Archive

Archive for March, 2011

16 องค์กรสื่อและประชาสังคม เปิดตัวคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน

March 30th, 2011 No comments

ผู้บริโภคผนึกกำลังนักวิชาการ เปิดตัวคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความตื่นตัว รู้เท่าทันสื่อ และร่วมรณรงค์ให้มีการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการผลิตสื่อที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม

วันนี้ (29 มีนาคม 2554) ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค(อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) นางสุวรรณา จิตประภัสสร์ กรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้แถลงข่าวเปิดตัว การจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน เพื่อให้เป็นกระจกสะท้อนถึงสื่อและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความตระหนักในสิทธิของผู้บริโภคอย่างจริงจัง และเพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการนำเสนอข่าวสารที่เป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนในฐานะผู้บริโภคสื่อ
โดยนางสุวรรณา ได้เปิดเผยว่าคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน ประกอบด้วยตัวแทนจากหลายภาคส่วนของสังคม รวม 16 องค์กร ประกอบด้วย เครือข่ายประชาสังคมด้านเด็กและเยาวชน เครือข่ายด้านสตรี เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภค นักวิชาการ และสภาวิชาชีพด้านสื่อ 4 องค์กร
นางสุวรรณา กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชนขึ้น เนื่องจาก ปัจจุบันผู้บริโภคยังประสบปัญหา การละเมิดสิทธิที่ได้รับข้อมูลข่าวสารจากการโฆษณาสินค้าหรือบริการต่างๆที่ไม่เป็นจริง ไม่ครบถ้วนนำไปสู่การซื้อ-ใช้สินค้าหรือบริการที่ไม่เหมาะสม สิ้นเปลืองเงินทอง เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการนำเสนอข่าวอาชญากรรม ปัญหาการละเมิดสิทธิสตรี สิทธิเด็กและเยาวชน จากการนำเสนอเนื้อหาละครข่าวสารด้วยความรุนแรง หยาบคาย ลามก นอกจากนี้ ยังมีการโฆษณาแฝงในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะบทความเชิงโฆษณาที่ครอบงำความคิดประชาชน
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้บริโภคสื่อเอง ยังขาดความรู้ ความเข้าใจในการทำงานของสื่อที่ถูกต้องเหมาะสมตามกรอบของจริยธรรม จรรยาบรรณ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขาดความตื่นตัวในการปกป้องสิทธิของตนเอง จึงทำให้ถูกละเมิดสิทธิจากสื่อทั้งโดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
ดังนั้นจึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชนขึ้น ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ และที่กรรมการพิจารณาเห็นว่าเป็นผลกระทบต่อสังคมโดยรวม ตรวจสอบติดตามการทำงานของสื่อ ร้องเตือนประชาชนเมื่อมีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ไม่เหมาะสม พร้อมกับสะท้อนความคิดหรือข้อร้องเรียนของประชาชนกลับไปยังสื่อและสภาวิชาชีพด้านสื่อ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขการผลิตสื่อให้มีทิศทางที่เกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม
“กลไกการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน จะทำหน้าที่สนับสนุนส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีความตื่นตัว รู้เท่าทันสื่อ และร่วมรณรงค์ให้มีการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการผลิตสื่อที่เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง ทั้งนี้ กลไกการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชนในระดับพื้นที่นำร่อง ประกอบไปด้วยเครือข่ายผู้บริโภครวม 11 จังหวัดในพื้นที่ 5 ภาค คือ นอกจากกรุงเทพมหานครแล้ว ยังประกอบด้วย ภาคเหนือ ได้แก่ ลำปาง เชียงราย , ภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ตรัง , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด , ภาคกลางและตะวันออก ได้แก่ สระบุรี ตราด และ ภาคตะวันตก ได้แก่ กาญจนบุรี ราชบุรี การดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อในรูปของพลังประชาชนเช่นนี้ นับเป็นทางออกที่สำคัญซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็น เหยื่อ หรือได้รับผลกระทบจากการนำเสนอเนื้อหาสาระของสื่อในด้านที่มีพิษภัยได้ง่ายเกินไป” นางสุวรรณา กล่าว

นางสุมณฑา ปลื้มสูงเนิน เครือข่ายเยาวชนเพื่อการพัฒนนา กล่าวว่าเด็กถือเป็นผู้บริโภคสื่อที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะทีวี อินเทอร์เน็ต เคยสำรวจการดูโทรทัศน์ของเด็กในช่วงวัดหยุดในช่วงปิดเทอมและวันเสาร์อาทิตย์ พบว่าเด็กดูทีวีถึง 15 – 17 ชั่วโมง
“จะเห็นว่าเด็กใช้เวลาอยู่หน้าจอโดยไม่ทำอะไรเลย ทั้งทานข้าว ทำการบ้านหน้าทีวี ซึ่งเราก็พบว่าสื่อที่ส่งออกมามีความรุนแรงต่อเรื่องเพศ ซึ่งเด็กได้รับโดยตรง ในเด็กเล็กเราพบกว่าอิทธิพลของโฆษณามีผลต่อการใช้จ่ายของเด็ก เพราะจะซื้อขนมจากการดูโฆษณานั่นเอง และที่ผ่านมาไม่มีช่องทางการสื่อสารให้ผู้ประกอบการได้ทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อมีคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชนก็น่าจะเป็นกลไกที่จะเป็นช่องทางให้มีการสื่อสารกันมากขึ้น”
นางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สสส..กล่าวถึงการล่วงมะเมิดทางเพศที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมแต่ต้องรตกเป็นข่าวนั้นยิ่งเป็นการซ้ำเติม ผู้หญิงจึงเลือกที่จะเก็บเรื่องไว้ ผู้กระทำความผิดจึงไม่ได้รับการลงโทษ สื่อน่าจะทำความเข้าใจในการเสนอข่าวด้วยเพราะจะกลายเป็นว่านอกจะถูกละเมิดไปครั้งหนึ่งแล้วกลับต้องถูกละเมิดซ้ำเมื่อมีการเสนอข่าว
“มันเป็นกระทบเหมือนน้ำซึ่งกระทบทั้งตัวเอง ญาติ ที่ทำงานอยากให้สื่อมวลชนได้รับรู้ผลกระทบตรงนี้ด้วย การมี ก็น่าจะเป็นอีกเสียงที่ช่วยต่อสู้เรื่องนี้ ที่จะพูดคุยกับสื่อและสะท้อนต่อสาธารณะว่าเมื่อมีการนำเสนอข่าวโดยไม่ได้สนใจผลกระทบต่อบุคคลอย่างไร การที่เด็กหรือผู้หญิงถูกละเมิดแล้วออกมาเรียกร้องความยุติธรรมสื่ออาจะทำเพื่อเตือนสังคมว่าในสถานที่นั้นมีเหตุอาชญากรรมให้ระวัง ไม่ควรจะสนใจรายละเอียดของเหตุการณ์แล้วนำไปขยายความต่อ จะเป็นการขยายบาดแผลของผู้เสียหายมากกว่า” นางสาวณัฐยากล่าว
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ รองประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ กล่าวว่ากลไกการับเรื่องร้องเรียนผู้บริโภคด้านสื่อนั้นมีความสำคัญ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีกลไกตัวนี้ ถึงแม้จะมีการพยายามทำมาแต่ก็ยังไม่แน่ชัด ซึ่งต้องทำหน้าที่เชื่อมระหว่างผู้บริโภคกับสื่อมวลชน ถึงมีจะมีองค์กรวิชาชีพทำอยู่บ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ชัด
“มีแนวคิดว่าจะให้รัฐเข้ามาจัดการ เข้ามาลงดาบสื่อ ให้สื่อมีการปรับตัวแต่ถ้าไม่ระวังให้ดีก็อาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองได้ สิ่งที่น่าจะกำกับสื่อได้มากกว่าก็คือพลังพลเมืองกับพลังผู้บริโภค แม้จะมีการรวมตัวกันไม่มากแต่มีการกระตุ้นสื่ออย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันมีใหม่ๆ อย่างสื่ออินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย ก็น่าจะช่วยสร้างพลังให้เสียงเหล่านี้ และผลักดันให้สื่อมีการปรับตัวได้ และการมีคณะกรรมการจากหลากหลายหน่วยงานก็จะสร้างเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลายและหาทางออกได้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการละเมิดทางเพศ การเมือง ในระยะยาวก็น่าจะเป็นเวทีให้ทุกฝ่ายได้มาหาจุดร่วม เพื่อหากติกาในการอยู่ร่วมกันได้”
นายธาม เชื้อสถาปนศิริ ผู้จัดการกลุ่มงานวิชาการ มีเดียมอนิเตอร์กล่าวถึงผลการศึกษาผลต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อการถูกเสนอข่าวล่วงละเมิดทางเพศว่า ผู้ถูกเสนอข่าวได้รับผลกระทบมากในการดำรงชีวิตประจำวัน เหมือนเป็นการซ้ำเติมโศกนาฏกรรมชีวิตอย่างมาก ผู้อ่านหรือผู้ดูเองเมื่อถูกนำเสนอข่าวนี้ก็รู้สึกเหมือนถูกละเมิดไปด้วย
“สะท้อนให้เห็นว่าผู้นำเสนอข่าวไม่ว่าจะสื่อโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ ยังมีทัศนะคติเดิมที่ต้องนำเสนอให้เห็นภาพ ให้เห็นเหยื่อ ให้เห็นฉากโศกนาฏกรรมที่ชัดเจน นี่คือลักษณะการทำงานวิชาชีพ ซึ่งการวิจัยชิ้นนี้สะท้อนว่าเป็นการทำงานที่ไม่เหมาะเพราะไม่ได้คำนึงถึงสิทธิของมนุษย์เลย”นายธามกล่าว
นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงโฆษณาแฝงในทีวีว่ามีมากทั้งปริมาณและรูปแบบ และมีการโฆษณาในรายการเด็กมากขึ้น และในรายการข่าว ในหนังสือพิมพ์เองก็มีการโฆษณามากขึ้นเช่นการเขียนบทความขึ้นมา หรือการให้ข้อมูลสินค้าทางการแพทย์ ภายใต้ความหลากหลายของรูปแบบโฆษณาเหล่านี้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน ก็น่าจะมีส่วนช่วยให้ประชาชนได้เท่าทันสื่อโฆษณาเหล่านี้มากขึ้น และช่วยให้เรื่องร้องเรียนต่างๆเกี่ยวกับสื่อจะมีการเชื่อมโยงและประสานงานกับหน่วยงานต่างได้มากขึ้น

