Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

เอชพีเปิดตัว โซลูชั่น HP VirtualSystem และโซลูชั่น HP CloudSystem ใหม่

November 2nd, 2011 No comments

เอชพีเปิดตัวบริการและโซลูชั่นใหม่ที่พัฒนาต่อยอดจากระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) สนับสนุนผู้ให้บริการและองค์กรธุรกิจต่างๆ ในการให้บริการระบบคลาวด์ได้อย่างรวดเร็วภายใต้งบลงทุนเดิม โดยมีความเสี่ยงลดลงและประหยัดค่าใช้จ่าย

ปัจจุบัน องค์กรต่างๆ มีความกดดันเพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการทรัพยากรไอทีให้มีความคล่องตัว มีแต้มต่อในการแข่งขันเพิ่มขึ้น และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งนี้ ระบบศูนย์ข้อมูลแบบดั้งเดิม ระบบสถาปัตยกรรมไอทีที่ไม่คล่องตัว และการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของเทคโนโลยี คืออุปสรรคสำคัญในการติดตั้งและใช้ระบบการให้บริการแบบใหม่ อาทิ บริการ ไอที (IT as a Service) และระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง ดังนั้น การใช้กลยุทธ์คลาวด์ที่เหมาะสมกับองค์กรของลูกค้า จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จให้แก่ลูกค้า

ดร. เบง เทค เลียง


สุดยอดบริการใหม่และโดดเด่นของเอชพี ได้แก่

· บริการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (HP Technology Consulting Services) มุ่งสนับสนุนการนำกลยุทธ์การบริหารศูนย์ข้อมูลมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและราบรื่น โดยทำให้การวางแผน ออกแบบ และก่อสร้างศูนย์ข้อมูลมีความรวดเร็วมากขึ้นถึงร้อยละ 40 ทั้งยังขับเคลื่อนให้ระบบไอที ศูนย์ข้อมูล และองค์กร ประสานการทำงานร่วมกันอย่างดีเยี่ยม (1)

· พอร์ทโฟลิโอ HP CloudSystem ที่พัฒนาต่อยอดขึ้นมานี้ประกอบด้วยระบบการเงิน บริการ และนักพัฒนา รวมทั้งศูนย์ HP Cloud Centers of Excellence ใหม่ 100 แห่งทั่วโลก โดยในจำนวนนี้มี 50 แห่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และญี่ปุ่น ศูนย์ดังกล่าวเปิดให้บริการระบบ HP CloudSystem ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มแบบเปิด ครบวงจร และสมบูรณ์แบบมากที่สุดในวงการไอที ใช้สำหรับจัดทำและบริหารบริการต่างๆ ในสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบส่วนตัว สาธารณะ และไฮบริด

· โซลูชั่น HP VirtualSystem for Microsoft® และโซลูชั่น HP VirtualSystem for Superdome 2/HP-UX คือ โซลูชั่นฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ครบวงจรรุ่นใหม่ สำหรับสภาพแวดล้อมการทำงาน และการทดสอบบนแอพพลิเคชั่นแบบเวอร์ช่วลให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริการที่ปรึกษาและบริการสนับสนุนจากเอชพีที่ออกแบบให้ตรงตามความต้องการใช้งานของลูกค้าแต่ละรายจะช่วยให้สามารถให้บริการแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไปสู่ผู้ใช้งานจำนวนหลายพันคนได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เร็วกว่าเดิมที่ต้องใช้เวลานานหลายเดือน(2)

ดร. เบง เทค เลียง กรรมการผู้จัดการ และผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจ เอ็นเทอร์-ไพรส์ บิสิเนส บริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ลูกค้าต้องการความช่วยเหลือจากเอชพีในการปรับเปลี่ยนเป็นระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการและโซลูชั่นที่พัฒนาต่อยอดจากระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกซึ่งผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพดีเยี่ยม เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้มากขึ้นในตลาด และให้บริการแก่ลูกค้าของตนได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ของเอชพีตอกย้ำถึงความเป็นเลิศทางด้านทักษะและเทคโนโลยีของเอชพีในการขับเคลื่อนวิวัฒนาการสุดล้ำดังกล่าวให้แก่ลูกค้า โดยมีความซับซ้อนในการทำงาน ต้นทุน และความเสี่ยงที่ลดลง”

พลิกโฉมศูนย์ข้อมูลสู่ยุคคลาวด์

ระบบศูนย์ข้อมูลแบบเดิมต้องการการเปลี่ยนแปลงระดับสำคัญเพื่อเตรียมพร้อมรองรับการก้าวสู่โลกของคลาวด์ คอมพิวติ้ง ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับเปลี่ยนระบบสถาปัตยกรรมใหม่ที่มีกระบวนการวางแผนสั้นลงเพื่อให้สามารถมอบบริการใหม่ๆ ได้ทันที ทั้งยังทำให้การดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพสูงสุด และการให้บริการมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น การดำเนินการให้บรรลุผลดังกล่าวจำเป็นต้องมีการประสานงาน การสื่อสาร และการวางแผนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตลอดทั่วทั้งองค์กร

บริการของเอชพีประกอบด้วยการวางกลยุทธ์ การดำเนินงาน และการควบคุมความต่อเนื่องของระบบศูนย์ข้อมูล โดยให้ความรู้ความเชี่ยวชาญ คำแนะนำ และระเบียบวิธีดำเนินการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า บริการดังกล่าวคือ

· บริการวางกลยุทธ์พัฒนาศูนย์ข้อมูล (Data Center Strategy Services) จะช่วยประหยัดเวลาในการปรับเปลี่ยนระบบได้ถึงร้อยละ 40 โดยทำให้กระบวนการวางแผน ออกแบบ และสร้างศูนย์ข้อมูลสามารถทำได้พร้อมๆ กัน(1) ลูกค้าจึงสามารถใช้กลยุทธ์การตัดสินใจและการลงทุนได้เร็วขึ้น โดยมีการสื่อสารกับผู้บริหารเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ได้ครอบคลุมอย่างกว้างขวางมากขึ้น

· บริการควบคุมการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูล (Data Center Operations Services) ช่วยลดค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของศูนย์ข้อมูลถึงร้อยละ 37 โดยมีการปรับดีไซน์และการก่อสร้างใหม่ รองรับการผนวกรวมระบบโครงสร้างพื้นฐานและการวางแผนศูนย์ข้อมูล ส่งผลให้ระบบศูนย์ข้อมูลทำงานอย่างมีประสิทธิภาพดีขึ้น

· บริการควบคุมศูนย์ข้อมูลให้มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง (Data Center Continuity Services) สนับสนุนผู้ให้บริการให้สามารถคาดการณ์ข้อผิดพลาดและปัญหาของระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีและศูนย์ข้อมูลได้ง่ายขึ้นและกระทำได้ล่วงหน้าก่อนมีปัญหาเกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ด้วยพอร์ทโฟลิโอด้านบริการที่หลากหลาย ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้โปรแกรมเพื่อการพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง (HP Continuous Improvement Program) เพื่อศึกษาข้อด้อยที่เกิดขึ้น และลดเวลาการหยุดทำงานของเครื่องที่ไม่ได้คาดคิด ทั้งยังสามารถใช้โปรแกรมรับประกันเสถียรภาพของระบบ (HP Reliability Assurance Program) เพื่อเพิ่มความต่อเนื่องในการดำเนินงาน หรือโปรแกรมประเมินความพร้อมในการกู้ระบบ (HP Disaster Recovery Readiness Assessment) เพื่อหาข้อด้อยในการวางแผน

เดินหน้าขยายแพลทฟอร์ม HP CloudSystem

โซลูชั่น HP CloudSystem เหมาะสำหรับองค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการที่ต้องการให้บริการระบบคลาวด์ส่วนตัวและสาธารณะ ครอบคลุมตั้งแต่บริการประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์จนถึงบริการซอฟต์แวร์ (Software as a Service) ทั้งนี้ การติดตั้งแพลทฟอร์ม HP CloudSystem จะทำให้ลูกค้าสามารถใช้บริการคลาวด์ใหม่ได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง เมื่อเทียบกับระบบแบบเดิมที่ต้องใช้เวลานานเป็นหลายสัปดาห์หรือเดือน นอกจากนี้ โซลูชั่น HP CloudSystem จะมีความคุ้มค่าเพิ่มขึ้นจากระบบการเงิน บริการ และนักพัฒนาใหม่ๆ บริการที่โดดเด่น ได้แก่

