Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

MFEC มั่นใจครึ่งปีหลังทำผลงานโตต่อ หลัง Q2/54โชว์กำไรพุ่งเกือบ 200%

August 18th, 2011 No comments

” แม่ทัพใหญ่ มั่นใจผลประกอบการครึ่งปีหลังมีแนวโน้มโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก หลังอุตสาหกรรมไอทีขยายตัวคึกคัก หนุนปริมาณงานไหลเข้าตลาดเพิ่มขึ้น เชื่อสิ้นปีปั๊มรายได้ทะลุ 3,500 ลบ.หายห่วง ส่วนผลงานโค้ง 2 ปีนี้โชว์กำไรยอดเยี่ยมพุ่ง 199% จาก 20 ลบ.ในปีก่อน เป็น 61 ลบ. เป็นผลจากรายได้ที่โตถึง 103% จาก 532 ลบ.ในปีก่อนมา เป็น 1,077 ลบ. แถมหนุนผลงานครึ่งปีแรกสดใสกำไรทะลุ 82 ลบ. เพิ่มขึ้น 40ลบ. หรือ 96% จากงวดเดียวกันปีก่อน

ศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษา พัฒนาและวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังว่ายังขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาตามทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมไอที โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมไอทีอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าจะมีงานใหม่ๆ ไหลเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และคาดว่ารับรู้รายได้ปีนี้ 70 – 80% ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีถัดไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมประมูลงานใหม่ๆ ต่อเนื่องกระจายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเบื้องต้นเตรียมประมูลงานรัฐวิสาหกิจ มูลค่าอีกประมาณ 800 ล้านบาท ขณะเดียวกันได้เตรียมพัฒนาระบบ Software ต่างๆ เพื่อสร้าง Content ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นรองรับตลาดไอทีที่ขยายตัว ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่บริษัทฯ จะรับงานในภาครัฐบาลเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันบริษัทฯ รับงานภาครัฐบาลสัดส่วน 30% และรับงานภาคเอกชนสัดส่วน 70% ซึ่งการรับงานได้อย่างคล่องตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากการรวมตัวกับบริษัทไอทีชั้นนำในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ MFEC GROUP แข็งแกร่งมากขึ้น และมั่นใจว่าในปีนี้จะผลักดันรายได้ทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 3,500 ล้านบาทได้สำเร็จ

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2554 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,077 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 545 ล้านบาท หรือร้อยละ103จากงวดไตรมาสเดียวกันของปี 2553 ที่มีรายได้ 532 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.22 บาท เพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท หรือร้อยละ 199 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.08 บาท

ในขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2554 (มกราคม – มิถุนายน 2554) บริษัทฯ มีรายได้ 1,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 563 ล้านบาท หรือร้อยละ 44.57 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,263 ล้านบาท และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.29 บาท เพิ่มขึ้น 40 ล้านบาท หรือร้อยละ 96 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 42 ล้านบาท หรือหุ้นละ 0.17 บาท สำหรับปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการส่งมอบงานได้ดีขึ้น ทำให้รับรู้รายได้เต็มที่ทั้งจากงานปัจจุบัน และงานที่ชะลอการส่งมอบมาจากช่วงไตรมาส1 ที่ผ่านมา

“ผลประกอบการครึ่งปีแรกที่ผ่านมาของบริษัทฯ ถือว่าน่าพอใจ ซึ่งตามปกติผลประกอบการครึ่งปีแรก คิดเป็น 40% ของรายได้รวม ขณะที่ 60% จะรอรับรู้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่วางไว้ 3.5 พันล้านบาทยังไม่ได้ปรับเปลี่ยน และคาดว่าทำได้ตามที่วางไว้ จากความแข็งแกร่งของ MFEC GROUP ที่ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นและรองรับงานได้กว้างขวางขึ้น” นายศิริวัฒน์ กล่าว

*************************
ข้อมูลบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน)

บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษา พัฒนา และวางระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าวิสาหกิจ (Enterprise) ขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีพนักงานรวมบริษัทในเครือ 4 บริษัททั้งสิ้นกว่า 1,000 คน ในจำนวนนี้ ร้อยละ 80 เป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างสูง มีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 200 บริษัท และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ควบรวมกิจการกับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอที กลายเป็น MFEC GROUP ซึ่ง 3 บริษัทไอทีชั้นนำดังกล่าวประกอบด้วย

บริษัท บิสซิเนส แอพพลิเคชั่น จำกัด หรือ BAC เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหาร และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนจำหน่ายของ IBM COGNOS ซอฟท์แวร์ด้าน Business intelligence (BI) รายเดียวในประเทศไทย

บริษัท โมทีฟ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาและบริการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์โดยเป็นบริษัทซอฟต์แวร์สัญชาติไทยผู้วิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเอง เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท Motif เอง ที่ใช้ในระบบงานโอเปอเรชั่นของสถาบันการเงินการธนาคาร งานกฎหมาย การบริหารองค์กรภาครัฐ มีวิศวกรทางด้านซอฟแวร์กว่า 100 คน และมีลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่กว่า 20 แห่ง

บริษัท ซอฟต์สแควร์ กรุ๊ป ให้บริการด้านการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ มีบุคลากรประมาณ 400 คน ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทในเครือ 8 บริษัท ถือเป็นบริษัทซอฟท์แวร์เฮาส์คนไทยที่มีอายุงานยาวนานและมีการเติบโตยั่งยืนต่อเนื่องที่สุด ปัจจุบันกลุ่มบริษัท ซอฟต์สแควร์ ได้รับความไว้วางใจในการจัดหาและติดตั้งระบบงานคอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้กับองค์กรชั้นนำ ทั้งภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอุตสาหกรรมการผลิตกว่า300 ราย ทั้งในและต่างประเทศ

View :1645

ทรูไลฟ์ เปิดตัว “iRu Day” เพื่อชีวิตไม่ตกเทรนด์ ระดมเหล่ากูรูขั้นเทพ อัพเดทเทคโนโลยี พร้อมแอพพลิเคชั่นล้ำต่อเนื่อง

August 18th, 2011 No comments

แนะนำ 3 แอพใหม่โดนใจ myLife, TrueLife TV และ Guru Daily

ทรูไลฟ์ ต่อยอดสร้างคอมมูนิตี้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นไทย เปิดงาน เพื่อชีวิต “ไม่ตกเทรนด์” ครบวงจร รวมกูรูหลากหลายไลฟ์สไตล์อัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ อาทิ เทคโนโลยี Gadget แอพพลิเคชั่น ให้บล็อกเกอร์ Web Developer และผู้สนใจได้พบปะสังสรรค์ แชร์ประสบการณ์ และเสนอผลงาน ณ ทรูมูฟ สแควร์ (สยามสแควร์ ซอย 2) คอมมูนิตี้คนอินเทรนด์ เชิญชวนร่วมเป็นสมาชิก iRU Foundation Member รับสิทธิพิเศษสัมผัสนวัตกรรมจากทรูก่อนใคร พร้อมเปิด 3 แอพพลิเคชั่นใหม่อินเทรนด์ myLife, TrueLife TV และ Guru Daily (Beta Test) ที่รวมคอนเทนต์คุณภาพเชื่อมต่อโซเชียล เน็ตเวิร์ค สะดวก คุ้มค่า มั่นใจเติมเต็มหลากหลายไลฟ์สไตล์ เพื่อเอาใจคนรุ่นใหม่และคนไทยโดยเฉพาะ

นายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ คอนเวอร์เจนซ์ กลุ่มบริษัททรู และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ทรูไลฟ์ ผู้ให้บริการดิจิตอลคอนเทนต์ ภายใต้กลุ่มทรู เล็งเห็นการเติบโตของการใช้งานคอนเทนต์ และดาต้าบนสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อสนองตอบความต้องการของคนไทยที่ไม่ยอมตกเทรนด์ จึงนำกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ ผสมผสานเทคโนโลยีและคอนเทนต์ เปิดงาน “iRu Day” วันนัดพบของคนอินเทรนด์ คอมมูนิตี้แหล่งใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้น เปิดโอกาสให้นักพัฒนา บล็อกเกอร์ และผู้สนใจทั่วไป พบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อต่อยอดคอมมูนิตี้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นเลือดไทย จาก “ App Center” สถาบันศูนย์กลางการศึกษาเพื่อการพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับมือถือทุกแพลตฟอร์ม ณ ทรูมูฟ สแควร์ (สยามสแควร์ ซอย 2) ทั้งยังรวมกูรูจากหลากหลายไลฟ์สไตล์ อาทิ บัญชา ชุมชัยเวทย์, โจ๊กเกอร์-นพชัย มัททวีวงศ์, ประภัสสร เสวิกุล, นรเศรษฐ์ หมัดคง, ซี-ฉัตรปวีร์, วงลิปตา, แจ๊คกาลีน-ทีวีพูล, แป้งโกะ และ Jediyuth เป็นต้น มาอัพเดทเทรนด์ใหม่ๆ ทั้งสาระ และบันเทิงครบวงจร เพื่อจุดประกาย เพิ่มแรงบันดาลใจสร้างสรรค์นวัตกรรมและพัฒนาคอนเทนต์ ตลอดจนแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ให้ตอบสนองตรงใจคนไทยยิ่งขึ้น พร้อมเชิญชวนร่วมเป็นสมาชิก iRu Foundation Member เพื่อรับสิทธิพิเศษสัมผัสนวัตกรรมจากทรูไลฟ์ก่อนใคร

“iRu” มาจากคำว่า “ฉันรู้” แสดงถึงคนอินเทรนด์ ที่อัพเดทข้อมูลจากผู้รู้และผู้นำเทรนด์ตลอดเวลา ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ทั้งยังได้รู้ประเด็นฮอตที่อยู่ในกระแส เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ครอบครัว และคนรอบข้าง สามารถรับข้อมูลข่าวสารทุกเรื่องที่อยากรู้ได้สะดวก รวดเร็ว ง่ายดาย และส่งตรงถึงมือทันที อินเทรนด์ตลอดไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์คอนเทนต์ต่างๆ อาทิ ภาพยนตร์, รายการโทรทัศน์, ดนตรี, กีฬา, เทคโนโลยีและ Gadget, ครอบครัว เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ยังเปิดให้ทดลอง 3 แอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุด (Beta Test) ให้อินเทรนด์ก่อนใคร พัฒนาโดยคนไทยเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนไทยโดยเฉพาะ ได้แก่

myLife แอพพลิเคชั่นที่เชื่อมโซเชียล เน็ตเวิร์ค กับโลกสาระและบันเทิงต่างๆ ให้สามารถอัพเดทเรื่องส่วนตัว และอัพเดทเรื่องราวต่างๆ ในโลก ได้พร้อมๆ กัน ด้วยคอนเทนต์หลากหลายไลฟ์สไตล์ถึง 14 หมวด ให้ผู้ใช้เลือกได้ตามต้องการ ซึ่งนอกจากจะไม่ตกเทรนด์แล้ว ยังเป็นคนแรกที่แชร์เทรนด์ให้เพื่อนฝูงในกลุ่ม

TrueLife TV แอพพลิเคชั่นสำหรับคนที่ติดทีวีให้สนุกมากขึ้น สามารถดูและแชตได้ทันทีกับเพื่อนที่ชื่นชอบรายการเดียวกัน ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยมีช่องรายการให้เลือกกว่า 500 ช่อง

Guru Daily แอพพลิเคชั่นที่รวบรวมคอนเทนต์มากมาย จัดแบ่งไว้ 14 ไลฟ์สไตล์ โดย 40 กูรู ที่สามารถเข้าถึงได้ในทุกช่องทาง ทั้งโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ค แล็บท็อป ไอแพด ผ่านเครือข่าย 3G / Wi-Fi / EDGE โดยผู้ใช้โทรศัพท์พื้นฐาน สามารถฟังข้อมูลข่าวสาร อัพเดทจากกูรู ได้ที่ *873# เลือกฟัง Tech & Gadget หรือสมัครแพ็คเกจ Guru Daily ที่ www.truelife.com สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนสามารถดาวน์โหลด Guru Daily ไว้บนมือถือ (ค่าบริการเพียง 9 บาทต่อวันเท่านั้น) ทดลองใช้ได้ฟรีตั้งแต่ 1 – 30 กันยายน 2554

“iRu Day” จะเปิดมิติใหม่ของคนรุ่นใหม่และคนไทยได้อินเทรนด์ พร้อมติดตามกระแสไลฟ์สไตล์ที่สนใจ เกาะติดทุกความเคลื่อนไหวได้ทุกที่ทุกเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถแบ่งปันเรื่องราว ข่าวฮอต ช็อตเด็ด ให้กลุ่มเพื่อนในโซเชียล เน็ตเวิร์คไม่ตกเทรนด์ มั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรู จะสามารถเติมเต็มการใช้ชีวิตของคนยุคดิจิตอลได้อย่างแน่นอน” นายอติรุฒม์ กล่าวสรุป

View :1832

ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ จับมือไมโครซอฟท์ เปิดตัวโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมใหม่

August 18th, 2011 No comments

บริษัท คอร์ปอเรชัน หรือ เอชดีเอส ร่วมกับไมโครซอฟท์ เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม (Converged Data Center Solutions – CDCS) โดยผนวก Microsoft® Hyper-V™ Cloud Fast Track และ Microsoft Exchange 2010 เป็นครั้งแรก ให้ลูกค้าที่ต้องการใช้งานในสภาพแวดล้อมเสมือนจริงให้เป็นอย่างเหมาะสม อัตโนมัติ และมีประสิทธิภาพสูง

ผลิตภัณฑ์โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม (Converged Data Center Solutions – CDCS) สามารถลดระยะเวลาการนำไปใช้ ตลอดจนทำให้การปรับใช้ระบบคลาวด์เป็นเรื่องง่ายและกระบวนการที่ทำงานแบบอัตโนมัติ Hitachi CDCS ได้รวมการปรับแต่ง ของระบบจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรขนาดใหญ่ และ ระบบประมวลผลแบบเบลด จากบริษัท ฮิตาชิที่มาพร้อมด้วยโครงสร้างเครือข่ายที่เป็นมาตรฐาน มาปรับใช้อย่างเหมาะสม ที่ครอบคลุม แอพพลิชั่นต่างๆ ในสภาพแวดล้อมของระบบคลาวด์ ภายใต้การนำระบบไปใช้ที่รวดเร็วขึ้น ขยายระบบได้ภายหลัง และมีกระบวนการเป็นอัตโนมัติ โซลูชั่นใหม่นี้ช่วยให้องค์กรสามารถปรับแต่ง สภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ จากสิ่งที่องค์กรมีอยู่ และสามารถคาดการณ์ผลจากการนำไปใช้และความคุ้มค่าได้เร็วขึ้น