อนึ่งประชาชนสามารถร่วมเป็นหนึ่งในการจับตาและเฝ้าระวังสื่อโดยส่งข้อมูลมาที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โทรศัพท์ 022483737 โทรสาร 022483733 หรือ “เฟสบุ๊คซอกแซกสื่อ” หรือส่งเรื่องมาที่ http://e-mouth.consumerthai.org

พื้นที่และประเด็นเนื้อหาในการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชนใน 10 จังหวัด
พื้นที่ปฏิบัติงาน ประเด็นการดำเนินงาน ประเภทสื่อ
ภาคเหนือ (ลำปาง / เชียงราย) โฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ วิทยุชุมชน , เคเบิ้ลทีวี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ขอนแก่น / ร้อยเอ็ด) โฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ อินเตอร์เน็ต / สื่อสิ่งพิมพ์
ภาคตะวันออก-ภาคกลาง (ตราด / สระบุรี) โฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ วิทยุชุมชน / เคบิ้ลทีวี และทีวีดาวเทียม
ภาคตะวันตก
- ราชบุรี
- กาญจนบุรี – โฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ
- ความรุนแรงต่อ เด็ก สตรี/ เพศ / การพนัน
- วิทยุชุมชน
- อินเตอร์เน็ต / วิทยุชุมชน
ภาคใต้ (สุราษฎร์ธานี / ตรัง) – ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี / เพศการพนัน สื่อสิ่งพิมพ์ (บันเทิง / กีฬา)
กรุงเทพมหานคร -โฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ
- ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี / เพศการพนัน – ฟรีทีวี

รายนามคณะกรรมการกลไกคุ้มครองผู้บริโภคสื่อภาคประชาชน
ลำดับ ชื่อ-สกุล หน่วยงาน/องค์กร
1. รศ.ดร.วิลาสีนี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
2. ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิสื่อมวลชนศึกษา
ผู้อำนวยการโครงการสื่อมวลชนศึกษา
3. คุณอัญญาอร พานิชพึ่งรัถ ประธานเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ
4. คุณเชษฐา มั่นคง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก
5. คุณสุมณฑา ปลื้มสูงเนิน เครือข่ายเยาวชนเพื่อการพัฒนา
6. คุณณัฐยา บุญภักดี ผู้จัดการ แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สสส.
7. คุณเข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการแผนงานสื่อสร้างสุขภาวะเยาวชน (สสย.)
8. รศ.ดร.ศักดา ธนิตกุล คณบดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
9. คุณบุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ผู้แทนเครือข่ายผู้บริโภค
10. คุณสุภิญญา กลางรณงค์ รองประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.)
11. คุณพรชัย ปุณณวัฒนาพร เลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
12. คุณโกศล สงเนียม สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
13. คุณธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการมีเดียมอนิเตอร์
14. คุณอิทธิพล ปรีติประสงค์ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล
15. คุณสุวรรณา จิตประภัสสร์ คณะกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
16. ผู้แทน สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

View :1519

เคทีซีจับมือ 3 ยักษ์เครือข่ายบัตรเครดิต เพิ่มความปลอดภัยสมาชิกบัตรซื้อสินค้าออนไลน์ ชวนสมาชิกสมัครใช้บริการ Secured-epay ฟรี

March 29th, 2011 No comments

 
นายปิยศักดิ์  เตชะเสน  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์และช่องทางจัดจำหน่าย “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีได้ร่วมกับ 3 เครือข่ายบัตรเครดิตระดับโลก ได้แก่   วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล  มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล และเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล พัฒนาระบบมาตรฐานความปลอดภัย “Secured e-pay” สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อสร้างความ  อุ่นใจให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภทกว่า 1.72 ล้านบัตร โดยสามารถสมัครใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เว็บไซต์ http://www..co.th/3dsecure/ หรือลงทะเบียนขณะทำรายการชำระค่าสินค้าและบริการออนไลน์ (ในกรณีที่ยังไม่เคยลงทะเบียนสมัครใช้บริการ Secured e-pay มาก่อน)”
 