บริการด้านการเงิน HP CloudSystem Financing(3) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนจัดสรรเงินสนับสนุนสูงถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับนำไปใช้ในโครงการพัฒนาระบบคลาวด์ บริการด้านการเงินดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้ามีทางเลือกในการปรับเปลี่ยนสู่ระบบคลาวด์ได้ง่ายขึ้นและในราคาที่สามารถจ่ายได้มากขึ้น โดยเลือกแผนการผ่อนชำระเป็นงวด ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานแบบคลาวด์โดยไม่ต้องมีการจ่ายเงินก้อนใหญ่ล่วงหน้า ประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับประธานด้านการเงินและประธานด้านไอทีซึ่งต้องมีการคาดการณ์และประเมินการลงทุนด้านไอที นอกจากนี้ โปรแกรม HP CloudAgile ยังให้มีบริการชำระเงินแบบขั้นบันได โดยเริ่มจากยอดจ่ายขั้นต่ำ และเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนที่ 6 -12 ส่งผลให้ผู้ให้บริการสามารถทยอยปรับขยายธุรกิจและจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับการเติบโตด้านรายได้

บริการ HP CloudSystem Enablement Services คือ บริการผนวกรวมระบบและให้คำปรึกษาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อเร่งจัดทำบริการคลาวด์ชุดแรกให้แก่ลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์สรรหาทรัพยากร HP AllianceOne resource center ใหม่ภายใต้ระบบ CloudSystem จะสนับสนุนชุดเครื่องมือควิก-สตาร์ทเพื่อเริ่มการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้แก่ รหัสตัวอย่าง (sample code) ระบบการสาธิตด้วยวิดีโอ และคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ (expert tips) ให้แก่ผู้จำหน่ายซอฟท์แวร์อิสระ (ISVs) ผู้รวบรวมระบบ (SIs) และผู้ให้บริการ (service providers)
ศูนย์ HP Cloud Centers of Excellence ใหม่ ช่วยให้พันธมิตรคู่ค้าของเอชพีนำเสนอการสาธิตการทำงานของโซลูชั่นคลาวด์ของเอชพีที่พัฒนาต่อยอดจากโซลูชั่น HP CloudSystem ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถประเมิน ทดสอบ และใช้โซลูชั่นตระกูลคลาวด์ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งประเมินเส้นทางในการก้าวเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ติดตั้ง ใช้งาน และจัดการบริการแอพพลิเคชั่นอย่างเต็มประสิทธิภาพ

เวอร์ช่วลไลเซชั่นหรือเทคโนโลยีเสมือน เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ทั้งนี้ ด้วยโซลูชั่น HP VirtualSystems จะทำให้ผู้ให้บริการและองค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถกระจายการใช้งานกลุ่มแอพพลิเคชั่นต่างๆ สู่ผู้ใช้งานหลายพันคน การรันแอพพลิเคชั่นสำคัญๆ ในสภาพแวดล้อมแบบ เวอร์ช่วลจะช่วยเพิ่มความคล่องตัว เสริมประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการดำเนินงาน โซลูชั่น HP VirtualSystems ประกอบด้วย

โซลูชั่น HP VIrtualSystem for Microsoft ส่งเสริมและสนับสนุนการทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นและการจัดส่งปริมาณภาระงานที่หลากหลายและมีความสำคัญเชิงธุรกิจให้มีความรวดเร็ว อาทิ Microsoft SharePoint, Exchange และ SQL Server ทั้งนี้ ด้วยการใช้คอนโซลแบบเดี่ยว จะทำให้ลูกค้าสามารถติดตามบริการด้านแอพพลิเคชั่น ตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องหยุดการทำงานของเครื่องบนระบบโครงสร้างพื้นฐานของฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ ไฮเปอร์ไวเซอร์ และแอพพลิเคชั่นไมโครซอฟท์

โซลูชั่น HP VirtualSystem for Superdome 2/ HP-UX สนับสนุนการปรับระบบไอทีให้สามารถบริการแบบเสมือนและรองรับปริมาณงานสำคัญระดับ mission-critical ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ระบบวางแผนทรัพยากรระดับองค์กร (ERP) และแอพพลิเคชั่นการเงินระดับสำคัญที่ทำงานบนระบบ HP Integrity นอกจากนี้ การผนวกรวม HP Integrity Superdome 2 และ HP-UX11i v3 จะรองรับแอพพลิเคชั่นสำคัญระดับ mission-critical ทำให้การทำงานแบบเวอร์ช่วลไลเซชั่นมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม ทั้งยังสามารถปรับขยายระบบและมีความยืดหยุ่นสูงสุด

ในโลกที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) เป็นองค์ประกอบหลักขององค์กรแบบ Instant-On Enterprise ทั้งนี้ แนวคิดแบบ Instant-On Enterprise คือ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกกิจกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พนักงาน พันธมิตร และประชาชนได้อย่างตรงจุดและโดยทันที

เอชพีมีกำหนดจัดงาน HP DISCOVER เพื่อแนะนำเทคนิคการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวขึ้นเป็นองค์กรแบบ Instant-On Enterprise ในวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม ศกนี้ ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/go/HPCloudInnovation

View :1834

แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) เปิดตัว แอลจี BD670 เครื่องเล่นบลูเรย์ระบบสามมิติ

November 2nd, 2011 No comments

บริษัท อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวเครื่องเล่นบลูเรย์ระบบสามมิติ BD670 ด้วยระบบ Blu-ray 3D™ Player มอบความบันเทิงแบบสามมิติอย่างเต็มรูปแบบ เชื่อมต่อคอนเทนต์ต่างๆ ในแอลจี สมาร์ททีวีและอุปกรณ์ดิจิตอลได้ทุกประเภท

BD670 ได้รับการออกแบบการใช้งานบนหน้าจอให้ง่ายดายยิ่งขึ้น ช่วยให้เข้าสู่พรีเมียมคอนเทนต์ต่างๆ เช่น YouTube หรือ Video On Demand (VOD) รวมถึงคอนเทนต์ภาษาไทยได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ผู้ใช้งานยังเพลิดเพลินกับความบันเทิงที่หลากหลาย ผ่านทางฟังก์ชั่น แอลจี สมาร์ททีวี ไม่ว่าจะเป็นความบันเทิง เกม ข้อมูลทั่วไป และการศึกษา เพื่อสร้างประสบการณ์ความสนุกให้แก่ทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง

สำหรับผู้ใช้งานที่มีสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์, ไอโฟน หรือ ไอพ็อด ทัช สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นพิเศษ Smart Phone Remote Control เพื่อเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นรีโมทคอนโทรล ควบคุมการทำงานของเครื่องเล่นได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส

BD670 ยังมีเมนูการทำงาน Blu-ray 3D™ Playback ซึ่งช่วยปรับภาพสามมิติให้สว่างคมชัด พร้อมให้ระบบเสียงสมจริงเพื่อการรับชมคอนเทนต์แบบสามมิติอย่างสมบูรณ์แบบ สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกับการแชร์ไฟล์จากอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ผ่านทางระบบ Wi-Fi Direct™ โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ ด้วยระบบ Digital Living Network Alliance (DLNA) ที่ช่วยเชื่อมต่อข้อมูลจากกล้องถ่ายรูปหรือคอมพิวเตอร์แบบไร้สายได้อย่างรวดเร็ว

เครื่องเล่นบลูเรย์ BD670 ยังสามารถปรับระดับคุณภาพของภาพจากแผ่นดีวีดีทั่วไปให้กลายเป็นภาพสวยคมชัดระดับ High Definition 1080p สำหรับผู้ที่สนใจสามารถซื้อเครื่องเล่นบลูเรย์ระบบสามมิติ BD670 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ราคา 7,990 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์:
รองรับแผ่น 3D Blu-ray, BD-ROM, DVD, DVD+-R/RW, AVCHD, Audio CD, CD-R/RW
Wireless LAN Build-in Wi-Fi
Blu-ray™ 3D Playback เล่นไฟล์ภาพ 3 มิติได้
เปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นรีโมทคอนโทรลด้วยด้วยแอพพลิเคชั่น Smart Phone Remote Control
Smart TV เข้าใช้งานคอนเทนต์ต่างๆ เช่น Accedo Game, vTuner (Music), Youtube, Picasa Web Albums และ AccuWeather ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ท
HD Content Playback (MKV, DivX HD, AVCHD)
External HDD Playback เล่นไฟล์ภาพยนต์ที่ต้องการได้ง่ายดายและรวดเร็ว
DLNA/CIFS และ Wi-Fi DirectTM แชร์ข้อมูลจากอุปกรณ์ดิจิตอลแบบไร้สาย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2878-5757 หรือ www.lg.com/th

View :1905

กลุ่มทรู เร่งช่วยเหลือและดูแลลูกค้าให้ใช้งานสื่อสารทุกบริการต่อเนื่อง พร้อมประกาศมาตรการบรรเทาทุกข์ลูกค้าช่วงวิกฤติอย่างเต็มที่

