรมแล้วจะทำให้สามารถเป็นแกนนำในการบริหารจัดการเครือข่ายลูกเสือไซเบอร์ (Cyber Scout) ได้

สำหรับกิจกรรมอบรมในค่ายลูกเสือครั้งนี้ มีเนื้อหาหลักสูตรเกี่ยวกับกระบวนการของลูกเสือ กฎ ระเบียบวินัย คำปฏิญาณ ข้อปฏิบัติ วิธีการปฏิบัติตนของลูกเสือ และกิจกรรมการเข้าฐานเพื่อเรียนรู้หลักการของลูกเสือทุกระดับ รวมถึงกิจกรรมนันทนาการในรูปแบบของลูกเสืออย่างแท้จริง ซึ่งคณะผู้บริหารของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่เข้าร่วมการฝึกอบรมยังได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อเป็นเครื่องหมายของการสืบทอดอุดมการณ์ของลูกเสือสืบไป

View :1818

เอไอเอส เผยมือถือยังเป็นช่องทางฮิตส่งความสุขรับ ปี’55

January 4th, 2012 No comments

นายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยถึงพฤติกรรมการส่งความสุขและอวยพรปีใหม่ของคนไทยว่า “พฤติกรรมการส่งความสุขของลูกค้าเอไอเอสตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2554 – วันที่ 1 มกราคม 2555 มีรายละเอียดปริมาณการใช้งาน ดังนี้

- SMS จำนวน 104 ล้านครั้ง โตขึ้น 17 % จากปี 2554
- MMS จำนวน 1.5 ล้านครั้ง เท่ากับปี 2554
- Social Network (อาทิผ่าน Application BB, Facebook, LINE, What’s App รวมถึงการใช้งานผ่าน website บนมือถือ) โตขึ้น 2 เท่าจากช่วงเวลาปกติ “โดยรูปแบบการใช้งานนั้น ลูกค้าหลายท่านนิยมส่งความสุขผ่านทุกๆช่องทาง ทั้ง SMS, MMS และ Social Network Application ต่างๆบนมือถือ เนื่องจากแต่ละช่องทางจะให้อารมณ์และความรู้สึกที่เข้าถึงแต่ละกลุ่มตาม Lifestyle ที่แตกต่างกัน รวมไปถึงด้วยความพร้อมของ Smart Device และเครือข่ายของเอไอเอส จึงพบว่า SMS ก็ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องอย่างที่คาดการณ์ไว้ ส่วน MMS นั้นมีสถิติการส่งเท่ากับปี 2554 ที่ผ่านมาสาเหตุเพราะเป็นกลุ่มที่ใช้งาน Social Network จึงทำให้การอวยพรผ่าน Social Network ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงระหว่าง 23.00 น. ของคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2554 – 01.00 น.ของคืนวันที่ 1 มกราคม 2555 นั้นมีอัตราการส่ง SMS สูงสุดถึง 26 ล้านข้อความและการใช้งาน Social Network เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับชั่วโมงก่อนหน้า โดยการส่งความสุขเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด จากการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ของทีมงานวิศวกรและทีมงาน IT จึงทำให้ลูกค้าเอไอเอสทุกท่านสามารถส่งความสุข และอวยพรปีใหม่รับปีมังกรกันได้ในแบบที่ตัวเองต้องการอย่างไร้ข้อจำกัด”

- ช่วงเวลาปกติมีปริมาณการส่ง SMS โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 .5 ล้านข้อความ /วัน

- ช่วงเวลาปกติมีปริมาณการส่ง MMS โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3 แสน ข้อความ /วัน

(ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2554)

View :1346

เครือรพ.กรุงเทพ อวดโฉมศูนย์บริการพยาบาลเคลื่อนที่ ในงาน บีโอไอแฟร์ 2011

January 4th, 2012 No comments

เครือโรงพยาบาลกรุงเทพประกาศความพร้อมรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน เสริมศักยภาพศูนย์บริการพยาบาลเคลื่อนที่ ด้วยทีมแพทย์ พยาบาล พร้อมรถพยาบาลและมอเตอร์ไซค์ฉุกเฉิน ในงานบีโอไอแฟร์ 2011เพื่อรองรับผู้เข้าชมงานกว่า 5 ล้านคน

นายแพทย์ชาตรี ดวงเนตร รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการจำกัด (มหาชน) และประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยว่า เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้เตรียมความพร้อมสำหรับงานบีโอไอแฟร์ 2011 ตั้งศูนย์บริการพยาบาลเคลื่อนที่พร้อมเครื่องมือและระบบบริการทางการแพทย์ทันสมัย 5 จุด จากเครือโรงพยาบาลกรุงเทพคือ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโล รองรับบริการด้านสุขภาพให้กับผู้เข้าชมงานที่คาดว่าจะสูงถึง 5 ล้านคน