จากนั้นระบบจะให้สมาชิกผู้ถือบัตรกำหนดรหัสและข้อความส่วนตัวเพื่อยืนยันตัวตน ด้วยกลไกป้องกันข้อมูลถึง 2 ขั้นตอน คือ ระบบการเรียกถามรหัสผ่าน (Password) ซึ่งสมาชิกเป็นผู้กำหนดขึ้นเอง จาก Verified by VISA (VbV) ของวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล และ MasterCard SecureCode (MCSC) ของมาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล และ J/Secure ของเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล และข้อความส่วนตัว (PAM: Personal Assurance Message) เพื่อใช้ยืนยันทุกครั้งที่มีการซื้อสินค้าหรือบริการ โดยจะปรากฏบนหน้าเว็บไซต์ในขณะที่ทำรายการ เพื่อให้แน่ใจว่ากำลังทำรายการผ่านเว็บไซต์ของร้านค้า e-Commerce ที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล และเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล
 
นอกจากนี้ ในการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในระบบออนไลน์ จะดำเนินการในรูปแบบการเข้ารหัสข้อมูลตามมาตรฐานของ SSL 128 Bit ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้บุคคลอื่นลักลอบใช้หมายเลขบัตรเครดิตของสมาชิกในการทำรายการทางอินเตอร์เน็ตอีกด้วย
 
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KTC Phone โทรศัพท์ 0-2665-5000 หรือ www.ktc.co.th

View :1374
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที เพิ่มศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ

March 28th, 2011 No comments

นายวินัย อยู่สบาย ผู้อำนวยการสำนักกำกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยเกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ว่า จากประกาศกระทรวงฯ เรื่องหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550  มาตรา 28 ได้กำหนดให้ผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฯ ต้องผ่านการอบรมด้านจริยธรรม สืบสวนสอบสวน ความมั่นคงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ (Information Security) และการพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์ (Computer Forensics) แล้วแต่กรณี และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น จำเป็นต้องมีการจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการตามประกาศแนบท้ายพระราชบัญญัติฯ ด้วย ดังนั้น กระทรวงฯ จึงต้องมีการส่งเสริมสมรรถนะของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องในการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ รวมถึงให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
“กระทรวงฯ มีหน้าที่ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติฯ โดยการพัฒนาองค์ความรู้ให้กับบุคลากร และพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติฯ ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายเช่นเดียวกับเจ้าพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีอำนาจตั้งแต่การรับคำร้องทุกข์ หรือคำกล่าวโทษทางอาญา และมีอำนาจในการสอบสวนด้วย โดยที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานภายในสังกัดกระทรวงฯ เคยปฏิบัติภารกิจในลักษณะนี้มาก่อน” นายวินัย กล่าว
ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ภายใต้โครงการส่งเสริมสมรรถนะของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องในการบังคับใช้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ขึ้น เพื่อจัดการฝึกอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่เหมาะสมในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรตามหน้าที่ความรับผิดชอบ โดยอ้างอิงหลักสูตรตามภาคผนวกของประกาศกระทรวงฯ เรื่องหลักเกณฑ์เกี่ยวกับคุณสมบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฯ และหลักสูตรอื่นๆ ที่เหมาะสม รวมทั้งจัดการอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฯ และบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการบังคับใช้ตามพระราชบัญญัติฯ และสามารถปฏิบัติหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมข้าราชการ ส่วนราชการ องค์กรห้างร้านต่างๆ ที่มีการใช้งานอินเทอร์เน็ต  ร้านอินเทอร์เน็ต และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้ความสามารถพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการบังคับใช้ตามพระราชบัญญัติฯ อีกด้วย
นายวินัย ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กระทรวงฯ ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจถึงเทคโนโลยีในปัจจุบัน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และควรดำเนินการอย่างไรให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยได้เชิญวิทยากร ผู้มีความรู้ความสามารถจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ความรู้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ พร้อมกันนี้ ยังได้มีการวางแนวทางกระจายกำลังพนักงานเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ให้ขยายออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อที่ประชาชนจะได้มีที่พึ่งพาเมื่อประสบปัญหาทางด้านอินเทอร์เน็ตหรือคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้น กระทรวงฯ ยังจะจัดให้มีการอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ทั้งก่อนและหลังการแต่งตั้ง เพื่อให้มีการปรับความรู้และมีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
นอกจากการดำเนินกิจกรรมพัฒนาศักยภาพพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ แล้ว กระทรวงฯ ยังได้มีการจัดทำ (ร่าง) คู่มือแนะแนวทางปฏิบัติทางเทคนิคที่สอดคล้องกับกฎหมายตามพระราชบัญญัติฯ อีกด้วย โดยในคู่มือดังกล่าวได้รวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับหลักการทั่วไปในการสืบสวนคดีอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เช่น ความผิดในลักษณะต่างๆ พยานหลักฐานที่อาจพบตามลักษณะความผิดนั้นๆ ขั้นตอนปฏิบัติในกรณีความผิดลักษณะต่างๆ การแจ้งเบาะแสในคดีความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นยังมีเนื้อหาในเรื่องรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติในกรณีความผิดลักษณะต่างๆ เช่น การสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต การประสานงานให้ได้มาซึ่งข้อมูล การเข้าค้นและยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ การเก็บรักษาพยาน การส่งต่อพยานหลักฐาน เป็นต้น
“ส่วนในเรื่องการจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์นั้น กระทรวงฯ ได้มีแนวทางเผยแพร่หลักการจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ โดยจะให้ความรู้ควบคู่ไปกับการดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ของกระทรวงฯ ขณะที่การเผยแพร่ความรู้ให้กับร้านให้บริการอินเทอร์เน็ตนั้น กระทรวงฯ ได้ประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้ให้บริการร้านอินเทอร์เน็ตสามารถดำเนินการได้ถูกต้อง โดยที่ผ่านมากระทรวงฯ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากร้านต่างๆ ที่ได้รับข้อมูลข่าวสาร ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างถูกต้องเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้ให้บริการที่ยังไม่มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างถูกต้อง ซึ่งกระทรวงฯ ก็ได้ดำเนินการประสานงานไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับร้านอินเทอร์เน็ต เช่น กระทรวงวัฒนธรรม ให้ช่วยกระจายองค์ความรู้สู่ร้านอินเทอร์เน็ตเหล่านั้น เพื่อกวดขันให้มีการจัดเก็บข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องต่อไป” นายวินัย กล่าว

View :1490

ซัมซุงประกาศความร่วมมือกับเอไอเอส เปิดตัว “ซัมซุง เน็กซ์ซัส เอส จาก กูเกิล” ในไทยอย่างเป็นทางการ

March 28th, 2011 No comments

ครั้งแรกในไทย พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้ม บนเครือข่ายคุณภาพชั้นนำของเมืองไทย