November 2nd, 2011 No comments

กลุ่มทรู เร่งบรรเทาทุกข์ลูกค้าผู้ใช้บริการทั้งกลุ่มที่กำลังประสบปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ยืนยันดูแลเครือข่ายและบริการเต็มที่ให้ลูกค้าใช้งานสื่อสารได้ต่อเนื่อง พร้อมประกาศขยายเวลาชำระค่าบริการรายเดือนแก่ลูกค้าในกลุ่มทั้งทรูมูฟ ทรูมูฟ เอช และฮัทช์ ทรูออนไลน์ทั้งโทรศัพท์บ้าน และอัลตร้าไฮสปีดอินเทอร์เน็ต ตลอดจน เคเบิ้ลทีวี-ทรูวิชั่นส์ รวมทั้งกระจายตั้งจุดให้บริการช่วยเหลือเร่งด่วนในพื้นที่ประสบภัย ให้ประชาชนโทรฟรีทุกเครือข่าย ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี และติดตามข่าวสารจากทรูวิชั่นส์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรูยืนยันความพร้อมที่จะดูแลรักษาเครือข่ายการให้บริการสื่อสารภายในกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้บริการได้เต็มประสิทธิภาพทั่วทุกพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมทั้งการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่เร่งแก้ปัญหา เพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด รวมทั้งออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าภายในกลุ่มทรู ทั้งทรูออนไลน์ ทรูมูฟ และทรูวิชั่นส์ โดยลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติสามารถโทรแจ้งความประสงค์ขอระงับสัญญาณชั่วคราวได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทจะดำเนินการระงับสัญญาณชั่วคราวให้ทันที นอกจากนี้ เพื่อลดความกังวลและให้ลูกค้ายังสามารถใช้งานติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้บริการในกลุ่มทรูในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้รับการยืดเวลาการชำระค่าบริการต่อไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ รวมทั้งสามารถแจ้งความจำนงขอผ่อนชำระค่าบริการรายเดือนในรอบเดือนตุลาคมได้ สำหรับโครงข่ายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมทำให้ระบบเสียหาย บริษัทจะปรับลดค่าบริการตามสัดส่วนของระยะเวลาที่ไม่สามารถให้บริการได้ กรณีที่อุปกรณ์โมเด็ม เร้าท์เตอร์ หรือกล่องรับสัญญาณเช่าชำรุด หรือเสียหายอันเนื่องมาจากภัยน้ำท่วม บริษัทจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ หรือดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ทดแทน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งปัญหาที่คอลเซ็นเตอร์กลุ่มทรู ตลอด 24 ชั่วโมง

นายศุภชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มทรูยังเดินหน้าร่วมบรรเทาความเดือดร้อนทั้งแก่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปที่ประสบภัยน้ำท่วม รวมทั้งกระจายเปิดจุดบริการช่วยเหลือเร่งด่วน ให้โทรฟรีทุกเครือข่าย ใช้อินเทอร์เน็ตฟรี และเติมเงินให้ลูกค้าทรูมูฟฟรีพร้อมเติมวันใช้งาน 60 วัน รวมทั้งติดตั้งทรูวิชั่นส์ให้ติดตามข่าวสารตลอด 24 ชั่วโมง ในพื้นที่ประสบภัยและศูนย์พักพิงชั่วคราวต่างๆ อาทิ ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต, ศูนย์ดอนเมือง, ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ, ศูนย์ราชมงคลคลอง 6, ศูนย์ป้องกันต่อสู้อากาศยานวังน้อย, วัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร ชลบุรี, วิทยาลัยพละและการกีฬา ชลบุรี, กระทรวงพลังงาน ตึก Energy Complex (ศปภ.), มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ศูนย์พักพิงชั่วคราว จ. ลพบุรี, อยุธยา สระบุรี และค่ายอดิศร รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกจัดเตรียม Wi-Fi hotspots ให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สาย โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่ผู้อาศัยในพื้นที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต สนามบินดอนเมือง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และสนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย

ทั้งนี้ ทรูมูฟช่วยเหลือลูกค้า โดยเติมเงินให้ลูกค้าผู้ประสบภัยแล้วกว่า 7 แสนราย มูลค่ากว่า 18 ล้านบาท พร้อมเพิ่มวันใช้งานแก่ลูกค้ากว่า 3 ล้านราย รวมทั้งสนับสนุนการติดตั้งจุดบริการทรูวิชั่นส์แล้วกว่า 10 จุดในพื้นที่ประสบภัยและศูนย์พักพิงชั่วคราว มูลค่ากว่า 1,000,000 บาท

อนึ่ง ลูกค้าทรูออนไลน์ สามารถแจ้งปัญหาที่โทร 1686 หรือ www. trueonline.com ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าทรูมูฟ สามารถแจ้งปัญหาที่ทรูมูฟแคร์ 1331 หรือ www. .com ตลอด 24 ชั่วโมง ลูกค้าทรูวิชั่นส์ สามารถแจ้งปัญหาที่โทร 02-725-2525 เวลา 08.00-22.00 น.

View :1469

ไอบีเอ็มเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ สมาร์ทเตอร์ คอมเมิร์ซ ช่วยยกระดับความสำเร็จธุรกิจในยุคดิจิตอล

October 28th, 2011 No comments

ผู้นำอุตสาหกรรมทั่วโลกต่างยกนิ้วให้กับโซลูชั่นไอบีเอ็ม ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ง่ายอย่างใจคิด

ไอบีเอ็มเปิดตัวโซลูชั่น (Smarter Commerce) โซลูชั่นสำหรับประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขัน ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ ให้ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยดึงดูดและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ในยุคดิจิตอลได้อีกด้วย พร้อมเผยรายชื่อลูกค้าชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ จากทั่วโลก ที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นจากการนำโซลูชั่น Smarter Commerce ของไอบีเอ็มมาใช้ ในระหว่างการประชุมสุดยอด Smarter Commerce Global Summit ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ เมืองซานดิเอโก

ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกธุรกิจอุตสาหกรรมต่างมุ่งเน้นในการให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า โซลูชั่น Smarter Commerce ของไอบีเอ็มจึงได้ออกแบบมาโดยมุ่งเน้นในการช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจแก่บริษัทต่างๆ ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำการตลาด การจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ และการรักษาฐานลูกค้า โดยเฉพาะในยุคที่ลูกค้า หรือผู้บริโภค นิยมใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ใช้โทรศัพท์ และอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างแพร่หลาย รวมถึงการซื้อสินค้าทางออนไลน์ จากผลการสำรวจพบว่า มีผู้บริโภคถึง 64 เปอร์เซ็นต์ที่ตัดสินใจซื้อสินค้าครั้งแรกโดยอ้างอิงประสบการณ์จากโลกดิจิตอล ด้วยเหตุนี้บริษัทต่างๆ จึงจำเป็นต้องสามารถตรวจสอบและเข้าถึงพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ของผู้บริโภค เพื่อนำมาใช้ปรับแต่งกลยุทธ์ด้านการตลาด การขาย การบริการ และระบบซัพพลายเชนให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

นางเจษฎา ไกรสิงขร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซอฟต์แวร์ บริษัท ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ไอบีเอ็มมีบทบาทสำคัญในการกำหนดและชี้นำทิศทางตลาดยุคใหม่นี้ ซึ่งคาดว่าภายในปี 2558 การเติบโตของตลาดในส่วนของซอฟต์แวร์จะมีมูลค่าสูงถึง 20,000 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นผลมาจากความต้องการขององค์กรต่างๆ ที่พยายามมองหาลู่ทางในการสร้างระบบอัตโนมัติสำหรับการตลาด การขาย และการส่งมอบสินค้า เพื่อสนับสนุนแนวทางการค้าที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายสินค้าและบริการ โดยซอฟต์แวร์โซลูชั่นใหม่นี้เป็นการผนวกรวมเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่มีความโดดเด่นอย่าง Unica, Coremetrics และ Sterling Commerce ร่วมกับการวิจัยและพัฒนาของไอบีเอ็มที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้สามารถติดต่อกับซัพพลายเออร์และทำธุรกรรมด้านการค้ากับบริษัทคู่ค้าได้เองอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงความสามารถในการทำความเข้าใจข้อมูลทางธุรกิจในเชิงลึกเพื่อนำมาใช้ปรับปรุงและส่งเสริมการตลาดและการขายของบริษัท พร้อมทั้งการเชื่อมโยงช่องทางการติดต่อในทั้งระบบออนไลน์ แบบเคลื่อนที่ และเครือข่ายสังคมออนไลน์ไปสู่หน้าร้านจริงได้เป็นอย่างดี”