นายวัชรสิทธิ์ สันติสุขนิรันดร์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “กลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม (Converged Data Center Solutions – CDCS) เป็นการผนวกกับ Microsoft® Hyper-V™ Cloud Fast Track และ Microsoft Exchange 2010 จะช่วยวางรากฐานระบบคลาวด์ หรือโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ ด้วยการปรับแต่งระบบของระบบต่างๆมาใช้ร่วมกันได้ อันได้แก่ ระบบจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และการเครือข่ายการสื่อสารข้อมูล องค์กรหลายแห่งต้องการได้รับประโยชน์จากระบบส่วนตัวภายใต้สภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นด้วยวิธีใดเนื่องจากมีข้อมูลน้อยมากสำหรับ มาตรฐาน การปรับแต่งเพื่อทำงานรวมกัน และการรับรอง สำหรับการนำใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมคลาวด์ ที่สามารถแสดงผลสำเร็จที่เด่นชัดและเชื่อถือได้ การผสานรวมอุปกรณ์ต่างๆ จาก ระบบจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล และเครือข่ายการสื่อสาร ของ Hitachi CDCS จะนำเอาจุดได้เปรียบที่เด่นชัดของความเชื่อมั่นของอุปกรณ์สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ความรวดเร็วในการปรับใช้ ประสิทธิภาพ และระบบบริหารจัดการ ที่แตกต่างชัดเจนเมื่อเทียบกับโซลูชั่นที่มีการผสานรวมกันอย่างหลวมๆ โดยไม่ได้มีการปรับใช้ให้เหมาะสม นอกจากนี้ โซลูชั่นของฮิตาชิยังให้คำตอบ สำหรับที่องค์กรที่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบคลาวด์ มีกระบวนการสั่งการและนำไปใช้ที่ง่าย ตลอดจนได้ผลการนำไปใช้ที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับระบบอื่นๆ”

นางสาวปัญจพร วิทยเลิศพันธุ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์อาวุโสด้านเซิร์ฟเวอร์และแอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม บริษัท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ ประเทศไทย และฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้ร่วมกันประกาศ โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม(CDCS) ในวันนี้ โดย โซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม(CDCS) ทำงานบน Microsoft Hyper-V Cloud Fast Track และ Microsoft Exchange 2010 ที่สามารถช่วยให้องค์กรมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อัตโนมัติ และเสมือนจริงที่มีประสิทธิภาพสูงและตรงความต้องการของลูกค้าในด้านความยืดหยุ่น ประสิทธิภาพ ด้านการคาดการณ์ และสามารถขยายได้อย่างราบรื่น โดยฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ และไมโครซอฟท์ ร่วมกันให้ออปชั่นที่หลากหลายสำหรับลูกค้าเพื่อให้ได้ประโยชน์จากโซลูชั่นนี้มากที่สุด เราทราบดีว่าธุรกิจมีความจำเป็นเฉพาะด้านและหลากหลายที่ต้องการความแตกต่างในการผสานรวมกัน เราจึงให้โซลูชั่นแบบเปิดและยืดหยุ่นเพื่อการป้องการการลงทุน ระยะยาวและสามารถปรับใช้กับระบบคลาวด์ของลูกค้าได้”

นายสุนิล ชวาล ผู้อำนวยการกลุ่มซอฟต์แวร์ และโซลูชั่นสำหรับคลาวด์ บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ กล่าว ว่า“บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ให้ความสำคัญกับการทำให้สภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ของลูกค้าสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นเรื่องง่าย ขณะที่ต้องคุ้มค่าต่อการลงทุนด้านไอทีของลูกค้าด้วยและ Hitachi CDCSโซลูชั่นใหม่ของเรา ได้รวบรวมเทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ความเชี่ยวชาญ และเชื่อมั่นได้ จากระบบจัดเก็บข้อมูลของฮิตาชิ ที่วันนี้ได้ มารวมเข้ากับระบบประมวลผล

สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ได้โดยง่าย มีต้นทุนที่เหมาะสม และเป็นระบบที่เชื่อถือได้ ลูกค้าของเราสามารถนำเสนอการให้บริการแบบคลาวด์ได้ในแบบที่ พวกเขาต้องการและสอดคล้องกับธุรกิจของตนได้มากที่สุด ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว โซลูชั่นเหล่านี้จะช่วยปรับเปลี่ยนศูนย์ข้อมูลเดิมของลูกค้าให้เป็นศูนย์ข้อมูลแบบอัตโนมัติ เพื่อให้เข้าใกล้ความต้องการทางธุรกิจ โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ทั้งหมดได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด”

ส่วนประกอบโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวมของฮิตาชิ(CDCS)

Hitachi CDCS ได้รวมระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบประมวลผล และเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เข้ากับการจัดการซอฟต์แวร์ ทำให้กระบวนการเป็นแบบอัตโนมัติ และปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม สิ่งนี้ทำให้องค์กรสามารถจัดสรรทรัพยากรด้วยตนเองและติดตามการใช้งาน ตลอดจนการนำไปปรับใช้ที่เหมาะสมที่สุดที่ระดับแอพพลิเคชั่น แพลตฟอร์ม ไฮเปอร์ไวเซอร์ และให้ความยืดหยุ่นในการใช้เทคโนโลยีได้ตามต้องการ โดย CDCS ในช่วงเริ่มแรกนั้น จะประกอบด้วย

· ชุดโซลูชั่นของฮิตาชิพร้อมใช้กับ Microsoft® Hyper-V™ Cloud Fast Track: การผสานรวมของระบบการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลของฮิตาชิเข้ากับระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูล และ Microsoft Windows Server 2008 R2 พร้อมด้วย Hyper-V และ System Center สำหรับโครงสร้างพื้นฐานส่วนตัวในสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูง ที่จะนำไปสู่การทำให้กระบวนการแบบอัตโนมัติ และ การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวของคุณลักษณะ Orchestration

· Hitachi Converged Platform for Microsoft Exchange 2010: ผลิตภัณฑ์แรก ของ กลุ่ม CDCS สำหรับแอพพลิเคชั่นเฉพาะ ที่ผ่านการทดสอบล่วงหน้า ถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้วิศวกรระบบ สามารถนำไปใช้ที่รวดเร็วและ เข้ากันได้กับคุณสมบัติใหม่ที่ทรงประสิทธิภาพของ Exchange 2010 ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นตามต้องการ การคาดการณ์ประสิทธิภาพการทำงานได้ และความสามารถในการปรับขนาดเพิ่มเติมได้อย่างราบรื่น ภายใต้การสนับสนุนจากHitachi Global Services และสะดวกต่อการสั่งซื้อในรูปแพคเกจที่จัดมาพร้อมใช้

Hitachi Unified Compute Platform (UCP): การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวของคุณลักษณะ Orchestration ครอบคลุมทุกขอบเขตของเทคโนโลยี

UCP เป็นกลยุทธ์สำคัญของ ศูนย์ข้อมูลแบบผสานรวม ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ UCPจะให้การบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวและสามารถจัดการร่วมภายในกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นแบบผสานรวมของฮิตาชิ และด้วยซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการแบบทำงานเป็นหนึ่งเดียวแบบใหม่นี้ ทำให้ UCP สามารถเป็นศูนย์รวมและจัดการบริหารเป็นหนึ่งเดียวกับ เซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล และระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูล เสมือน ศูนย์รวมทรัพยากรเชิงธุรกิจ ผ่านอินเทอร์เฟสการใช้งานง่ายที่ครอบคลุม นอกจากนี้ จากการพัฒนาบนระบบอัจฉริยะที่ครอบคลุมขอบเขตเทคโนโลยีต่างๆ ยังได้ให้สภาพแวดล้อมการประมวลผลขนาดใหญ่ ที่มีความคล่องตัวในการนำไปใช้ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ ตลอดจนลดต้นทุนและความเสี่ยงผ่านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ เป็นแบบอัตโนมัติ ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน และมีความยืดหยุ่น