3 องค์กรชั้นนำประกาศความร่วมมือนำสุดยอดนวัตกรรมสมาร์ทโฟนที่สาวกกูเกิล รอคอย กับ “ซัมซุง เน็กซ์ซัส เอส จาก กูเกิล” ครบถ้วนด้วย 4 คุณสมบัติของ Pure คือ ครบครันกับ Application ที่อัปเดตจากกูเกิลเสมอ, เร็วยิ่งกว่าในทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน, ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีจอภาพจากซัมซุง และ ครั้งแรกกับ “จิงเจอร์เบรด” (Gingerbread – Android 2.3) สัมผัสได้แล้วตั้งแต่ 1 เม.ย.นี้พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้มจากเอไอเอส
นายวิชัย พรพระตั้ง ผู้อำนวยการธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “ซัมซุงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ กับ “เอไอเอส”ผู้นำในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แถวหน้าของเมืองไทย ในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกของเมืองไทยกับนวัตกรรมเหนือระดับแห่งยุค “ซัมซุง เน็กซ์ซัส เอส จาก กูเกิล” ) สมาร์ทโฟนที่เดินทางมาพร้อมอัจฉริยภาพแห่งการสื่อสารอย่างสมบูรณ์แบบทุกเสี้ยววินาที บนแพลทฟอร์มเร็วแรงล่าสุดของกูเกิล “จิงเจอร์เบรด” (Gingerbread – Android 2.3) ทั้งนี้ เพื่อสอดรับกับคลื่นความนิยมของตลาดสมาร์ทโฟนที่เติบโต และได้รับความนิยมแบบ ก้าวกระโดดอยู่ในขณะนี้ เรียกได้ว่าเป็น การเปิดศักราชมิติใหม่ให้แก่วงการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยในฐานะสมาร์ทโฟนที่ได้รับการยกย่องว่าทรงประสิทธิภาพ และลงตัวมากที่สุด ภายใต้แนวคิด “สมาร์ทล้ำ นำเทรนด์” อย่างแท้จริง
นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “Quality DNAs คือแนวทางการทำงานของเอไอเอสที่มุ่งเน้นการส่งมอบคุณภาพในทุกมิติให้แก่ลูกค้า ทั้ง Device, Network, Application และ Service โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจุบันที่การใช้งาน Data เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเตรียมเครือข่ายจากเอไอเอสเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าวจึงมีความพร้อมแล้วทั้ง EDGE Plus ทั่วไทย, Wifi 15,000 จุด และ 3G 900 ในหัวเมืองสำคัญ”
“ในภาพของ Device นั้น Trend ของ Smart Phone ในปีนี้คาดว่าจะโตอีกมากกว่า 50% ซึ่งที่ผ่านมาเอไอเอสได้นำ Device คุณภาพในทุกระบบปฏิบัติการยอดนิยมมามอบให้กับลูกค้าพร้อมแพ็คเกจคุ้มค่าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน โดยล่าสุดฐานลูกค้าเอไอเอสที่ใช้ Super Smart Phone มีมากกว่า 1 ล้านราย ดังนั้นเราจึงไม่เคยหยุดยั้งที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆมามอบให้อย่างต่อเนื่อง”
“ล่าสุดความร่วมมือกับซัมซุง เปิดตัวสุดยอดสมาร์ทโฟนที่สาวกคนไทยรอคอยกับ Nexus S ซึ่งถือเป็น Pure Google ครั้งแรกในเมืองไทยถือเป็นการตอกย้ำความตั้งใจของเอไอเอสที่จะนำสุดยอดนวัตกรรมมามอบให้ลูกค้าเอไอเอสสัมผัสพร้อมความคุ้มค่าและคุณภาพที่มากกว่าก่อนใครเสมอ”
ด้านนายแอนดี้ รูบิน รองประธานกรรมการฝ่ายวิศวกรรม กูเกิล กล่าวว่า “นวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญของกูเกิล และ Nexus S ถือเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราสร้างสรรค์นวัตกรรมเหนือชั้นให้แก่ผู้ใช้งาน พันธมิตร Android และผู้ผลิตสมาร์ทโฟน โดยผลิตภัณฑ์นี้นับเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างนวัตกรรมฮาร์ดแวร์จากซัมซุง และแพลทฟอร์ม Android ที่สร้างปรากฏการณ์สุดล้ำเพื่อมอบสุดยอดประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน”
“ซัมซุง เน็กซ์ซัส เอส จาก กูเกิล” (Samsung Nexus S) คือ พัฒนาการอีกก้าวของสมาร์ท โฟนอัจฉริยะของซัมซุงที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นมือถือรุ่นแรกที่ใช้แพลทฟอร์มล่าสุดของกูเกิล “แอนดรอยด์ 2.3” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “จิงเจอร์เบรด” (Gingerbread) ทั้งนี้ ความพิเศษสุดของซัมซุง เน็กซ์ซัส เอส จาก กูเกิลอยู่ที่ขุมพลังโปรเซสเซอร์ขนาด 1 กิกะเฮิรตซ์ และหน่วยความจำระดับสูงขนาด 16 กิกะไบต์ จนถูกยอมรับในวงกว้างว่ามีความเร็วและแรงมากที่สุดอีกรุ่นในตลาดขณะนี้ พร้อมการดีไซน์ที่โค้งรับกับการใช้งาน ทั้งนี้ผู้ใช้งานยังสามารถเพลิดเพลินไปกับบริการกูเกิลแอพพลิเคชันนับแสนแอพบนมือถือที่พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ กูเกิล เสิร์ช (Google Search) กูเกิล แมพ (Google Maps) จีเมล์ (Gmail) กูเกิล เอิร์ธ (Google Earth) นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้น (NFC ; Near Field Communication) ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันให้เป็นไปอย่างง่ายดาย อาทิ การชำระค่าบริการ การออกตั๋วโดยวิธีการแตะโทรศัพท์มือถือบนเครื่องอ่านหรือเครื่องชำระเงินได้อย่างอัตโนมัติ เป็นต้น
“สำหรับความร่วมมือที่เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ มองว่าจะเป็นอีกก้าวหนึ่งของการยกระดับนวัตกรรมเทคโนโลยี บนเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่พร้อมมุ่งมั่นสร้างสรรค์บริการและเครือข่ายคุณภาพ ผ่านการเติมเต็มการใช้งานด้วยอุปกรณ์สื่อสารล้ำสมัยเต็มประสิทธิภาพทุกรูปแบบ พร้อมกับแพ็กเกจสุดคุ้มสำหรับลูกค้า “ซัมซุง เน็กซ์ซัส เอส จาก กูเกิล” (Samsung Nexus S) โดยเฉพาะ เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภคชาวไทยในที่สุด” นายวิชัย กล่าวเสริม
“ซัมซุง เน็กซ์ซัส เอส จากกูเกิล” (Samsung Nexus S) วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 ในราคา 18,900 บาท (รวม VAT) ณ เอไอเอสช็อปและพาวเวอร์บาย สาขาที่ร่วมรายการ พร้อมรับสิทธิ์สมัครแพ็คเกจสมาร์ทโฟนสุดคุ้มจากเอไอเอสเพียงเดือนละ 349 บาท (จาก 699 บาท) นาน 12 เดือน ที่ให้คุณโทรฟรี 400 นาทีทุกเครือข่ายและ Data แพ็คเกจ 500 เม็ก ต่อเดือน
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1175 ศูนย์บริการลูกค้าซัมซุง 0-2689-3232 หรือโทรฟรีจากโทรศัพท์บ้าน 1-800-29-3232

View :1755

ก . ไอซีที ร่วมนำร่อง โครงการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ

March 25th, 2011 No comments

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิด เผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบใน กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ ระหว่างนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐนำร่อง ว่า กระทรวงฯ ได้ตอบรับเข้าร่วมโครงการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในกระบวนการจัดซื้อ จัดจ้างของทางราชการ ที่จัดทำขึ้นตามข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ.ร. โดยสำนักงาน ก.พ.ร.ได้เชิญชวนหน่วยงานภาครัฐเข้าร่วมเป็นหน่วยงานนำร่องตามความสมัครใจ ซึ่งมีหน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 18 ส่วนราชการ และ 1 รัฐวิสาหกิจ