ตัวอย่างลูกค้าที่ประสบความสำเร็จจากการใช้โซลูชั่น Smarter Commerce

คาร์ฟูร์ (Carrefour) ห้างค้าปลีกชั้นนำของยุโรป ได้นำระบบวางแผนการซื้อสินค้าและระบบสั่งซื้อสินค้าในสต็อกมาใช้ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากจุดชำระเงินไปยังโปรแกรมคูปองบัตรสมาชิกของลูกค้า นอกจากนี้ ห้างคาร์ฟูร์ยังได้นำเทคโนโลยีของไอบีเอ็มมาใช้ เพื่อเก็บข้อมูลคู่ค้าของบริษัทกว่า 3,500 ราย ที่ทำการติดต่อซื้อขายกับคาร์ฟูร์มากถึง 3,000 ครั้งต่อเดือน ด้วยวิธีนี้เองที่ช่วยคาร์ฟูร์ให้สามารถเพิ่มความพึงพอใจแก่ลูกค้าได้ และยังช่วยให้ซัพพลายเออร์ส่งมอบสินค้าที่สดใหม่และมีคุณภาพมาที่ห้างคาร์ฟูร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นประจำทุกวันด้วยการใช้เทคโนโลยีด้านการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูลของไอบีเอ็มสำหรับ Smarter Commerce ลูกค้าจึงสามารถยกระดับความสำเร็จทางธุรกิจได้อย่างเหนือชั้น:

L’Occitane en Provence มีอัตราการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น 17 เท่า และมียอดขายต่ออีเมลแต่ละฉบับเพิ่มขึ้น 25 เท่า ด้วยการใช้ Coremetrics LIVEmail เพื่อสร้างข้อความอีเมลที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

Citrix ปรับปรุงการลงทุนด้านการตลาดและลดต้นทุนแปรสภาพได้เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ ด้วย Unica NetInsight

wehkamp.nl ผู้ค้าปลีกออนไลน์ชั้นนำของเนเธอร์แลนด์ สามารถเพิ่มผลตอบแทนได้มากขึ้น 15 เท่าจากการลงทุนในโฆษณาออนไลน์ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยอาศัย Coremetrics Ad Target นอกจากนี้ยังใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูล Coremetrics Web และ Unica Campaign เพื่อทำตลาดการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ให้แก่ลูกค้ารายเดิม ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูยอดขายที่สูญเสียไปก่อนหน้านี้ รวมถึงลูกค้าที่บริษัทเกือบจะสูญเสียไปด้วย ในขั้นตอนของการขายในระบบ Smarter Commerce องค์กรธุรกิจจะสามารถปิดธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จ่าย และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว
Staples บริษัทผู้จำหน่ายเครื่องใช้สำนักงานรายใหญ่ที่สุดในโลก ปรับปรุงอัตราการซื้อสินค้าออนไลน์ได้มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ โดยอาศัยเทคโนโลยีของไอบีเอ็ม

XO Communications ผู้ให้บริการสื่อสาร เรียนรู้ที่จะปรับปรุงการรักษาฐานลูกค้าและปรับเปลี่ยนไปสู่การดำเนินงานในรูปแบบใหม่อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในขั้นตอนของบริการในระบบ Smarter Commerce สามารถลดจำนวนลูกค้าที่เปลี่ยนไปใช้บริการของบริษัทอื่น ซึ่งเป็นปัญหาท้าทายที่สำคัญในธุรกิจโทรคมนาคม ได้ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

View :1590

ไมโครซอฟท์ ยกระดับคู่ค้ารับวิสัยทัศน์ใหม่ “We Make 70 Million Lives Better”

October 28th, 2011 No comments

มอบรางวัลคู่ค้าดีเด่นประจำปี 2554 และดันความสำเร็จคู่ค้าผ่านโปรแกรม Microsoft Partner Network และ Microsoft Pinpoint
ขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ระดับโลก

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำยกระดับศักยภาพคู่ค้าสู่ระดับ World Class
เพื่อผลักดันความสำเร็จคู่ค้าและการเติบโตทางธุรกิจของลูกค้า รวมถึงอุตสาหกรรมไอทีโดยรวมของประเทศ

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้ายกระดับศักยภาพคู่ค้าสู่มาตรฐานระดับโลก เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “We Make 70 Million Lives Better” ที่มุ่งนำเทคโนโลยีเข้าถึงคนทุกกลุ่ม พร้อมเสริมศักยภาพให้กับคู่ค้าด้วยโปรแกรม Microsoft Partner Network ด้วยการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ที่เข้มข้นยิ่งขึ้น

ในปีนี้ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ตั้งเป้าให้มีรายได้เติบโตต่อปีสูงกว่าการเติบโตของตลาดไอทีโดยรวม หรือ มากกว่าร้อยละ 12.4 ไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้คู่ค้าพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและเติบโตไปพร้อมๆ กับไมโครซอฟท์โดยผ่านทางการสนับสนุนในโปรแกรม Microsoft Partner Network ซึ่งเปรียบดังเครือข่ายที่จัดตั้งขึ้นเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ที่จะช่วยคู่ค้าให้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การฝึกอบรม ตลอดจนการมีเครือข่ายสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้และวิธีปฏิบัติ ที่เป็นเลิศ

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและทำงานร่วมกับคู่ค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ในปีนี้ ไมโครซอฟท์ ได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การคัดเลือกคู่ค้าตามโปรแกรม Microsoft Partner Network (MPN) เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคู่ค้าและลูกค้ามากยิ่งขึ้นและเพื่อพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าให้ได้มาตรฐานในระดับโลก และด้วยความเข้าใจแนวทางในการสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับคู่ค้าเป็นอย่างดี ไมโครซอฟท์ จึงได้สร้างสรรค์โปรแกรมที่เรียกว่า Competency ซึ่งแบ่งตามความเหมาะสมกับความต้องการของคู่ค้า พร้อมเสริมการสนับสนุนที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งการสร้างความเป็นมืออาชีพ การสร้างภาพลักษณ์การเป็นผู้สร้างสรรค์โซลูชั่นระดับ Best-in-class และการใช้งาน Microsoft Pinpoint เพื่อช่วยสรรหาตลาดใหม่ๆ ให้กับคู่ค้า ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์ ประเทศไทยมีคู่ค้าที่ได้รับการคัดเลือกเป็น Gold Competency และ Silver Competency รวมเป็นจำนวนกว่า 100 ราย”

Microsoft Pinpoint เป็นแพล็ตฟอร์ม online marketplace แห่งอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งและจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจให้คู่ค้าของไมโครซอฟท์ประสบความสำเร็จโดย Microsoft Pinpoint เป็นตัวกลางเชื่อมโยงลูกค้ากลุ่มธุรกิจให้พบกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่น และ บริการทางด้านไอทีที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจของตน โดยจะจะช่วยพัฒนาเครือข่ายของคู่ค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างสรรค์โอกาสใหม่ๆ ให้กับคู่ค้าในการดำเนินธุรกิจทั้งในระดับประเทศและในระดับโลก ทั้งนี้ นับตั้งแต่เริ่มแนะนำ Microsoft Pinpoint ให้แก่คู่ค้าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Microsoft Pinpoint ได้ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้มากกว่า 300 ราย ให้แก่คู่ค้าในประเทศไทย

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณคู่ค้าที่มีผลงานดีเด่นและสามารถสร้างสรรค์โซลูชั่นที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไมโครซอฟท์จึงได้มีการมอบรางวัล Microsoft Partner Award แก่คู่ค้าของไมโครซอฟท์ทั้งสิ้น 12 สาขา โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท Solution Award และ Transaction Award ทั้งนี้ คู่ค้าที่ได้รับรางวัล Microsoft Partner Award 2011 ได้แก่ บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จำกัด บริษัท อีคาร์ทสตูดิโอ จำกัด บริษัท เดอะ คอมมูนิเคชั่น โซลูชั่น จำกัด บริษัท อินดิจี จำกัด บริษัท ไอโซเน็ท จำกัด บริษัท ภัทร โปรเกรส จำกัด บริษัท ฟูจิตสึ ซีสเต็ม บีสซีเนส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไอที โซลูชั่น คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ดิเอ็นเตอร์ไพรส์รีซอร์ส เทรนนิ่ง จำกัด

ไมโครซอฟท์ ในฐานะผู้นำทางด้านเทคโนโลยี ยังได้เตรียมความพร้อมของคู่ค้า เพื่อรองรับการเข้ามาของเทคโนโลยีคลาวด์คอมพิวติ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่มคลาวด์ คอมพิวติ้ง อาทิ Office 365 และ Windows Azure ในอนาคต ผ่านทางการฝึกอบรม โอกาสทางการตลาด บริการหลังการขาย และการอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะช่วยให้คู่ค้าสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของตน และถ่ายทอดประโยชน์ดังกล่าวไปยังลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ที่สนใจจะร่วมเป็นคู่ค้ากับไมโครซอฟท์ สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการสมาชิกในโครงการ Microsoft Partner Network ได้ที่ Microsoft Call Center โทร. 02 685 1322 กด 3 เพื่อขอสอบถามเป็นภาษาไทย