Hitachi Compute Blade: อุปกรณ์ประมวลผลพร้อมใช้สำหรับคลาวด์ ที่ยืดหยุ่นในการกำหนดระบบที่จะนำไปใช้งาน

เป็นที่ทราบกันดีว่า บริษัท ฮิตาชิ เป็นผู้จัดหาโซลูชั่นเชิงนวัตกรรมและเชื่อถือได้โดยได้สร้างประโยชน์ที่โดดเด่นให้กับ ศูนย์ข้อมูลบางแห่งที่มีความซับซ้อนที่สุดในโลกมาแล้ว บริษัท ฮิตาชิ อยู่ในธุรกิจด้านการประมวลผลมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปีในรูปของมรดกสืบทอดด้านเมนเฟรม และผลิตภัณฑ์ Hitachi Compute Blade ได้วางจำหน่ายในตลาดญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2547 กลยุทธ์ด้านการประมวผลของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ คือการนำเอาเอกลักษณะเฉพาะ เบลดประมวลผลของตน มาผสานรวมฟังก์ชันการทำงานเข้ากับโซลูชั่น CDCSได้อย่างเหมาะสม ซึ่งนำเอาความเชื่อมั่นและประสิทธิภาพ ของอุปกรณ์ระดับองค์กรขนาดใหญ่มาใช้ โดยเมื่อผสานรวมเข้ากับระบบจัดเก็บข้อมูลของฮิตาชิแล้ว Hitachi Compute Blade จะสามารถนำเสนอการประมวลผลที่ผลักดันให้เกิดสภาพแวดล้อมCDCS และโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ ได้อย่างสมบูรณ์

บริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ นำเสนออุปกรณ์ประมวลผลพร้อมใช้สำหรับระบบคลาวด์ สองชุดที่มีความโดดเด่น ในการให้ความยืดหยุ่นในการกำหนดค่าของระบบอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับลูกค้า ทั้งนี้ Hitachi Compute Blade 2000 และ Hitachi Compute Blade 320 มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีการแบ่งพาร์ติชันแบบลอจิคัล (LPAR) เป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์ X86 ระดับแนวหน้าขององค์กรใหญ่ ให้ฟังก์ชันการทำงานแบบเมนเฟรม โดยเทคโนโลยี LPAR ของบริษัท ฮิตาชิ ดาต้า ซิสเต็มส์ เป็นคุณสมบัติด้านระบบเสมือนจริงแบบฝังตัวที่ทันสมัย ที่สร้างระบบเสมือนจริงได้ลงบนฮาร์ดแวร์ของเบลดเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากเป็นระบบเสมือนจริงที่ใช้ฮาร์ดแวร์ ทำให้เทคโนโลยี LPAR ให้ความปลอดภัยในระดับที่สูงกว่า ด้วยการแบ่งพาร์ติชันในตัวฮาร์ดแวร์ ที่ยังคงสามารถใช้ร่วมกับเทคโนโลยีระบบเสมือนระดับซอฟต์แวร์ได้ด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนเกิน ขณะที่ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการ ความเชื่อถือได้ และคงประสิทธิภาพ ไปด้วยกัน โดย Hitachi Compute Blade 2000 ที่มี LPAR เป็นเบลดเซิร์ฟเวอร์เดียวที่รวมเอาเทคโนโลยี SMP interconnect แบบเฉพาะที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้นด้วยการทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดค่าเบรดหลายชุด ให้ทำงานร่วมกันในแบบระบบเดียวได้

นี้เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถนำเสนอทางเลือกแบบเปิดสำหรับระบบไอทีเพื่อให้เกิดสิ่งดีที่สุดในสภาพแวดล้อมขององค์กร ทำให้ Hitachi Compute Blade สามารถให้เลือก LPAR ที่ทำงานอยู่ในเบลดหนึ่งเบลดใด ไม่ว่าจะใช้ Microsoft Hyper-V หรือ VMware ให้ขยายการทำงานไปยัง เบลด อื่นๆ ภายใต้ Chassis เดียวกันได้

ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากโซลูชั่น Hitachi CDCS

· ผลของการใช้งาน ที่คาดการณ์ได้ นำมาใช้ซ้ำได้ และเชื่อถือได้: ด้วยสถาปัตกรรมที่สามารถตรวจสอบวัดผลได้ล่วงหน้า โซลูชั่นที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ในระดับองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อที่สามารถกำหนดค่าการใช้งานได้ก่อนแบบมีเป้าหมายและครอบคลุม ทำให้แน่ใจได้ถึงผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้และสอดคล้องกันเมื่อองค์กรสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของตนขึ้นมา ในระบบนี้ยังมีคำแนะนำ แม่แบบเพื่อเรียกใช้ซ้ำ และกระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติในตัวที่สามารถขยายขีดความสามารถด้านการทำกระบวนการและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นซ้ำอีกได้

· ระยะเวลาเร็วขึ้นให้เห็นถึงความคุ้มค่า: การนำไปใช้งานที่ง่ายขึ้น เร็วขึ้น จากสั่งงานจากจุดเดียวและการจัดสรรบริการ สำหรับวางแผนและการนำไปใช้จริง สำหรับโซลูชั่นแบบผสานรวมนี้ การกำหนดค่าล่วงหน้าคือกุญแจสำคัญในการช่วยลดเวลาในการนำไปใช้งานได้อย่างมาก กระบวนการทำงานอันชาญฉลาดแบบอัตโนมัติสำหรับขั้นตอนงานที่ซับซ้อน จะช่วยให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรได้อย่างรวดเร็วภายใต้การรับประกันที่วางใจได้ว่าส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจะได้รับการจัดวางและนำไปใช้อย่างเหมาะสม

· ระบบคลาวด์ในแบบของคุณเอง: ลูกค้าสามารถปรับใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ของตนได้ ณ. ขณะนี้ ด้วยการรวมโซลูชั่นที่แตกต่างกันและแม้แต่ขยายโซลูชั่นเข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานไอทีปัจจุบัน โดยโซลูชั่นที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมนี้ ใช้ได้กับงานทั่วไป งานที่มีความสำคัญทางธุรกิจ และ แอพพลิเคชั่นเฉพาะ ตลอดจนสภาพแวดล้อมไฮเปอร์ไวเซอร์ที่มีระดับ ของความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ซึ่งครอบคลุม ตั้งแต่ รูปแบบที่กำหนดเฉพาะไปจนถึงรูปแบบผสมผสานที่ครอบคลุมระบบอื่นๆกว้างขึ้น

View :1723

สนุกดอทคอม ส่งสนุก! เพลย์ทาวน์ สร้างโซเชียลแพลตฟอร์ม สัญชาติไทย ตั้งเป้าผู้นำโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

August 18th, 2011 No comments

สนุกดอทคอม เว็บไซต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย จับกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก หวังสร้างชุมชนแห่งใหม่บนโลกออนไลน์

บริษัท สนุก ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์สนุกดอทคอม เดินหน้าสานต่อความเป็นผู้นำในโลกออนไลน์ มุ่งโซเชียลเน็ตเวิร์กมากขึ้น เน้นพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นแพลตฟอร์มแบบเปิด ตอบสนองพฤติกรรมกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในปัจจุบัน พร้อมเปิดตัว “สนุก! เพลย์ทาวน์” โซเชียลเน็ตเวิร์กแพลตฟอร์มใหม่ รายแรกของประเทศไทย เอาใจคนชอบเล่นเกมส์โซเชียล ชูจุดเด่นเล่นเกมส์ปลอดภัย ด้วยระบบแยกเพื่อนเกมส์-เพื่อนสนิท พร้อมผลักดันอุตสาหกรรมเกมส์โซเชียลฝีมือคนไทยสู่เวทีระดับโลก