งานบีโอไอแฟร์ เป็นงานแฟร์ขนาดใหญ่มีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก การบริการด้านสุขภาพนับเป็นส่วนสำคัญ เช่น ความพร้อมในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน โดยเครือโรงพยาบาลกรุงเทพได้จัดให้บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยรถพยาบาลฉุกเฉิน หรือหากเกิดภาวะวิกฤต เราเตรียมเคลื่อนย้ายทางอากาศด้วยเฮลิคอปเตอร์การแพทย์ฉุกเฉิน (SKY ICU) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งบริการที่สามารถช่วยเหลือผู้เข้าชมงานได้ตลอดเมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน

นอกจากนี้หากเกิดเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่การจราจรติดขัด การช่วยเหลือฉุกเฉินอาจจะเป็นไปได้ยาก โรงพยาบาลกรุงเทพมีบริการรถมอเตอร์ไซค์ฉุกเฉิน(Motorlance) และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าพร้อมด้วยพยาบาลที่มีประสบการณ์และอุปกรณ์ทางแพทย์ เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นได้อย่างทันท่วงที พร้อมมีอุปกรณ์สื่อสารกับแพทย์ได้ตลอดเวลา

นายแพทย์ชาตรีบอกว่า ศูนย์บริการพยาบาลเคลื่อนที่ ในงานบีโอไอแฟร์ ตั้งอยู่ ณ บริเวณนิทรรศการริมทะเลสาบ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และอาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ ประกอบด้วยศูนย์บริการพยาบาลทั้งหมด 5 จุด กระจายครอบคลุมพื้นที่งานทั้งหมดของงาน ที่กว้างถึง 166,000 ตารางเมตร หรือ 23 สนามฟุตบอล เช่น 2 จุดภายในอาคารชาเลนเจอร์ และ 3 จุดบริเวณทางเข้าของลานกิจกรรม Outdoor

ภายในศูนย์บริการพยาบาลเคลื่อนที่ของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ประกอบไปด้วยทีมแพทย์ พยาบาล เครื่องมือเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ในการรักษาที่ครบครัน การให้บริการแบ่งเป็นแบบด้านสุขภาพทั่วไป อาทิ การดูแลผู้ป่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น การดูแลผู้ป่วยอุบัติเหตุทั่วไป และการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน
“งานบริการของศูนย์บริการพยาบาลเคลื่อนที่เทียบเท่าระดับสากลของโรงพยาบาล ตั้งแต่การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ณ จุดเกิดเหตุ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว และปลอดภัยเพื่อมารับการรักษาต่อเนื่อง ตลอดจนถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าชมงานตลอด 15 วัน” นายแพทย์ชาตรี กล่าวยืนยัน

ทั้งนี้ความพร้อมด้านการบริการพยาบาลอย่างครบครัน จะเป็นส่วนเสริมความพร้อมด้านความปลอดภัย ด้านการจราจร และด้านระบบสาธารณูปโภคฯลฯ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพให้กับงานบีโอไอแฟร์ 2011 จัดขึ้นภายใต้ธีม โลกสดใส ไทยยั่งยืน” หรือ “Going Green for the Future” ระหว่างวันที่ 5-20 มกราคม 2555 รองรับผู้เข้าชมงานทั้งไทยและต่างชาติ โดยในครั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานถึง 5 ล้านคน

นอกจากนี้ในส่วนของงานสัมมนาที่จัดขึ้นในงานบีโอไอแฟร์ 2011 เครือโรงพยาบาลกรุงเทพยังได้ส่งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจ เข้าร่วมสัมมนาในหัวข้อ “หลอดเลือดสำคัญอย่างไรกับโรคหัวใจ… ” ในวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2555 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ. ห้อง Jupiter 14 อิมแพคเมืองทองธานี โดยหัวข้อที่น่าสนใจ อาทิ การผ่าตัดหลอดเลือดแดงที่คอ (Carotid Endarterectomy) นพ.โกสินทร์ ทัพวงศ์ ผอ.ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก , หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องท้อง (Abdominal Aortic Aneurysm) นพ.วิฑูรย์ ปิติเกื้อกูล รอง ผอ.ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก และการดูแลและรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ (Cardiac Arrhythmia) นพ.ปัญญา ลีชาแสน อายุรแพทย์หัวใจ เชี่ยวชาญด้านภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

View :1334