View :1705

เทรนด์ ไมโคร เปิดตัว ไททาเนียม 2012

October 28th, 2011 No comments

บริษัท เทรนด์ ไมโคร อินคอร์ปอเรท (TYO: 4704; TSE: 4704) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยสำหรับอินเทอร์เน็ต ประกาศเปิดตัวโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องชีวิตดิจิทัลของผู้บริโภคในทุกด้าน จะเห็นได้ว่าอาชญากรรมไซเบอร์กำลังแพร่กระจายและมีอันตรายเพิ่มขึ้นทุกขณะโดยที่ภัยคุกคามที่มีความซับซ้อนเหล่านี้สามารถโจมตีได้ในทุกที่ที่มีข้อมูลอยู่ ด้วยเหตุนี้ เทรนด์ ไมโคร ไททาเนียม 2012 (Trend Micro™ Titanium™ 2012) จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถต่อสู้กับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น วิธีที่ภัยคุกคามพยายามเข้าสู่ระบบ หรือตำแหน่งที่ใช้ในการซ่อนตัว รวมถึงอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ โซลูชั่นนี้พัฒนาขึ้นจากระบบป้องกันที่ได้รับรางวัลมาแล้วซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้ไททาเนียม 2012 (Titanium 2012) สามารถนำเสนอการปกป้องโดยรวมที่ครอบคลุมต่อภัยคุกคามที่มีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตดิจิทัลเป็นอย่างมาก โดยสามารถให้การปกป้องทุกสิ่งตั้งแต่รูปถ่ายครอบครัวไปจนถึงระบบการเงินของครอบครัว การช้อปปิ้งออนไลน์ไปจนถึงการใช้งาน Facebook การประมวลผลทางมือถือไปจนถึงการเล่นเกม และครอบคลุมในอุปกรณ์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นแล็บท็อป สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และพีซีสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ
Trend Micro Titanium 2012
นายสุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล ที่ปรึกษาด้านเทคนิค บริษัท เทรนด์ ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “บริษัท เทรนด์ ไมโคร มีความมุ่งมั่นที่จะให้ช่วยให้ผู้ใช้ออนไลน์และครอบครัวสามารถใช้ชีวิตดิจิทัลของตนได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องหวาดระแวงหรือเกิดความกังวลใจในเรื่องใดๆ ในขณะที่ผู้บริโภคยังคงใช้ประโยชน์จากสิ่งที่อินเทอร์เน็ตนำเสนอให้อย่างต่อเนื่อง บริษัทเองก็มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการป้องกันให้กับผลิตภัณฑ์ของเราเช่นกัน แนวทางใหม่ที่มุ่งเน้นระบบคลาวด์ของเราจะช่วยป้องกันการใช้งานออนไลน์ของลูกค้าได้ในแบบเชิงรุก โดยขณะนี้บริษัทกำลังเพิ่มคุณลักษณะที่สามารถให้การป้องกันเทคโนโลยีล่าสุด เช่น สื่อสังคมออนไลน์และอุปกรณ์พกพา เพื่อให้แน่ใจได้ว่าวิถีชีวิตดิจิทัลจะได้รับการคุ้มครองอย่างครอบคลุม”

โซลูชั่นรักษาความปลอดภัยล่าสุด ไททาเนียม 2012 ได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานเทรนด์ ไมโคร สมาร์ท โพรเท็คชั่น เน็ตเวิร์ค (Trend Micro™ Smart Protection Network™) ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถป้องกันภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี Smart Protection Network ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในด้านการป้องกันจากห้องปฏิบัติการอิสระสามแห่งภายใต้การทดสอบใน 10 ประเภทด้วยกันนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 และเนื่องจากเป็นโซลูชั่นแบบคลาวด์ ทำให้ไททาเนียม 2012 ใช้พื้นที่ดิสก์และหน่วยความจำไม่ถึงครึ่ง เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยจากบริษัทอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถให้การป้องกันล่าสุดและหยุดภัยคุกคามก่อนที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้ในลักษณะเชิงรุก โดยทั้งหมดนี้ดำเนินการผ่านอินเตอร์เฟสแบบ “ตั้งค่าอัตโนมัติ” (set-and-forget) ที่ใช้งานง่าย

โซลูชั่นรักษาความปลอดภัย ไททาเนียม 2012 มีคุณสมบัติเด่นๆ ซึ่งประกอบด้วย เครื่องมือกำจัดโปรแกรมที่ลวงว่าเป็นซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส (Fake AV), การป้องกันไวรัส PE และบ็อตเน็ตเชิงรุก, การป้องกันเทคโนโลยีสำหรับแพ็คมัลแวร์ และเครื่องมือที่สามารถแยกแยะได้ว่าลิงก์ใดเป็นลิงก์ที่ปลอดภัยหรือเป็นอันตรายบนไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น Facebook และ Twitter

บริษัท เทรนด์ ไมโคร ยังได้รวมผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มต่างๆ ไว้ในโซลูชั่นรักษาความปลอดภัย ”ไททาเนียม แม็กซิมัม ซิเคียวริตี้” (Titanium Maximum Security) ด้วย นั่นคือ Trend Micro™ Mobile Security Personal Edition ซึ่งพร้อมปกป้องผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต รวมถึงเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์ Android และยังมีเทรนด์ ไมโคร เซฟซิงค์ (Trend Micro™ SafeSync™) ที่จะช่วยสนับสนุนการซิงค์ไฟล์และโฟลเดอร์ ตลอดจนการสำรองข้อมูลในรูปแบบของบริการออนไลน์

นอกจากนี้ ไททาเนียม 2012 ยังเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนของการควบคุมโดยผู้ปกครอง (Parental Controls) การติดตามพฤติกรรม และการป้องกัน และกำจัดรูทคิตส์ โดยจากการทดสอบล่าสุดของ AVTest.org พบว่า ไททาเนียม 2012 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 60% ในด้านการตรวจหาและกำจัดรูทคิตส์ ซึ่งเป็นมัลแวร์บ่อนทำลายระบบที่ยากต่อการตรวจพบ และยังเพิ่มคุณลักษณะ “สกิน” (skin) แสนสนุกที่ยังเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถปรับแต่งลักษณะการป้องกันชีวิตดิจิทัลของตนได้อย่างครอบคลุมอีกด้วย

ทั้งนี้ ไททาเนียม 2012 พร้อมวางจำหน่ายในสองแพ็คเกจ คือ 1. ไททาเนียม แม็กซิมัม ซิเคียวริตี้ ราคา 759 บาท สำหรับผู้ใช้งาน 1 เครื่อง และ 2. ไททาเนียม อินเทอร์เน็ต ซิเคียวริตี้ ราคา 1,290 บาท สำหรับผู้ใช้งาน 3 เครื่อง โดยแต่ละแพ็คเกจออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของครอบครัวและส่วนบุคคลโดยเฉพาะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เซอร์วิส เซ็นเตอร์ โทรศัพท์ 0 2333 3334 หรือ www.trendmicro.com

กาญจนหทัย กิ่งหิรัญวัฒนา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เทรนด์ ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนการทำตลาดไททาเนียม 2012 ว่า “เทรนด์ ไมโครเตรียมจัดกิจกรรมการตลาดสำหรับเปิดตัวผลิตภัณฑ์ไททาเนียม 2012 โดยเริ่มจัดกิจกรรมร่วมสนุกบน facebook เปิดโอกาสให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปร่วมสนุกกับกิจกรรม “แอ๊คหน้า เหวอ ให้โดนใจ” แล้วกด like ที่หน้า Fan Page Trend Micro (www.facebook.com/trendmicrothai) เพื่อลุ้นรับ IPad 2 ฟรีทันที ระหว่างวันนี้ – 20 พฤศจิกายน 2554”

View :1503

แอลจีผนึกกำลังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เปิดตัวคาราโอเกะ 3 มิติแห่งแรกของโลก ย้ำความเป็นผู้นำตลาดทีวี 3 มิติ

October 28th, 2011 No comments


คุณฉันท์ชาย พันธุฟัก หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัท อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ
คุณชัญญ์ญาณ์ ธำรงวินิจฉัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ผนึกกำลังเปิดตัวห้องคาราโอเกะ 3 มิติแห่งแรกของโลก สร้างประสบการณ์ความบันเทิงที่เหนือชั้น

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทย (จำกัด) ย้ำความเป็นผู้นำตลาดทีวี 3 มิติ ผนึกกำลังเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ร่วมมอบประสบการณ์ความบันเทิงที่เหนือชั้น เปิดตัวคาราโอเกะสามมิติแห่งแรกของโลกที่บลูโอ ริธึ่ม แอนด์ โบวล์ ให้สนุกกับการร้องเพลงมิติใหม่อย่างไร้ขีดจำกัด

คุณฉันท์ชาย พันธุฟัก หัวหน้ากลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ ประเทศไทย (จำกัด) กล่าวว่า “หลังจากที่แอลจีกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ร่วมมือกันเปิดตัวเอ็กซ์คลูซีฟ คอนเทนต์ในแอลจี สมาร์ท ทีวี เราได้สานต่อกิจกรรมทางการตลาดเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทีวีสามมิติในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวห้องคาราโอเกะสามมิติแห่งแรกของโลกที่บลูโอ ริธึ่ม แอนด์ โบวล์ เพื่อสร้างประสบการณ์ความบันเทิงรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้บริโภค โดยแอลจีได้ทำการติดตั้งทีวีแอลอีดีสามมิติ LG CINEMA 3D TV จำนวน 25 เครื่อง พร้อมแว่นตาสามมิติ 200 อัน รวมทั้งสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ที่บลูโอ ริธึ่ม แอนด์ โบวล์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ทั้ง 5 สาขา รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