นายต่อบุญ พ่วงมหา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สนุกออนไลน์ จำกัด เปิดเผยว่า “สนุกดอทคอม เล็งเห็นถึงการเติบโตของโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก ทางเราในฐานะเว็บไซต์อันดับหนึ่งของประเทศไทย ที่ปัจจุบันให้บริการเว็บพอร์ทัล คอมมูนิตี้ อีคอมเมิร์ซ และบริการด้านมือถือ ได้ทำการพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นแพลตฟอร์มระบบเปิด (Open Platform) เพื่อรองรับการติดต่อสื่อสารแบบโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งตอบสนองต่อความต้องการและพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไทย ในการเชื่อมโยงถึงกันได้หลากหลายเครือข่ายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบเฟซบุ๊คคอนเนค (Facebook Connect) ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ที่ใช้บริการสนุก! ไม่ต้องสร้างอีเมล์ใหม่ให้ยุ่งยาก และยังมีระบบสนุก! เว็บแชท (Sanook! Webchat) ที่ผู้ใช้บริการสามารถคุยข้ามเครือข่ายได้ทุกโปรแกรม อยู่บนหน้าเว็บสนุก! ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค, เอ็มเอสเอ็น, จีทอล์ก และ คิวคิว นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถแบ่งปันเนื้อหาข่าวสารต่างๆ ที่อยู่ในทุกบริการของสนุก! ไปให้เพื่อนๆ ได้ง่ายขึ้นด้วยระบบแชร์คอนเท้นท์ (Share Contents) ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆ อย่างเฟซบุ๊ค, ทวิตเตอร์ หรือ กูเกิ้ลพลัสได้ตามสะดวก

และวันนี้ นับเป็นก้าวย่างสำคัญทางธุรกิจของสนุกดอทคอม ที่ได้ขยายขอบข่ายการให้บริการ ซึ่งพัฒนาด้วยฝีมือคนไทย ในรูปแบบโซเชียลเน็ตเวิร์กใหม่! สำหรับคนรักเกมส์แห่งแรกในประเทศไทย นั่นคือ สนุก! เพลย์ทาวน์”

นายพงส์ระพี ทองศรีนุ่น รองประธานฝ่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กและเกมส์ กล่าวว่า “การเปิดตัว สนุก! เพลย์ทาวน์ ในวันนี้ เราวางเป้าหมายให้เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กแพลตฟอร์ม สำหรับคนที่ชอบเล่นเกมส์โซเชียล หรือเรียกง่ายๆ ว่าเกมส์แนวเฟซบุ๊คนั่นเอง ซึ่งการวางโครงสร้างแพลตฟอร์ม จะคำนึงถึงความพึงพอใจและประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ การพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ จะต้องสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างตรงจุด อาทิเช่น ระบบแยกเพื่อนอัจฉริยะ ที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะให้ใครเป็นเพื่อนสนิท หรือเป็นแค่เพื่อนเล่นเกมส์ด้วยกัน โดยระบบจะแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างเพื่อนเกมส์ กับ เพื่อนสนิทอย่างชัดเจน ไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีระบบเชื่อมต่อข้อมูลอัตโนมัติกับเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์ ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการที่ชอบแชร์ข้อความถึงเพื่อนๆ ที่อยู่ต่างเครือข่ายสังคมออนไลน์ แต่ไม่อยากโพสต์ซ้ำหลายที่ให้ยุ่งยาก แค่เชื่อมต่อข้อมูลอัตโนมัติเพียงครั้งเดียว เมื่อโพสต์ข้อความที่สนุก! เพลย์ทาวน์ ก็จะไปขึ้นที่เฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์ทันที ใช้ง่าย สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น

ในส่วนของเกมส์โซเชียล สนุก! เพลย์ทาวน์ อัดแน่นด้วยเกมส์คุณภาพ ไม่มีพิษภัย เล่นสนุกเข้าใจง่ายไม่ต้องแปล เพราะทุกเกมส์เป็นภาษาไทย มีให้เลือกเล่นหลากหลายแนว ประกอบด้วย เกมส์ฟาร์มเกษตรสุขสันต์ (Farm World 2) เกมส์ทำฟาร์มที่มีสารพัดสิ่งให้เล่น ไม่ใช่แค่ปลูกผัก, เกมส์แอร์พอร์ท สนามบินหรรษา (Airport) เกมส์บริหารสายการบินรูปแบบใหม่ ไม่ซ้ำใคร, เกมส์เทรนเวิลด์ เมืองรถไฟมหาสนุก (Train World) เกมส์สไตล์คาวบอยตะวันตก ใช้รถไฟสร้างกำไรให้พอกพูน และ เกมส์แอนิมอล บลิทซ์ (Animal Blitz) เป็นเกมส์แนวเรียงเพชรที่ให้จับคู่สัตว์ป่าน่ารัก มีทั้งเวอร์ชั่นบนสนุก! เพลย์ทาวน์ และ เฟซบุ๊ค เป็นเกมส์ฝีมือคนไทยที่สามารถพัฒนาระบบเกมส์ให้เป็นโซเชียลกราฟ (Social Graph) ถือเป็นเกมส์แรกในโลกที่สามารถรวมเพื่อนต่างเครือข่ายสังคมออนไลน์ไว้ด้วยกัน

นอกจากนี้ สนุก! เพลย์ทาวน์ ยังเปิดรับและสนับสนุนซอฟแวร์เกมส์แอนิเมชั่นของไทย ให้ใช้ที่นี่เป็นช่องทางในการโปรโมทตัวเกมส์ให้เป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้น อีกทั้งผู้ใช้บริการที่ชอบลองเล่นเกมส์ใหม่ๆ ก็จะได้มีโอกาสร่วมทดสอบเกมส์ไปด้วยกัน เป็นการผลักดันผู้สร้างซอฟต์แวร์เกมส์แอนิเมชั่น ให้เกิดการพัฒนาไปในทิศทางที่ตรงใจผู้ใช้บริการชาวไทย และมีโอกาสเติบโตสู่เวทีระดับโลกอีกด้วย

เป้าหมายในอนาคตของ สนุก! เพลย์ทาวน์ จะมีการพัฒนาให้เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กแพลตฟอร์มที่รวมความบันเทิงครบวงจร โดยเพิ่มแอพลิเคชั่นที่สามารถปลั๊กอินคอนเท้นท์ยอดนิยมต่างๆ จากทุกบริการของสนุกดอทคอม ไม่ว่าจะเป็น ข่าวเด่น ข่าวดารา ดูดวง ฟังเพลง คลิปวิดีโอ ฯลฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น

View :1403

ก.ไอซีที ระดมความคิดเห็นภาครัฐ – เอกชนร่วมรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ

August 18th, 2011 No comments

นายวรพัฒน์  ทิวถนอม รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังร่วมเป็นประธานเปิด      การสัมมนาวิชาการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ว่า ปัจจุบันการพัฒนาด้านเทคโนโลยีได้นำโลกไปสู่ยุคไซเบอร์ที่มีการใช้ทั้งคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต เช่น การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การใช้ระบบควบคุมบังคับบัญชา เป็นกุญแจสำคัญต่อการพัฒนาขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของชาติ ดังนั้น ภัยคุกคามในไซเบอร์ที่เกิดจากผู้ไม่ประสงค์ดีที่มีขีดความสามารถในการใช้จุดอ่อนหรือช่องโหว่ของไซเบอร์ เข้ามาทำลายหรือรบกวนขัดขวางการทำงานของภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของชาติที่ใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงาน ถือเป็นภัยคุกคามที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของชาติ ซึ่งภัยคุกคามเหล่านี้อาจมาจากทั้งระดับบุคคล องค์กร ระบบบริหารงานที่ไม่ได้มาตรฐาน กลุ่มอาชญากรรม หรือเครือข่ายก่อการร้าย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องสร้างความตระหนักให้กับทุกภาคส่วนถึงภัยคุกคามในไซเบอร์ที่เกิดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือ

“ประเทศไทยต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ด้วยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และมิตรประเทศ รวมถึงต้องสร้างความพร้อมของบุคลากร เครื่องมือ และกระบวนการทำงานในการรับมือการโจมตีในไซเบอร์ด้วยการปกป้องคุ้มครองและการเก็บรักษาข้อมูล การปกป้องเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยจะต้องมีการจัดทำแผนและทรัพยากรต่างๆ ไว้ให้พร้อม ดังนั้น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จึงได้ร่วมกับกระทรวงกลาโหม จัดการสัมมนาวิชาการด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ () ขึ้น” นายวรพัฒน์ กล่าว

การสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวกับภัยคุกคามที่มาจากไซเบอร์ ด้วยการระดมบุคลากรด้าน      ไซเบอร์มาร่วมกันวางแผนปฏิบัติการป้องกันภัยคุกคามที่มาจากไซเบอร์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการป้องกันภัยคุกคามที่มาจากไซเบอร์ ตลอดจนเป็นการสร้างความร่วมมือในการพัฒนาความรู้ และเทคโนโลยีการป้องกันภัยคุกคามที่มาจากไซเบอร์ รวมถึงการวิจัยทางด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์

“การสัมมนาฯ ครั้งนี้ จึงเป็นงานครั้งสำคัญของประเทศไทยที่ได้ระดมผู้บริหาร ผู้ดูแลระบบ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสายงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์จากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน มาร่วมการสัมมนาฯ อย่างพร้อมเพรียงกว่า 250 คน ซึ่งจะก่อให้เกิดเป็นเครือข่ายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทย ที่ส่งผลให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของชาติในที่สุด” นายวรพัฒน์ กล่าว

View :1362

เดลล์ เปิดตัว Dell Office Connect โซลูชันครบทุกความต้องการเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี

August 17th, 2011 No comments


เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว โซลูชันใหม่ที่จะเข้ามาช่วยให้องค์กรกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้จากเดลล์เพียงจุดเดียว โซลูชัน เป็นชุดแพ็คเกจระบบไอทีพร้อมใช้งาน ที่เป็นมาตรฐานครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ ครอบคลุมการบริการด้านการให้คำปรึกษา ติดตั้งระบบและบริการหลังการขาย

นายเอกราช ปัญจวีณิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชัน(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“ทุกวันนี้ลูกค้ามีความตื่นตัวมากขึ้น และรู้ว่าอะไรคือโซลูชั่นที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจที่ดีที่สุด สิ่งที่องค์กรธุรกิจเอสเอ็มอีมองหาก็คือระบบไอทีที่มีความยืดหยุ่น และความคุ้มค่าสูงสุด แต่มีความซับซ้อนน้อยที่สุด เดลล์พยายามทำให้ระบบไอทีกลายเป็นเรื่องง่ายเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถมุ่งเน้นไปที่การทำธุรกิจและสร้างกำไร”

โซลูชัน Dell Office Connect ครอบคลุมบริการและผลิตภัณฑ์ใน 4 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย

1. Client&Mobility: ประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊คตระกูลวอสโทร และละติจูด โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต และเครื่องบันทึกการขาย (POS : Point Of Sale) รวมถึง Microsoft Dynamic สำหรับการใช้งานระบบ ERP

2. Efficient Office: ประกอบไปด้วยเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ตามที่ได้เลือกเอาไว้เพื่อที่ เอสเอ็มอี จะสามารถนำไปใช้งานได้ทันที พร้อมด้วยระบบ ERP ที่พร้อมใช้งานได้ทันที

3. One Stop Service: บริการด้านต่างๆ รวมถึงบริการคลาวด์สาธารณะในการให้บริการการจัดการอีเมล บริการให้คำปรึกษาและบริการหลังการขาย Dell ProSupport ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการสนทนาผ่านระบบแชทและคอลล์เซ็นเตอร์

4. Smart Office: ผลิตภัณฑ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น เครื่องฉายภาพ LCD, เครื่องพิมพ์เลเซอร์ และจอมอนิเตอร์

นายเอกราช ยังกล่าวเสริมว่า “การประกาศครั้งนี้ถือเป็นการตอกย้ำภาพของการเปลี่ยนเดลล์ไปสู่บริษัทที่นำเสนอบริการและโซลูชันและเรายังคงให้สัญญาว่าจะนำเสนอโซลูชันที่ครบวงจรบนระบบเปิด ใช้งานได้จริง และในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้ผลประกอบการที่ดีที่สุด”

ราคาและการวางตลาด

Dell Office Connect พร้อมวางตลาดแล้ววันนี้ พร้อมกันนี้ เดลล์นำเสนอบริการด้านต่างๆ และข้อเสนอราคาพิเศษตั้งแต่วันนี้ – ถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้

แพ็คเกจเอ : ชุดรวมคุ้มค่าแก่การลงทุนชุดเดียวที่ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีบริหารจัดการรวมศูนย์ทั้งระบบฮาร์ดแวร์และระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) ที่ดีที่สุด โดยมาพร้อมกับฐานข้อมูลพร้อมใช้งานได้ทันที ประกอบด้วย แบ็คเอนด์เซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge R410 จำนวน 2 เครื่อง สำหรับรันงาน Dynamic และ AD และเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge R510 สำหรับรันงาน SQL เครื่องเดสก์ท็อป Dell Optiplex 380 จำนวน 5 เครื่อง และระบบ Microsoft Dynamics AX: Business Essential Edition ราคาโปรโมชั่น ราคา 1,436,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

แพ็คเกจบี: โชลูชันจุดบริการสำหรับธุรกิจค้าปลีก ประกอบด้วยเครื่องเดสก์ท็อป Dell Optiplex 1 เครื่อง อุปกรณ์ต่อพ่วงระบบ POS และ Microsoft Dynamic Retail Management Software พร้อมรับประกัน 3 ปีราคาโปรโมชั่น 188,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
พร้อมกันนี้ เดลล์นำเสนอผลิตภัณฑ์ราคาพิเศษสำหรับกลุ่มเอสเอ็มอี เช่น เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge R210 ราคา 27,000 บาท โน้ตบุ๊ค Dell Vostro 1450 ราคา 17,550 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ถ้าซื้อแพ็คเกจเอ หรือแพ็คเกจบี มีสิทธิเลือกซื้อพรินเตอร์ได้ในราคาพิเศษ

View :1480

มีเดีย อินฟินีตี้ เอาใจแฟนพันธุ์แท้ตระกูลมือถืออาม่า พร้อมส่ง “อาม่าพลัส ลิมิเต็ด อิดิชั่น”(R’Ma Plus Limited Edition) ลงตลาด