“กระทรวง ไอซีที ได้เล็งเห็นความสำคัญของโครงการดังกล่าว ที่จัดทำขึ้นเพื่อเสริมสร้างบทบาทความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาค เอกชนในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของทาง ราชการ และเพื่อสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ รวมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนในการบริหารราชการแผ่นดิน ให้ดีขึ้น จึงได้สมัครใจเข้าร่วมเป็นหน่วยงานภาครัฐนำร่องด้วย โดยได้คัดเลือกโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความสำคัญและมีมูลค่าสูงจากทั้ง ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดเข้าร่วมโครงการป้องกันการทุจริตประพฤติมิ ชอบฯ นี้

ซึ่ง โครงการที่กระทรวงฯ นำมาเข้าร่วม คือ โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์และวัสดุสำนักงานโครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชน เพื่อพ่อหลวงจำนวน 1,000 ศูนย์ และโครงการติดตั้งและพัฒนาหอเตือนภัย สถานีทวนสัญญาและหน่วยงานรับข่าวในพื้นที่เสี่ยงภัย อุทกภัย และดินถล่ม ของสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โครงการจัดหาครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในรายการของเครื่องมือตรวจอากาศชั้นบน 3 ชุด ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และโครงการจัดซื้อเครื่องมือทดสอบ Metro Net ของ บมจ.กสท โทรคมนาคม และทั้ง 4 โครงการนี้มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 612,538,150 บาท” นายจุติ กล่าว

สำหรับ หน่วยงานภาครัฐนำร่องที่เข้าร่วมโครงการฯ นี้ ต้องดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ คือ 1.ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในกระบวน การจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ ระหว่างนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานภาครัฐนำร่อง 2.เชิญชวนภาคเอกชนผู้สนใจเสนอราคาหรือเสนองานเข้าร่วมโครงการฯ 3.ปฏิบัติการตามเงื่อนไขข้อตกลงเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ได้แก่ ประกาศนโยบายองค์การในการกับดูแลตนเองที่ดีเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริต ประพฤติมิชอบ การวางข้อกำหนดและแนวทางปฏิบัติ ประมวลจริยธรรมการป้องกันและจัดการความเสี่ยงต่อการทุจริตประพฤติมิชอบ การฝึกอบรมและให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และการวางระบบควบคุมและตรวจสอบให้มีการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด และ 4.จัดทำรายงานประเมินผลหน่วยงานประจำปีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามเงื่อนไขของ ข้อตกลงดังกล่าวเพื่อเปิดเผยต่อสาธารณะ

“เมื่อ สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการในเดือนธันวาคม 2554 แล้ว จะมีการสรุปปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการ รวมทั้งข้อเสนอแนะจากหน่วยงานนำร่องและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลสำหรับการขยายผลโครงการฯ นอกจากนี้หน่วยงานภาครัฐนำร่องและภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ที่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้อย่างถูกต้องครบถ้วน ก็จะได้รับประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติจากนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงการเป็นหน่วยงานที่สามารถยกระดับความโปร่ง ใส และนำไปสู่การเป็นองค์กรแห่งความซื่อตรงได้อีกด้วย” นายจุติ กล่าว

View :1627
Categories: Press/Release Tags:

ทรูมูฟ ติดจรวดชีวิตอิสระไร้สาย เอาใจลูกค้ายุคไฮ-สปีด สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกในไทย กับ Wi-Fi by TrueMove เร็วสุดถึง 8 Mbps

March 25th, 2011 No comments

ปรับเพิ่มความเร็วให้ลูกค้าทรูมูฟที่ใช้ Wi-Fi by TrueMove เป็น 8 Mbps เปิดแพ็กเกจเสริมสุดคุ้ม Wi-Fi by TrueMove 8 Mbps ไม่อั้น 100 บาทต่อเดือน ย้ำผู้นำโครงข่าย Wi-Fi ทุ่มทุนมากกว่า 200 ล้านบาท พัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง

ทรูมูฟ ตอกย้ำผู้นำโมบายล์ ไฮสปีด อินเทอร์เน็ตและโครงข่าย Wi-Fi ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มอบประสบการณ์ออนไลน์ไร้สายที่คุ้มค่ายิ่งขี้น เปิดบริการ Wi-Fi by TrueMove ความเร็วสูงสุด 8 Mbps ครั้งแรกในไทย พร้อมทยอยปรับเพิ่มความเร็วอัตโนมัติให้ลูกค้าทรูมูฟแบบรายเดือนที่ใช้บริการ Wi-Fi by TrueMove มากกว่า 200,000 รายภายในกลางเดือนเมษายนนี้ พร้อมทุ่มเงินลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ย้ำภาพผู้นำตลาด Wi-Fi ที่เหนือกว่าด้วยประสิทธิภาพเครือข่ายความเร็วสูงสุด และจุดบริการ Wi-Fi ฮอตสปอตคุณภาพมากที่สุดกว่า 20,000 จุดทั่วประเทศ พร้อมบริการหลังการขายที่เหนือกว่า

นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด กล่าวว่า “การเปิดบริการ Wi-Fi by TrueMove ความเร็วสูงสุด 8 Mbps ครั้งแรกในไทย เป็นการยกระดับความคุ้มค่ายิ่งขึ้นให้กับลูกค้าทรูมูฟ ตอกย้ำความสำเร็จในการเป็นผู้ให้บริการมือถือรายแรกและรายเดียวที่นำกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์บุกเบิกผสานเครือข่าย Wi-Fi ให้บริการรวมในดาต้าแพ็กเกจของทรูมูฟ ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานดาต้าของลูกค้าสมาร์ทโฟนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมากกว่า 80% ของสมาร์ทโฟนรองรับการใช้งานเชื่อมต่อ Wi-Fi จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้จำนวนลูกค้า Wi-Fi by TrueMove เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบันมีลูกค้าทรูมูฟที่ใช้งาน Wi-Fi by TrueMove จำนวนมากกว่า 200,000 ราย ซึ่งเป็นผลจากบริการที่เหนือกว่าด้านเครือข่ายคอนเวอร์เจนซ์ที่มีทั้ง 3G*/ Wi-Fi/ EDGE/ GPRS รวมทั้งความหลากหลายของดาต้าแพ็กเกจทรูมูฟซึ่งเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนที่มีให้เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์การใช้งาน คือ
- แพ็กเกจรายเดือน Smart Pack 649 บาท : Wi-Fi 8 Mbps ไม่อั้น สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน
- แพ็กเกจ Net SIM 349 บาทต่อเดือน : สำหรับแอร์การ์ด ใช้งาน Wi-Fi 8 Mbps /EDGE /GPRS รวม 100 ชั่วโมง
- แพ็กเกจเสริมเฉพาะผู้ต้องการใช้งาน Wi-Fi : Wi-Fi 8 Mbps ไม่อั้น เพียง 100 บาทต่อเดือน

ทรูมูฟจะทยอยปรับเพิ่มความเร็วการใช้งาน Wi-Fi by TrueMove เป็น 8 Mbps ซึ่งเป็นความเร็วสูงที่สุดในประเทศไทย ให้ลูกค้าทรูมูฟแบบรายเดือนที่ใช้งาน Wi-Fi by TrueMove ทุกรายภายในกลางเดือนเมษายนนี้ มั่นใจว่า การปรับเปลี่ยนมาตรฐานใหม่เพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ตไร้สายสูงขึ้นอีก 4 เท่าตัว ตลอดจนการใช้งาน Wi-Fi by TrueMove ที่สะดวก ใช้งานง่าย จะตอบสนองตอบโจทย์ไลฟ์ไสตล์ลูกค้ายุคไฮสปีดอย่างแน่นอน

นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายที่มีโครงข่าย Wi-Fi ใหญ่ที่สุดในประเทศ กลุ่มทรูได้พัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสามารถยกระดับมาตรฐานความเร็วบริการ Wi-Fi by TrueMove ให้ลูกค้ายุคไฮสปีด สนุกกับชีวิตออนไลน์อิสระ ไร้สาย ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 8 Mbps ครั้งแรกในประเทศ และจะลงทุนขยายโครงข่ายเพิ่มในส่วนของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายมากกว่า 200 ล้านบาท ภายในปี 2554 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า Wi-Fi ที่มีปริมาณการใช้งานสูงขึ้นผ่านสมาร์ทโฟน โดยขณะนี้กลุ่มทรูมีลูกค้าที่ใช้บริการ Wi-Fi by TrueMove รวมกว่า 550,000 ราย เติบโตจากปีที่แล้ว 130% ทั้งนี้ เป็นผลจากความโดดเด่นของคุณภาพโครงข่ายที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีช่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยมอนิเตอร์และตรวจสอบจุดที่มีปัญหาตลอดเวลา จึงทำให้สัญญาณมี คุณภาพและความเสถียร และการมีพื้นที่บริการครอบคลุมมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยปัจจุบันมีฮอตสปอตคุณภาพถึงกว่า 20,000 จุดทั่วประเทศ รวมทั้งการให้บริการหลังการขายที่ลูกค้าสามารถติดต่อได้ทั้งผ่าน ทรูมูฟแคร์ โทร 1331 และ ทรูออนไลน์แคร์ โทร 1686 ตลอด 24 ชั่วโมง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wi-Fi by TrueMove และแพ็กเกจ Wi-Fi สุดคุ้มหลากหลาย ได้ที่ ทรูช้อปทุกสาขา, www.truemove.com , www.trueonline.com หรือ ทรูมูฟแคร์ โทร 1331

View :2010
Categories: Press/Release Tags:

TMA  ประกาศผล “Thailand ICT Excellence Awards 2010”

March 24th, 2011 No comments

TMA  ประกาศผล “
ค้นหาสุดยอดองค์กรเด่นใช้ไอซีทีและซอฟต์แวร์ไทยเข้มแข็ง
 
  TMA – สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย จัดงานโครงการ “Thailand ICT Excellence Awards 2010” ระดับประเทศ เพื่อยกย่องเชิดชูองค์กรและผู้บริหารที่สามารถนำระบบไอซีที และซอฟต์แวร์ไทยมาใช้เป็นเครื่องมือส่งเสริมความเข้มแข็งขององค์กรและประเทศชาติ    เผยปีนี้มีองค์กรชั้นนำทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมประกวดมากถึง 48 โครงการ จาก 32 องค์กร รวมรางวัลชิงชนะเลิศจำนวน 6 ประเภทรางวัล
 
23 มีนาคม 2554 โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ :  ดร.มนู  อรดีดลเชษฐ์ ประธานกรรมการนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ และกรรมการอำนวยการโครงการ  Thailand ICT Excellence Awards 2010 เปิดเผยว่า การจัดโครงการ Thailand ICT Excellence Awards 2010 ได้รับเกียรติจาก ดร. วีระชัย  วีระเมธีกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีประกาศผลและมอบรางวัล Thailand ICT Excellence Awards 2010 ซึ่งจัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบริหารจัดการทางด้าน ICT ขององค์กรต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผลที่ได้รับจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA), ศูนย์เทคโนโลยีอิเลกทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย (Software Park Thailand) และวิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (CITU) ซึ่งในปีนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญ ที่จะมีการให้ความรู้และการนำไอทีเข้ามาประยุกต์ใช้ในองค์กร
สำหรับ ในปีนี้ มีองค์กรส่งเข้าประกวดมากถึง 48 โครงการ จาก 32 องค์กร ประกอบด้วย  แบ่งเป็น 6 ประเภท รางวัล ได้แก่
รางวัล Excellence
ประเภทรางวัล
1. โครงการพัฒนากระบวนการหลักภายใน (Core Process Improvement Projects )ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
กองเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
โครงการ ระบบบันทึกการปฏิบัติงานบุคลากรและบริหารโครงการ
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)
โครงการ Daily Gross Integrated Margin (GIM)
บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัดและบริษัทปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด
โครงการฐานข้อมูลสารสนเทศอุตสาหกรรม
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด
โครงการระบบประเมินผลการปฎิบัติงาน (PM, CM & IDP)
ดิ โอเอซิสสปา (ประเทศไทย)
โครงการ บรูณาการระบบสารสนเทศ โดยใช้โปรแกรม Spa Management System ™ มาใช้เป็นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี
โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศด้านสุขภาพจังหวัดสุพรรณบุรี
มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศ eService 2.0 และการจัดตั้งศูนย์บริการนักศึกษาครบวงจร Student One Stop Service Center (SOS)
 
ประเภทรางวัล
       2.โครงการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ไทย( Thai Software Adoption Projects) ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
โครงการ Service Desk
คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา
โครงการระบบสารสนเทศเพื่อการพัฒนาศูนย์สู่งานคุณภาพ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โครงการ Streaming Pro โปรแกรมซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์เรียลไทม์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน
บริษัท ออฟฟิสเมท จำกัด (มหาชน)
โครงการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซจาก B2B สู่ B2C
ประเภทรางวัล
3.โครงการนวัตกรรม  (Innovation Projects) ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โครงการโปรแกรมซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์ผ่านมือถือ iPhone เพื่อสร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีของประเทศไทย
บริษัท เนชั่น บรอดแคสติง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
โครงการ Oknation.net ทุกคนเป็นนักข่าวได้
ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน)
โครงการ KTB Invest Smart
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
โครงการ K My-ATM
ประเภทรางวัล
4.โครงการขับเคลื่อนธุรกิจ (Business Enabler Projects) ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)
โครงการ Integrated Supply Chain & Total Business Solution
บริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่นส์ จำกัด
โครงการ Real-Time Auto Tank Gauging
ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน)
โครงการ KTB ON THE MOVE
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
โครงการ การชำระเงินค่าสินค้า/บริการทางอินเทอร์เน็ตด้วยบัตรเครดิต/เดบิตกสิกรไทย แบบ Verified by Visa ด้วย One Time Password (VbV OTP) รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวทาง SMS
 
 
 
 
ประเภทรางวัล
5.โครงการจัดการความรู้  (Knowledge Management Projects )ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โครงการ SET market Analysis and Reporting Tool (SETSMART)
บริษัท เอ็นโอเค พรีซิซั่น คอมโพเน้นท์(ประเทศไทย) จำกัด
โครงการ การจัดการความรู้องค์กรบนพื้นฐานของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
ประเภทรางวัล
6.โครงการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ICT for Sustainable Development Projects) ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)
โครงการ *1677 ทางด่วนข้อมูลการเกษตร (phase 3)
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)
โครงการ ระบบการเฝ้าระวังโรคระบาดผ่านระบบการส่งข้อความสั้น SMS and Map
 