ด้วยเทคโนโลยี CINEMA 3D ของแอลจี ผู้ใช้งานสามารถรับชมได้เป็นเวลานานโดยไม่มีอาการล้าสายตาหรือปวดหัวจากการกะพริบของภาพ จึงเพลิดเพลินกับคาราโอเกะระบบสามมิติได้ได้อย่างเต็มอรรถรส ที่สำคัญ ทุกคนสามารถรับชมคอนเทนต์ได้พร้อมๆ กันจากทุกมุมห้อง ซึ่งแอลจีเป็นแบรนด์เดียวที่มีมุมมองการรับชมกว้างที่สุด เราจึงเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคจะชื่นชอบเทคโนโลยี CINEMA 3D นี้อย่างแน่นอน”

เชิญสัมผัสกับห้องคาราโอเกะสามมิติได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ บลูโอ ริธึ่ม แอนด์ โบวล์ทั้ง 5 สาขา ได้แก่ สาขารัชโยธิน, สุขุมวิท, พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดา และ งามวงศ์วาน-แคราย

View :1596

“คิงส์ตัน” เปิดตัวอัพเดทสำหรับ Wi-Drive App พร้อมฟังก์ชั่นถ่ายโอนไฟล์แบบไร้สาย

October 28th, 2011 No comments


บริษัท คิงส์ตัน เทคโนโลยี ประเทศไทย ผู้ผลิตและพัฒนาหน่วยความจำรายใหญ่ของโลก เปิดตัวอัพเดทสำหรับ สำหรับดาวน์โหลด โดยมีคุณสมบัติเพิ่มเติมดังต่อไปนี้

· ฟังก์ชั่นโหลดและลบไฟล์แบบไร้สาย ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนไฟล์จากอุปกรณ์ Wi-Drive ไปยัง Wi-Drive App หรือกลับกันได้ในแบบไร้สายผ่านระบบ Wi-Fi
· ตัวเลือก Open In เพื่อการใช้งานอุปกรณ์ Apple ตัวเลือก Open In ให้ผู้ใช้สามารถเลือก App ที่ใช้เปิดและคัดลอกไฟล์เอกสารได้
· ฟังก์ชั่นเสริมเพื่อการเลือกไฟล์และการส่งอีเมล์ ผู้ใช้สามารถเลือกและแนบไฟล์เพลง ภาพถ่าย วิดีโอหรือเอกสารลงในอีเมล์ได้ (ขนาดไม่เกิน 10MB)
· สามารถแก้ไขความผิดพลาดในระบบปลีกย่อยต่างๆ ได้

ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดอัพเดทสำหรับ Wi-Drive App ได้จาก App Store หรือ iTunes Store ที่เว็บไซต์ http://www.apple.com/asia/itunes/

Kingston Wi-Drive รับประกัน 1 ปีพร้อมบริการช่วยเหลือด้านเทคนิคฟรี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.kingston.com/thailand

View :1468

แคนนอนเสริม Wi-Fi Full Range เพิ่มศักยภาพ มัลติฟังก์ชั่น เลเซอร์ พรินเตอร์ในตระกูล ImageCLASS

October 28th, 2011 No comments

บริษัท จำกัด ผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์พรินเตอร์ในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยี Wi-Fi เปิดตัว ด้วยกันถึง 6 รุ่นใหม่ขยายขอบเขตความสามารถในการพิมพ์ครอบคลุมทุกตารางนิ้ว ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงาน ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนก็สามารถสั่งพิมพ์ได้ไม่มีสะดุด

นายวรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “จากความสำเร็จในการเปิดตัวเทคโนโลยี PIXMA Wi-Fi Printer เมื่อปีที่ผ่านมา แคนนอนได้สร้างมิติใหม่ให้กับวงการการพิมพ์โดยตอบสนองไลฟ์สไตล์ทันสมัยของคนรุ่นใหม่ ทำให้การพิมพ์เป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยี Wi-Fi ที่เชื่อมต่อทุกความต้องการเบ็ดเสร็จภายในเครื่องพรินเตอร์ของแคนนอน ปีนี้แคนนอนพร้อมประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้งกับการชูความแข็งแกร่งเทคโนโลยี Wi-Fi ของแคนนอน ในการนำเสนอ มัลติฟังก์ชั่น เลเซอร์ พรินเตอร์ แบบ Wi-Fi Full Range เชื่อมต่อทุกพื้นที่การทำงานให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความคล่องตัวให้กับการทำงาน ผู้ใช้จึงสามารถสั่งพริ้นท์โดยเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องอาศัยระบบ LAN ที่ยุ่งยาก และยังสามารถสั่งพริ้นท์จากจุดใดก็ได้ในออฟฟิศ”

MF8380Cdw


มัลติฟังก์ชั่น เลเซอร์ พริ้นเตอร์ แบบ Wi-Fi ที่เปิดตัวในครั้งนี้มีมากถึง 6 รุ่น ที่แคนนอนนำเสนอครอบคลุมพรินเตอร์ตั้งแต่รุ่นเล็กจนถึงรุ่นใหญ่ ประกอบด้วย เครื่องมัลติฟังก์ชั่นเลเซอร์พรินเตอร์สี 2 รุ่น คือ MF8380Cdw, MF8080w และเครื่องมัลติฟังก์ชั่นเลเซอร์พรินเตอร์ขาวดำ 4 รุ่น คือ MF5980dw, MF4580dw, MF4570dw, MF4420w ทุกรุ่นรองรับสัญญาณ Wi-Fi

สำหรับ One-Touch Solution key ที่อยู่ในมัลติฟังก์ชั่นเลเซอร์พรินเตอร์สีทุกรุ่นเป็นฟังก์ชั่นเด่นที่ทำงานได้หลากหลายความสามารถ
1. ตั้งการสแกนผ่านเข้าเครื่อง PC เครื่องเดียวกันได้ แม้จะมีการตั้งค่า setting ที่ต่างกัน โดยสามารถตั้ง Fix ไว้ได้ 2 โหมด ทั้งยังไม่ต้องตั้งค่าใหม่ทุกครั้งที่สั่งสแกน (ซึ่งจะสามารถใช้กับการเชื่อมต่อผ่าน USB เท่านั้น)
2. มีปุ่ม Paper Save Copy เป็นปุ่มลัดที่สามารถกดเข้าไปเพื่อเลือกโหมดการ Copy ได้เลย ไม่ต้องผ่านการกดเข้า Menu ที่ซับซ้อนและยุ่งยาก
3. ฟังก์ชั่น Secure Print มีเฉพาะ ในรุ่น MF5980dw และ MF8380Cdw เป็นระบบป้องกันการพิมพ์เอกสารสำคัญที่ไม่ต้องการให้ใครทราบหรือหยิบผิด ซึ่งเมื่อสั่งพิมพ์จะต้องเลือก Secure Print และกรอก Password ที่สามารถตั้งเลขได้สูงสุดถึง 7 ดิจิต หลังจากนั้นจึงสั่งพรินท์ที่ตัวเครื่องพรินเตอร์ โดยกดปุ่ม Secure print และกรอกPassword อีกครั้งเพื่อพิมพ์เอกสารสำคัญนั้นออกมา นอกจากเป็นการป้องกันข้อมูลสำคัญ ฟังก์ชั่นนี้ยังช่วยประหยัดกระดาษในการพิมพ์และป้องกันความผิดพลาดในการพริ้น โดยสามารถล็อกไฟล์เพื่อเลือกพริ้นจากหน้าจอของเครื่องพริ้นเตอร์ได้เอง สำหรับรุ่นที่เป็นไฮท์ไลท์เด่น คือ MF5980dw และ MF8380d ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น security print ยังมี feature เด่นๆ อีกมากมาย เช่น USB Direct Print การพรินต์งานผ่าน USB Flash Drive ซึ่งรองรับทั้งไฟล์ที่เป็น JPEG, TIFF และ PDF (เฉพาะรุ่น MF8380Cdw เท่านั้น) นอกจากนี้ยังมี Department ID Management เป็นการตั้งรหัสผ่านเมื่อต้องการควบคุมการใช้งาน และ SEND Technology การตั้งค่าการสแกนแบบกระจายทีเดียวเป็นกลุ่มผ่าน share folder หรือส่วนตัวผ่าน mail box