August 17th, 2011 No comments


หลังจากได้รับกระแสตอบรับแรงเกินคาดกับมือถือ “ซุปเปอร์อาม่า มัมอิดิชั่น” () จึงทำให้มีกระแสเรียกร้องที่อยากจะให้มีอาม่าพลัสจอขาวดำมีรุ่นกล่องดอกมะลิออกมาบ้าง ล่าสุด บริษัท มีเดีย อินฟินีตี้ จำกัด กระตุ้นตลาดมือถือเฮ้าส์แบรนด์ พร้อมเอาใจลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ตระกูลมือถืออาม่าอีกครั้ง ด้วยการส่ง “อาม่าพลัส ลิมิเต็ด อิดิชั่น”(R’Ma Plus Limited Edition) ลงตลาดปิดท้ายปลายเดือนสิงหาคม ด้วยหน้าจอขาวดำ ปุ่มกดใหญ่ ใช้งานง่าย รองรับ 2 ซิม วิทยุ FM Radio แฮนด์ฟรีในตัว และรองรับทุกฟังก์ชั่นพื้นฐานและที่สำคัญฟังก์ชั่นตัวแทนความห่วงใย S.O.S. อีกทั้งความพิเศษที่มาพร้อมกับคีย์แพดสีฟ้าสดใสสไตล์ โลลิป๊อป (lollipop) พร้อมกล่องสุดหรูลายดอกมะลิ เหมาะสำหรับเป็นของฝากของขวัญให้ผู้สูงอายุหรือคุณพ่อคุณแม่

“อาม่าพลัส ลิมิเต็ด อิดิชั่น”(R’Ma Plus Limited Edition) วางจำหน่ายแล้วในราคาเพียง 1,490 บาท โดยผู้สนใจสามารถหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือมีเดีย อินฟินีตี้ ได้แก่ แมคโคร, และดีแทคช็อป ทุกสาขา โดยผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ โทร : 02-374-7733 หรือ www.media-infinity.com , www.infinity-phone.com

View :3770

แคนนอนเปิดตัว Cloud Connect โซลูชั่นบริการคลาวด์ คอมพิวติ้ง

August 17th, 2011 No comments

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) ผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับธุรกิจ SME และองค์กรขนาดใหญ่ของประเทศไทย ต่อยอดความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศเปิดตัวบริการ Cloud Connect การบริหารจัดการระบบคลาวด์ คอมพิวติ้ง ดีที่สุดสำหรับลูกค้าองค์กรที่มาพร้อมโซลูชั่นเชื่อมต่อระหว่างเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่น imageRUNNER ADVANCE และบริการคลาวด์เพื่อการสแกนและจัดส่งเอกสาร พร้อมสั่งพิมพ์จากแอพพลิเคชั่นได้โดยตรง ตอบโจทย์งานพิมพ์ระดับองค์กร ด้วยข้อดีช่วยลดต้นทุนด้านไอที ใช้ง่ายงานสะดวกสบาย และประหยัดเวลาในการทำงาน

ร้อยเอกสุนทร ปัณฑรมงคล ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานบิสซิเนส อิมเมจจิ้ง โซลูชั่น กรุ๊ป บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่าท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันในตลาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การบริหารจัดการงานภายในองค์กรเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ ซึ่งการรู้จักพัฒนาระบบการบริหาร การคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เพื่อลดขั้นตอนแต่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจะช่วยลดต้นทุนของบริษัทและเป็นวิธีที่ชาญฉลาดที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานให้องค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“คลาวด์ คอมพิวติ้ง เป็นเทคโนโลยีที่เอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากระบบสารสนเทศผ่านเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นบริการสาธารณูปโภคที่ผู้ใช้บริการไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของแต่สามารถใช้บริการได้ตามความต้องกาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถสั่งพิมพ์งานได้จากทุกอุปกรณ์การพิมพ์ที่รองรับบริการดังกล่าวได้โดยไม่ต้องผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ จากปกติที่จะพิมพ์เอกสารสักชิ้นจะต้องเริ่มจากการดาวน์โหลดหรือเปิดเอกสารนั้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการลงไดรฟ์เวอร์ของเครื่องพิมพ์ติดตั้งอยู่ จากนั้นผู้ใช้จึงจะส่งคำสั่งพิมพ์ไปยังเครื่องพิมพ์ได้ แต่ด้วยแนวคิดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับบริการคลาวด์ รวมไปถึงซอฟท์แวร์เอกสิทธ์เฉพาะของแคนนอนที่เรียกว่า Cloud Connect จึงสามารถลดทอนขั้นตอนที่ยุ่งยากและนำประโยชน์ของบริการคลาวด์มาต่อยอดและประยุกต์ใช้ในเชิงธุรกิจให้ง่ายและประหยัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการลงทุนมากมายด้านไอที โดยสามารถเลือกเสียค่าใช้จ่ายให้ตรงกับความต้องการ หรือเพิ่มความอุ่นใจในด้านความปลอดภัยของระบบไอที และที่สำคัญยังช่วยประหยัดพลังงานตามแนวคิด Green Technology ของแคนนอน ที่มุ่งรณรงค์ให้ใช้ทรัพยากรอย่างสมเหตุสมผลและตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม”

โดยในส่วนของแคนนอนเองได้ริเริ่มบริการคลาวด์ Cloud Connect ซึ่งประกอบไปด้วย บริการ Therefore Online, Maintenance Cloud และบริการ eCopy Online ที่สามารถทำงานร่วมกับเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่นของแคนนอนและบริการคลาวด์อื่นๆ ดังต่อไปนี้

Therefore Online เป็นโซลูชั่นจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อประสานงาน ที่สามารถเชื่อมต่อระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) หรือระบบการบริหารเพื่อวางแผนและจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั่วทั้งบริษัท, ระบบเก็บข้อมูล ระบบจัดการไฟล์ข้อมูล และเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่น ซึ่งบริการ Therefore Online จะทำหน้าที่เป็นเซิร์ฟเวอร์หลักของระบบ Therefore บนอินเตอร์เน็ต โดยที่องค์กรไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Therefore Server Client ในองค์กรแต่อย่างใด

แอพพลิเคชั่นอีกตัวที่โดดเด่นคือ Maintenance Cloud หรือระบบคลาวด์เพื่อการบำรุงรักษาและให้บริการหลังการขาย ช่วยให้เครื่องมัลติฟังก์ชั่นจากทั่วโลกเชื่อมโยง และส่งข้อมูลการทำงานของเครื่องมายังระบบผ่านอินเตอร์เน็ต เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการหลังการขายของแคนนอน ให้บริการรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยลดภาระในการดูแลระบบ การตรวจสอบความผิดปกติของเครื่องได้อย่างแม่นยำและช่วยลดต้นทุนการดูแลรักษาเครื่องของลูกค้าให้ต่ำลง

ในขณะที่บริการ eCopy Online เป็นบริการเชื่อมต่อเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชั่น imageRUNNER ADVANCE เข้ากับบริการคลาวด์ยอดนิยมต่างๆ ได้อย่างลงตัว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกนเอกสารขึ้นไปเก็บไว้บนคลาวด์หรือสั่งพิมพ์จากแอพพลิเคชั่นบนคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริการดังกล่าวปัจจุบันให้บริการแล้วที่แคนนอนสิงคโปร์ ส่วนประเทศไทยจะสามารถใช้บริการได้ในอนาคต

นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นๆ อาทิ Scan to Cloud บริการที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสแกนเอกสารแล้วส่งไปเก็บไว้ยังระบบคลาวด์ของบริการ GoogleDocs หรือ MS SharePoint Online ได้โดยตรงจากหน้าจอของเครื่อง imageRUNNER ADVANCE และในขณะเดียวกันผู้ใช้ก็สามารถเข้าถึงและสั่งพิมพ์เอกสารต่างๆ ที่อยู่ในระบบคลาวด์ ได้โดยตรงจากหน้าจอเครื่อง imageRUNNER ADVANCE ผ่านบริการ Print from Cloud ได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.canon.co.th ที่เบอร์ 0-2344-9999

View :7786

ไทยพาณิชย์ ร่วมกับ การไฟฟ้านครหลวง นำร่องเสริมศักยภาพด้านช่องทางการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์

August 17th, 2011 No comments

ธนาคารไทยพาณิชย์ มุ่งมั่นในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมในการให้บริการด้านการเงินต่างๆ กับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดบริการ ชำระค่าไฟฟ้าออนไลน์ ด้วย ผ่านเว็บไซต์ นับเป็นบริการสาธารณะที่นำเอานวัตกรรมด้านระบบความปลอดภัยของธนาคารมาสร้างความมั่นใจและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในการชำระเงินได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถทราบผลทันที (Real Time)

นางพรรณแข นันทวิสัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สาย Global Transaction Services กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ธนาคารให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการด้านบริการทางการเงินแก่หน่วยงานภาครัฐมากขึ้น มุ่งคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์และการให้บริการอย่างต่อเนื่องโดยบริการใหม่นี้ ธนาคารได้รับความไว้วางใจจากทาง กฟน.ให้เป็นผู้ให้บริการชำระเงินค่าไฟฟ้าออนไลน์ผ่าน SCB Payment Gateway เป็นธนาคารแรก ทั้งนี้ด้วยประสิทธิภาพของระบบงานธนาคารที่ปลอดภัย อีกทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถชำระเงินออนไลน์ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว เนื่องจากเป็นระบบ Online Real Time ที่ทำให้ทราบข้อมูลการชำระเงินแบบทันทีสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าอีกด้วย

นายฐานิสต์ เจนถนอมม้า รองผู้ว่าการธุรกิจ กล่าวถึงการเปิดให้บริการในครั้งนี้ว่า “MEA e-Service เป็นบริการใหม่ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า ไม่ต้องเสียเวลากับการเดินทางในการชำระเงินค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือน โดยผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถสอบถามยอดค่าไฟฟ้าแบบออนไลน์และชำระค่าไฟฟ้าผ่านเว็บไซต์ของ กฟน.ได้ด้วยตนเอง ซึ่งไทยพาณิชย์เป็นธนาคารแรกที่ร่วมพัฒนาระบบการให้บริการชำระเงินค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ให้สามารถชำระเงินผ่านระบบนี้ได้อย่างปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น พร้อมกันนี้ผู้ใช้ไฟฟ้ายังสามารถขอรับบริการเสริมการแจ้งใบแจ้งค่าไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ทาง e-mail และบริการแจ้งยอดค่าไฟฟ้าทาง SMS เมื่อมียอดค่าไฟฟ้าเกิดขึ้น นอกเหนือจากการได้รับใบแจ้งค่าไฟฟ้าปกติ ซึ่ง กฟน. คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบริการใหม่นี้จะสามารถสร้างความพึงพอใจและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี”

บริการชำระค่าไฟฟ้าออนไลน์ผ่าน SCB Payment Gateway เปิดให้บริการชำระค่าไฟฟ้ากับผู้ใช้ไฟฟ้า ที่มีบัญชีออมทรัพย์ หรือ บัญชีกระแสรายวันของไทยพาณิชย์ สามารถลงทะเบียนขอใช้บริการนี้ได้ทางเว็บไซต์ www.mea.or.th โดยกรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน และเลือกชำระผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ นอกจากนี้ยังสามารถขอรับบริการเสริมแจ้งใบแจ้งค่าไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ทาง e-mail และบริการแจ้งยอดค่าไฟฟ้าทาง SMS เมื่อมียอดค่าไฟฟ้าเกิดขึ้น นอกเหนือจากการได้รับใบแจ้งค่าไฟฟ้าตามปกติ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถชำระค่าไฟฟ้าได้อย่างสะดวก ทุกที่ ทุกเวลา และมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย พร้อมให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ SCB Call Center 02-777-7777 และ MEA Call Center 1130 ตลอด 24 ชั่วโมง

View :1697

ริม ประกาศจัดประชุม BlackBerry DevCon ในภูมิภาคเอเชียที่กรุงเทพฯ ปลายปีนี้

August 16th, 2011 No comments

รีเสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม (Research In Motion – ) (NASDAQ: RIMM; TSX: ) ประกาศการกลับมาอีกครั้งของการประชุม BlackBerry® DevCon Asia เพื่อนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2554 ณ เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพ ประเทศไทย
 
การประชุม จะมีการรวบรวมหัวข้อการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจำนวนมาก รวมทั้งกิจกรรมสัมมนา และการอบรมเชิงปฏิบัติการอีกมากมาย เพื่อแสดงและสาธิตเครื่องมืออันหลากลาย ที่จะช่วยนักพัฒนาในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่น ทั้งนี้ กำหนดการต่างๆ ไม่ได้เจาะจงไปที่การอบรมเชิงเทคนิคเพื่อสร้างแอพพลิเคชั่นสำหรับแบล็กเบอร์รี่® สมาร์ทโฟน และแบล็กเบอร์รี่ ® เพลย์บุ๊ค™ เท่านั้น แต่ผู้เข้าร่วมประชุมยังสามารถขอคำปรึกษาและรับฟังข้อมูลจากนักพัฒนาท่านอื่นๆ เกี่ยวกับวิธีการสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ให้ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์บนแพลตฟอร์มของแบล็กเบอร์รี่
 
ผู้เข้าประชุม BlackBerry DevCon Asia จะมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมสัมมนามากมาย ซึ่งจะครอบคลุมหัวข้อ ดังนี้:
·       แพล็ตฟอร์ม BlackBerry® Messenger (BBM™) Social
·       Adobe® Flash® และ Adobe AIR®
·       ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ BlackBerry® Java SDK 6.0
·       ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการบริการ (ประกอบด้วย บริการด้านการชำระเงิน, บริการด้านการโฆษณา, บริการระบบดันข้อมูลแสดงผ่านหน้าจอของแบล็กเบอร์รี่ และอื่นๆ อีกมากมาย)
·       ความสำเร็จในเชิงธุรกิจและกรณีศึกษา (การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่น กลยุทธ์การค้าแบบ B2C – จากธุรกิจสู่ผู้บริโภค หรือกรณีศึกษาจากการปฏิบัติการภายธุรกิจ)
·       เครื่องมือพัฒนาและแพล็ตฟอร์มอื่นๆ อีกมากมาย
·       เครื่องมือพัฒนา BlackBerry Native C/C++
·       เครื่องมือพัฒนาแอพพลิเคชั่น BlackBerry® WebWorks™
·       เครื่องมือพัฒนาบนเว็บ BlackBerry Web Development
·       มัลติมีเดีย
 
การประชุม BlackBerry DevCon เป็นการประชุมซึ่งจัดขึ้นสำหรับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มีความคุ้นเคยและมีประสบการณ์การพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนแพล็ตฟอร์มแบล็กเบอร์รี่ รวมทั้งนักพัฒนาทั่วไปที่เริ่มสนใจการสร้างสรรค์ผลงานบนแพล็ตฟอร์มแบล็กเบอร์รี่
 
การประชุม BlackBerry DevCon Asia จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2554 ผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ http://www.blackberrydevcon.com/asia โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนภายในไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้านี้

View :1401