“ด้วยแนวโน้มการเลือกซื้อพรินเตอร์ของผู้บริโภคในปัจจุบันเริ่มเบนมาทางการซื้อ มัลติฟังก์ชั่น พรินเตอร์ มากขึ้น และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก การที่แคนนอนแนะนำ มัลติฟังก์ชั่น เลเซอร์ พรินเตอร์ 6 รุ่น จึงถือเป็นการตอบสนองตลาดทุกขนาดของกลุ่มผู้ใช้ มัลติฟังก์ชั่น พรินเตอร์ ทั้งนี้เราเชื่อว่าด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีอันเหนือชั้น และฟังก์ชั่นที่ใช้งานง่าย ทั้งยังประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของพริ้นเตอร์ของแคนนอนจะรองรับการเติบโตของธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมเพิ่มศักยภาพในการทำงานให้กับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น”
นายวรินทร์ กล่าวปิดท้าย

View :1494

โนเกียเปิดตัว Nokia Lumia 800 และ Nokia Lumia 710 สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone พร้อมบริการและอุปกรณ์เสริมล่าสุดในงาน Nokia World

October 27th, 2011 No comments

ในงานโนเกีย เวิลด์ ซึ่งเป็นงานประจำปีสำหรับลูกค้า พันธมิตร และนักพัฒนา โนเกียแสดงความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ เผยโฉมนวัตกรรมโทรศัพท์มือถือ บริการ และอุปกรณ์เสริม นำทัพโดย Nokia Lumia สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ รุ่นแรก ประกอบด้วย มาในดีไซน์โดดเด่น มอบประสบการณ์สังคมออนไลน์และอินเตอร์เน็ตที่ดีที่สุด พร้อมฟีเจอร์หลักของโนเกีย เช่นความสามารถด้านการถ่ายภาพ และประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ สมาร์ทโฟนสีสันสดใสราคาย่อมเยา มอบประสบการณ์ใหม่สู่ผู้คนทั่วโลก

โนเกียยังได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือดีไซน์เก๋ มาพร้อมเทคโนโลยี location-aware และประสบการณ์สังคมออนไลน์ที่ยอดเยี่ยม ประกอบด้วย Nokia Asha 300, Nokia Asha 303, Nokia Asha 200, และ Nokia Asha 201 ผสานประสบการณ์สมาร์ทโฟนลงในโทรศัพท์มือถือ ในรูปแบบของคีย์บอร์ด QWERTY และหน้าจอสัมผัส เชื่อมต่ออินเตอร์ได้รวดเร็วและง่ายดาย พร้อมเข้าถึงเครือข่ายสังคมออนไลน์ ระบบรับส่งข้อความ และแอพพลิเคชั่นดีๆจากโนเกีย สโตร์

“เมื่อ 8 เดือนก่อน เราได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ และวันนี้ เรากำลังแสดงความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ เรานำนวัตกรรมมาสู่ทุกผลิตภัณฑ์ของเรา ตั้งแต่สมาร์ทโฟนใหม่ จนถึงโทรศัพท์มือถือที่ชาญฉลาดขึ้นกว่าเดิม” มร. สตีเฟ่น อีลอป ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โนเกีย กล่าว พร้อมเสริมว่า “จาก Nokia Lumia 800 ถึง Nokia Asha 201 เรานำผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ผมภูมิใจในผลิตภัณฑ์ และชาวโนเกียทุกคนที่ร่วมกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เหล่านี้”

มร. พีท คันนิ่งแฮม หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท คานาลิส กล่าวว่า “นับตั้งแต่โนเกียปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เมื่อ 8 เดือนก่อน เราได้พบพลังใหม่ๆ ซึ่งช่วยพัฒนาระบบปฏิบัติการ Symbian ให้ดีขึ้น สร้างความแตกต่างให้กับ Windows Phone และสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ โนเกียกำลังทำตามคำมั่นสัญญา และแสดงถึงเส้นทางสู่ความสำเร็จในอนาคต”

สมาร์ทโฟน Nokia Lumia

สมาร์ทโฟนบนระบบปฏิบัติการ Windows Phone 2 รุ่นแรกนำเสนอประสบการณ์ใหม่ที่ออกแบบให้ทุกวันของคุณเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ยิ่งขึ้น

Nokia Lumia 800

Nokia Lumia 800 ดีไซน์โดดเด่นในเฉดสีสุดโดน (ฟ้า ชมพู ดำ) ทรงประสิทธิภาพสำหรับการใช้งานสังคมออนไลน์ และอินเตอร์เน็ต สามารถเข้าสู่สังคมออนไลน์ได้ง่ายเพียงสัมผัสเดียว จัดกลุ่มรายชื่อ contacts ได้ง่าย พรั่งพร้อมด้วยระบบสื่อสารที่ดีเยี่ยม และ Internet Explorer 9 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ClearBlack 3.7 นิ้ว ซึ่งเชื่อมต่อกับตัวเครื่องได้อย่างสวยงามเพรียวบาง และ processor 1.4 GHz มาพร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฮาร์ดแวร์ ระบบประมวลผลให้ทำงานได้เร็วขึ้น Nokia Lumia 800 มอบประสบการณ์การถ่ายภาพและแชร์ภาพทันทีที่ยอดเยี่ยมด้วย เลนส์ Carl Zeiss , วีดีโอคุณภาพ HD หน่วยความจำภายใน 16GB และฟรี SkyDrive หน่วยความจำออนไลน์ขนาด 25 GB เพื่อเก็บรูปภาพและเพลงโปรด Nokia Lumia จะวางจำหน่ายในราคาประมาณ 420 ยูโร ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ

Nokia Lumia 710

Nokia Lumia 710 เป็นโทรศัพท์ที่สร้างสร้างขึ้นโดยให้ความสำคัญกับการใช้งานในรูปแบบที่ปรับแต่งได้ตามใจผู้ใช้ ฝาหลังเปลี่ยนได้พร้อมแอพพลิเคชั่นนับพัน มอบประสบการณ์การใช้งานใหม่ๆ ให้กับผู้คนทั่วโลก Nokia Lumia 710 ออกแบบเพื่อการใช้งานสังคมออนไลน์ และแชร์รูปภาพทันที ท่องเว็บว่องไวด้วย IE9 มาในสีขาวและดำ พร้อมฝาหลังสีดำ ขาว ฟ้า ชมพู และเหลือง processor 1.4 GHz พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฮาร์ดแวร์ ระบบประมวลผลให้ทำงานได้เร็วขึ้น Nokia Lumai 710 มอบการทำงานทรงประสิทธิภาพในราคาย่อมเยา คาดว่าจะวางจำหน่ายในราคาประมาณ 270 ยูโร ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ

สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นรวมประสบการณ์การใช้งานโนเกียอันเป็นเอกลักษณ์ เข้ากับระบบปฏิบัติการ Windows Phone ได้แก่ Nokia Drive ซึ่งเป็นระบบนำทางส่วนตัว แบบเลี้ยวต่อเลี้ยวพร้อมระบบการใช้งานภายในรถยนต์ นอกจากนี้ยังมี Nokia Music ได้แก่ MixRadio แอพพลิเคชั่นในการฟังเพลงที่มีมากกว่า 100 ช่อง ในระยะเวลาอันใกล้ผู้ใช้สามารถสร้างช่องส่วนตัวจากคลังเพลงกว่าล้านเพลงทั่วโลก Nokia Music ยังมี Gigfinder ที่ช่วยหาสถานที่แสดงดนตรีสด พร้อมสามารถแบ่งปันสิ่งใหม่ๆ บนเครือข่ายสังคมออนไลน์ และยังจะสามารถซื้อตั๋วคอนเสิร์ตผ่านโปรแกรม Nokia Music ซึ่งจะเปิดให้อัพเดตภายในปีนี้

เพื่อความสมบูรณ์ในการฟังเพลงโนเกียเปิดตัว Nokia Purity HD Stereo Headset by Monster
และ in-ear Nokia Purity Stereo Headset by Monster ซึ่งออกแบบและพัฒนาร่วมกับ มอนสเตอร์ (Monster) ผู้นำด้านระบบเสียงประสิทธิภาพสูง มอบประสบการณ์การพังเพลงที่สดใหม่ ถือเป็นผลงานแรกจากความร่วมมือระยะยาวระหว่างโนเกีย และมอนสเตอร์ เพื่อนำเสนออุปกรณ์เสริมด้านระบบเสียงชั้นสูง เพื่อสะท้อนคุณภาพและสไตล์โดดเด่นของ Lumia

Nokia Lumia 800 เปิดให้สั่งจองแล้วในบางประเทศบนเว็บไซต์ www.nokia.com และคาดว่าจะวางจำหน่ายที่ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และสหราชอาณาจักรภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมได้รับการสนับสนุนด้านการตลาดจากผู้ให้บริการเครือข่ายและร้านค้าปลีกชั้นนำ 31 แห่งใน 6 ประเทศดังกล่าว จะวางจำหน่ายในฮ่องกง อินเดีย รัสเซีย สิงคโปร์ และไต้หวัน ภายในสิ้นปีนี้ และจะวางจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ในต้นปี 2012

Nokia Lumia 710 จะวางจำหน่ายครั้งแรกในฮ่องกง อินเดีย รัสเซีย สิงคโปร์ และไต้หวัน ภายในสิ้นปี และจะวางจำหน่ายในประเทศอื่นๆ ในต้นปี 2012

โนเกียยังประกาศแผนวางจำหน่ายโทรศัพท์รุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกาภายในต้นปี 2012 และจีนภายในครึ่งปีแรกของ 2012 นอกจากผลิตภัณฑ์สำหรับคลื่น WCDMA และ HSPA แล้ว โนเกียยังวางแผนออกผลิตภัณฑ์สำหรับคลื่น LTE และ CDMA เพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของบางประเทศ

Asha: โทรศัพท์มือถือที่ชาญฉลาดขึ้นกว่าเดิม
โนเกียส่งมอบโทรศัพท์มือถือคุณภาพสูง ดีไซน์สวย เพื่อเชื่อมต่อสังคมออนไลน์ อินเตอร์เน็ต และข้อมูลข่าวสาร
พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดและความคุ้มค่าให้กับผู้คนกว่าพันล้านคนอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคเหล่านี้ต้องการเข้าถึงนวัตกรรม เช่น โทรศัพท์มือถือ 2 ซิมที่ใช้งานง่าย มีบริการและเนื้อหาเกี่ยวกับท้องถิ่น แอพจากนักพัฒนา และประสบการณ์การใช้งานชั้นยอด

โทรศัพท์มือถือในตระกูล Asha ซึ่งแปลว่า “ความหวัง” ในภาษาฮินดู มุ่งเน้นมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดี และเชื่อมต่อผู้คนนับล้านไปยังโอกาสใหม่ๆ ได้ดั่งฝัน โทรศัพท์ในตระกูล Asha ประกอบด้วย

Nokia Asha 303

Nokia Asha 303


Nokia Asha 303 เป็นโทรศัพท์ดีไซน์โดดเด่นด้วยวัสดุเคลือบเมทัลลิคชั้นเยี่ยม ผสมผสานหน้าจอสัมผัสขนาด 2.6 นิ้วกับแป้นพิมพ์ QWERTY เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตและสังคมออนไลน์ได้ง่าย

Nokia Asha 303 เปี่ยมพลังด้วย processor 1Ghz รองรับ 3G และ WLAN เพื่อมอบประสบการณ์อินเตอร์เน็ตที่รวดเร็ว เครือข่ายสังคมออนไลน์ อีเมล์ และข้อความส่วนตัวสามารถเข้าใช้งานได้ง่ายดายจากหน้าจอหลัก โนเกียเบราว์เซอร์สามารถบีบอัดเว็บได้ถึง 90% ช่วยให้อินเตอร์เน็ตเร็วขึ้นและประหยัดขึ้น

แอพและความบันเทิงยังเป็นส่วนสำคัญของ Nokia Asha 303 ไม่ว่าจะเป็น Angry Birds Lite เกมส์ยอดนิยมที่ติดตั้งมาให้ในเครื่อง Facebook Chat และ Whatsapp รวมถึง Nokia Maps สำหรับ Series 40 สำหรับในบางประเทศ คาดว่าจะวางจำหน่ายในราคาประมาณ 115 ยูโร ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ โดยราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละตลาดและผู้ให้บริการ โดยคาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่สี่ของปี 2011

Nokia Asha 300

Nokia Asha 300


Nokia Asha 300 เป็นโทรศัพท์มือถือจอสัมผัสดีไซน์สวยพร้อมแป้นกด เปี่ยมพลังด้วย processor 1GHz และ 3G เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานอินเตอร์เน็ตและสังคมออนไลน์ที่เร็วขึ้น เบราเซอร์ของโนเกียยังช่วยให้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้เร็วขึ้นในราคาที่ถูกลงโดยบีบอัดเว็บได้ถึง 90%

ผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งานรับส่งข้อความ อีเมล์ และข้อความส่วนตัวได้จากหน้าจอหลัก และสามารถวาดนิ้ว (swipe) เพื่อเข้าถึงแอพ เพลง หรือเกมส์ จากโนเกีย สโตร์ Nokia Asha 300 มาพร้อมเกมส์ Angry Birds Lite กล้อง 5 megapixel เครื่องเล่นเพลง วิทยุเอฟเอ็ม บลูทูธ และรองรับการ์ดความจำสูงถึง 32 GB ราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละตลาดและผู้ให้บริการ คาดว่าจะวางจำหน่ายในราคาประมาณ 85 ยูโร ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสสี่ของปี 2011

Nokia Asha 200

Nokia Asha 200


Nokia Asha 200 เป็นโทรศัพท์มือถือ 2 ซิมรุ่นล่าสุด มาพร้อมฟังก์ชั่น Easy Swap ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนซิมได้ง่ายโดยไม่ต้องปิดเครื่อง เป็นโทรศัพท์ QWERTY สีสันสดใสที่ออกแบบมาสำหรับวัยรุ่นผู้ต้องการติดต่อสื่อสารตลอดเวลา Nokia Asha 200 สามารถเชื่อมต่อสังคมออนไลน์ อีเมล์ และข้อความส่วนตัว พร้อมรองรับการใช้งาน RenRen, Orkut และ Flickr
สามารถบันทึกเพลงนับพันด้วยการ์ดความจำสูงถึง 32GB แบตเตอรี่สามารถเล่นเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 52 ชั่วโมง ราคาจำหน่ายจะแตกต่างกันไปในแต่ละตลาดและ
ผู้ให้บริการ Nokia Asha 200 จะวางจำหน่ายภายในไตรมาสสี่ของปี 2011 ในราคาประมาณ 60 ยูโร ไม่รวมภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ

Nokia Asha 201
Nokia Asha 201 คือ Nokia Asha 200 ซิมเดียว ราคาประหยัด เหมาะกับวัยรุ่นที่ชอบฟังเพลงและต้องการเชื่อมต่อสังคมออนไลน์ตลอดเวลา Nokia Asha 201 มีฟีเจอร์ทางดนตรีที่ดีเยี่ยม ประกอบด้วย ลำโพงคุณภาพสูง วิทยุเอฟเอ็มสเตริโอ และสามารถปรับแต่งริงโทนได้ ด้วยเบราเซอร์โนเกีย คุณสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้เร็วขึ้น ในราคาประหยัดลง พร้อมรองรับการ์ดความจำสูงถึง 32 GB แบตเตอรี่เล่นเพลงต่อเนื่องได้นาน 52 ชั่วโมง รองรับ push email และ Whatspp ราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละตลาด และผู้ให้บริการ Nokia Asha 201 จะวางจำหน่ายในราคาประมาณ 60 ยูโร ไม่รวมภาษีและ ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ภายในไตรมาสแรกของปี 2012

แผนที่โนเกีย: บริการเกี่ยวกับสถานที่ออกแบบเพื่อให้ทุกวันดีขึ้น
เพื่อนำเสนอบริการ location-based ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โนเกียเปิดตัว แผนที่โนเกียล่าสุด และ Nokia Drive บนระบบปฏิบัติการ Windows Phone ช่วยทำให้แผนที่โนเกียเหมาะสมกับผู้เดินทาง และสามารถค้นหาสถานที่น่าสนใจในเมืองที่อาศัยอยู่ เพิ่มเติมจากระบบนำทางสำหรับการเดินเท้าและขับรถฟรีใน 100 ประเทศทั่วโลก โนเกียแนะนำแอพ Nokia Public Transport ที่ช่วยค้นหาระบบขนส่งมวลชนบนอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ใน 430 เมืองทั่วโลก และตารางรถโดยสารและรถไฟใน 45 เมือง นอกจากนี้ยังมี Nokia Pulse ซึ่งช่วยให้สามารถอัพเดตสถานที่และรูปภาพในกลุ่มส่วนตัว พร้อมการระบุตำแหน่งในกลุ่มเพื่อนสนิท

Nokia Live View จะเปลี่ยนจอมองภาพของกล้องให้เป็นอุปกรณ์ reality โดยเพียงหันกล้องโทรศัพท์ไปที่ตึก หรือถนน จากนั้น ชื่อของสถานที่นั้นๆ จะปรากฎขึ้น เพียงคลิกเดียวคุณก็สามารถเข้าถึงรายละเอียดสถานที่ ธุรกิจ ร้านอาหาร หรือสถานที่น่าสนใจ แอพต่างๆ เหล่านี้สามารถดาวน์โหลดได้ที่ betalabs.nokia.com

นอกจากนี้ โนเกียประกาศ
•แผนที่โนเกียโดย Yahoo! Maps จะเริ่มให้บริการที่สหรัฐอเมริกาและแคนาดา
•ข้อตกลงกับระบบขนส่งมวลชนนิวยอร์ก เพื่อพัฒนาระบบตั๋ว NFC เพื่อเป็นโครงการนำร่องสำหรับผู้ใช้บริการรถไฟ ในนิวยอร์ค โดยจะเริ่มภายในสิ้นปี 2011

View :2134