รางวัลชมเชย
 
ประเภทรางวัล
1.โครงการขับเคลื่อนธุรกิจ  (Business Enabler Projects) ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน)
โครงการบูรณาการภูมิสารสนเทศโครงข่ายจ่ายน้ำประปา
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
โครงการ Breakthrough project 2010
 
ประเภทรางวัล
2.โครงการพัฒนากระบวนการหลักภายใน  (Core Process Improvement Projects )ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)
โครงการ Enterprise Resource Program (ERP)
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
โครงการ Complaint Management by CRM System
 
ประเภทรางวัล
3.โครงการนวัตกรรม (Innovation Projects) ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน)
โครงการ KTB Online: New look & Feel
บริษัท แท๊พ เทคโนโลยี จำกัด
โครงการพัฒนาซอฟแวร์สำหรับธุรกิจเดย์สปา
 
 
 
 
ประเภทรางวัล
4.โครงการจัดการความรู้ (Knowledge Management Projects) ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
โครงการบริหารจัดการองค์กรความรู้
 
ประเภทรางวัล
5.โครงการประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์ไทย (Thai Software Adoption Projects) ได้แก่
​องค์กร​ชื่อโครงการ
บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)
โครงการ ทดลองการชำระค่าผ่านทางด้วยบัตร Smart Purse
 
นายกำพล  ศรธนะรัตน์ กรรมการโครงการและประธานกลุ่มบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร TMA กล่าวว่า เป้าหมายหลักของงานในปีนี้ นอกจากต้องการที่จะยกระดับพัฒนาไอทีและนำระบบไอทีมาบริหารจัดการองค์กรให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว  ยังเป็นสื่อกลางในการระดมความคิดเห็นของนักบริหารไอทีชั้นนำที่มีต่อสถานการณ์ด้านไอทีในยุคปัจจุบัน ซึ่งในส่วนของการตัดสินรางวัล Thailand ICT Excellence Awards 2010 ในปีนี้คณะกรรมการฯ จะใช้หลักเกณฑ์การคัดเลือกจากองค์กรที่รู้จักนำไอทีมาใช้ ในเรื่องของการคิดดี ทำดี ผ่านในเชิงกลยุทธ์ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการและการบริหารองค์กร การวัดผลความสำเร็จ ขององค์กร เช่น การนำไอทีมาใช้เพื่อลดในเรื่องค่าใช้จ่ายในองค์กรได้อย่างชัดเจนหรือไม่
 
โดยศึกษาจากการตรวจสอบเอกสารที่แต่ละองค์กรส่งเข้ามา   หลังจากนั้นจึงเข้าไปสัมภาษณ์และตรวจสอบองค์กร มีการตรวจเยี่ยมชมองค์กร  และมีการตรวจประเมินผล เป็นการนำไอทีมาประยุกษ์ใช้กับสภาพแวดล้อม และการให้ความสำคัญ สังคม และคุณภาพชีวิต
 
นายกำพลกล่าวต่อว่า ความพิเศษของการตัดสินในครั้งนี้อยู่ที่วิธีการคัดเลือก ซึ่งองค์กรที่ส่งเข้าประกวดจะต้องแข่งกับเกณฑ์มาตรฐานที่ทางคณะกรรมการฯ ตั้งขึ้น หากองค์กรใดทำได้ถึงเกณฑ์ ก็จะสามารถคว้ารางวัลในแต่ละประเภทรางวัลนั้นได้ โดยองค์กรใดองค์หนึ่งงอาจจะได้รับรางวัลมากกว่า 1 ประเภทรางวัลก็ได้

View :1640

ดีแทคส่งแพ็คเกจดาต้าโรมมิ่ง 299 บาทให้ลูกค้าสมาร์ทโฟนท่องเน็ตสุดคุ้มไกลถึงยุโรป

March 22nd, 2011 No comments

ดีแทคจัดแพ็คเกจ daily data roaming ออนไลน์แบบคุ้มค่าเพียงวันละ 299 บาท ให้นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่ใช้สมาร์ทโฟนออนไลน์ใช้งานในต่างประเทศได้ 25MB ครอบคลุม 10 ประเทศยอดฮิตทั้งแถบยุโรป เอเชีย และออสเตรเลีย ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี สเปน เนเธอร์แลนด์ ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรลีย และนิวซีแลนด์ กับเครือข่ายคุณภาพของโวดาโฟนและพันธมิตรดีแทค

นายเพ็ตเตอร์ เพ็ดเดอร์เซน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ และลูกค้าองค์กร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่าจากการศึกษาพฤติกรรมการใช้งานดาต้าของผู้ใช้สมาร์ทโฟนในต่างประเทศ พบว่า กลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่จะใช้งานสำหรับ แชต และออนไลน์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์ดีๆให้กับเพื่อนๆในขณะที่เดินทางท่อง เที่ยว ขณะที่กลุ่มลูกค้านักธุกิจมักเน้นใช้งานเพื่อรับ-ส่งอีเมล์ สำหรับการติดต่องานและธุรกิจเป็นหลัก ซึ่งปริมาณการใช้งานโดยเฉลี่ยต่อวันของทั้งสองกลุ่มนี้มีจำนวนไม่เกิน 25MB ดังนั้นดีแทคจึงได้จัดทำแพ็คเกจ daily data roaming 299 บาทให้ออนไลน์ได้แบบคุ้มค่า 25MB ต่อวัน ตอบสนองรูปแบบการใช้งานดาต้าโรมมิ่งของลูกค้าสมาร์ทโฟน

“ ลูกค้าสมาร์ทโฟนสามารถออนไลน์ในต่างประเทศได้อย่างสบายใจ เพราะในปริมาณการใช้งาน 25MB ต่อวันนั้น สามารถแชตผ่านสมาร์ทโฟนได้เฉลี่ยถึง 10 ชั่วโมง อัพรูปผ่านเฟซบุ๊คได้กว่า 50 รูป และ อัพเดตสเตตัส/โพสต์คอมเมนท์ในเฟสบุ๊คได้มากกว่า 100 ครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับการเช็คอีเมล์ได้อีกกว่า 50 ฉบับ ในอัตราแพ็คเกจเพียงแค่ 299 บาทต่อวัน จึงถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างพอดีและไม่เกินความจำเป็น และถ้าหากปริมาณการใช้งานเกินกว่า 25MB ที่กำหนดก็คิดอัตราพิเศษเพียงแค่ 12 บาท /MB เท่านั้น ” นายเพ็ตเตอร์กล่าว

โดยแพ็คเกจนี้ยังมีจำนวนวันให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการคือ แพ็คเกจแบบ 1 วัน 3 วัน และ 7 วัน ตามอัตราค่าบริการและจำนวนการใช้งานดังต่อไปนี้

* ค่าบริการ 299 บาท สำหรับการใช้งานดาต้าโรมมิ่งจำนวน 25MB ภายในระยะเวลา 1 วัน
* ค่าบริการ 889 บาท สำหรับการใช้งานดาต้าโรมมิ่งจำนวน 75MB ภายในระยะเวลาต่อเนื่องกัน 3 วัน
* ค่าบริการ 1,999 บาท สำหรับการใช้งานดาต้าโรมมิ่งจำนวน 175MB ภายในระยะเวลาต่อเนื่องกัน 7 วัน

ลูก ค้าดีแทคที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อรับข้อเสนอและคำแนะนำดีๆในการใช้งานในต่าง ประเทศ รวมถึงสมัครแพ็คเกจนี้ได้ก่อนการเดินทาง ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 มิถุนายนนี้ ที่ดีแทคคอลล์เซ็นเตอร์ โทร 1678 หรือที่สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค .

View :1634
Categories: Press/Release Tags:

“คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011” ปลุกตลาดไอทีต้นปีคึกคักสวนกระแส ประสบความสำเร็จยอดทะลุเกินเป้า 3,400 ล้านบาท

March 21st, 2011 No comments

เออาร์ไอพี นำทัพเวนเดอร์กระหน่ำราคาเอาใจผู้บริโภค ใน คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011 ประสบความสำเร็จรับต้นปี  คลื่นมหาชนคนไอทีล้นงานตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย 4 วันทะลุล้านราย แม้อากาศไม่เป็นใจแต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการช้อปของสาวกไอที  ยอดขายสวนกระแสเงินเฟ้อ ทะลุเป้า 3,400 ล้านบาท วัดกระแส popular ยุคแอพฯ เฟื่อง โน้ตบุ๊คยังครองแชมป์
 
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ – 21 มีนาคม 2554 – นาย ปฐม อินทโรดม กรรมการบริหารและ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน)   กล่าวว่า การจัดงาน  “คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011”       ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่วางไว้  ซึ่งทางผู้จัดงานถือว่าประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี วันแรกของงานมีผู้เข้าชมงานจำนวนมากส่งผลให้ยอดขายดี แม้สภาพอากาศที่หนาว และมีฝนตก แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางแต่อย่างใด  ประกอบกับเป็นช่วงปิดเทอมจึงทำให้เห็นบรรยากาศของครอบครัวมาเดินซื้อสินค้าไอที เพื่อเตรียมตัวสำหรับการนำไปใช้ในช่วงเปิดเทอมที่จะมาถึง และแม้ว่าช่วงนี้กระแสเงินเฟ้อมาแรงทำให้สินค้าต่างๆ ปรับราคาสูงขึ้น ส่งผลต่อการครองชีพ แต่ไม่มีผลกระทบกับยอดขายสินค้าไอที ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในงานกว่า 3,400 ล้านบาท ด้วยปัจจัยหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นสงครามราคาที่ไม่สูงมากนัก โปรโมชันที่คุ้มค่า คุ้มราคา สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
 
 “งานคอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011 ถือเป็นการเปิดฉากตลาดไอทีต้นปีได้อย่างสวยงาม สามารถชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มตลาดได้เป็นอย่างดี ด้วยกระแสที่ดีตั้งแต่ปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ก็ยังดีอยู่ ซึ่งงานคอมมาร์ตในครั้งนี้ สงครามราคามาแรงมากๆ มีการปรับราคากันอย่างดุเดือดทั้งลด แลก แจก แถม ซึ่งถือว่าเป็นงาน Consumer เพื่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง จึงทำให้ยอดขายภายในงานทะลุเป้าหมายที่วางไว้ อย่างไรก็ตามงานคอมมาร์ตยังเป็นงานคอมพิวเตอร์แห่งปีของประเทศ ที่มีแต่ของดี ราคาถูก และตอบโจทย์ยุคดิจิตอลได้อย่างดี โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กยังครองความนิยมเช่นเคย  ส่วนสมาร์ทโฟน กระแสดีอย่างต่อเนื่องยอดขายสูงกว่าครั้งที่แล้ว เพราะมีโปรโมชั่นราคาพิเศษที่นำมาลดราคา พร้อมของแถมอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนกระแสนิยมในตัวแท็บเล็ตที่มาแรงไม่แพ้กัน หลายรุ่นหลายยี่ห้อ อาทิ Acer, Toshiba, Samsung, Dell, Viewsonic, Creative รวมถึง IPad 2 รุ่นล่าสุด”

ทั้งนี้ ลำดับสินค้าที่ขายดีที่สุดอันดับหนึ่งภายในงาน คือ โน้ตบุ๊ก ยังเป็นพระเอกในงานซึ่งยอดขายรวมทั้งงานกว่า 1,900 ล้านบาท รองลงมา คือสมาร์ทโฟน ด้วยยอดขาย 335 ล้านบาท และที่เห็นได้ชัดเจนคือ แท็บเล็ต กระแสแรงจนเข้ามาติด 1 ใน 10  นอกจากนี้ อุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็ขายดีเช่นกัน การจัดงาน คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011 ในครั้งนี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้ม และกระแสความต้องการใช้งานไอทีที่มีมากขึ้น ในขณะที่ตลาดโน้ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตจะมาแรง เพราะมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการใช้เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนและทำงาน จึงเป็นตัวบ่งชี้ว่าเทคโนโลยีได้กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค
 
ด้านกิจกรรมเวิร์คช็อป และสัมมนาเสริมความรู้ภายในงาน คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2011 ครั้งนี้มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ควบคู่ไปกับการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทางปัญญาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเสวนาสาระบันเทิงในหัวข้อ “ธรรมะกับเทคโนโลยี” โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตตโต จากธรรมะเดลิเวอรี่ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมฟังมากเป็นพิเศษ รวมทั้งการประมูลสินค้าไอทีสุดมันส์ โดยเฉพาะ IPAD 2 ซึ่งชี้ให้เห็นว่ากระแสความต้องการในโลกดิจิตอล และออนไลน์มีแนวโน้มจะมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกระแสสังคมโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก ทั้งนี้รายได้จากการประมูล IPAD 2 และสินค้าไฮไลท์อื่นๆ จะนำไปบริจาคสมทบช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ที่ประเทศญี่ปุ่น
 
สำหรับการจัดงานครั้งต่อไป จะเร่งให้มีการจัดเร็วขึ้นเป็น 19-22 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากกระแสความต้องการของผู้บริโภคที่ยังมีอีกมากแต่ไม่สามารถซื้อสินค้าได้ทัน ประกอบกับสินค้ารุ่นล่าสุด โดยเฉพาะแทบเล็ตที่ยังรอเปิดตัวอีกมากมายหลายรุ่น เออาร์ไอพี จึงตัดสินใจยกระดับงานซีมาร์ตขึ้นมาเป็นงานคอมมาร์ต และตั้งใจจะให้เป็นเวทีเปิดตัวสินค้ารุ่นล่าสุดในช่วงไตรมาสสองของปี 2554 ซึ่งเชื่อว่าจะกระตุ้นตลาดไอทีได้เป็นอย่างดี โดยสามารถติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพีมเติมได้ที่ www.commartthailand.com

View :1468
Categories: Press/Release Tags:

ก.ไอซีที ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ITU -Regional Workshop on IMT for the Next Decade

March 21st, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ -Regional Workshop on IMT for the Next Decade ว่า กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ร่วมกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ( International Telecommunication Union : ) ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ Regional Workshop on IMT for Next Decade ขึ้นที่กรุงเทพมหานคร

“การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการประชุมในระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกที่จัดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเวที ในการอภิปราย เผยแพร่ความรู้ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในแง่การตลาด และแนวโน้มความต้องการในการใช้งานของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่นับตั้งแต่ได้มี การพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายในประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินอัตราความต้องการในการใช้โทรศัพท์ไร้สายความเร็วสูง หรือ Mobile Broadband Wireless ของผู้ใช้งานในอนาคต เพื่อรองรับกับการพัฒนา International Mobile Telecommunication หรือ IMT ในระหว่างปี ค.ศ.2012 – 2022 และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยี IMT – Advanced และความสำคัญของคลื่นความถี่วิทยุในการพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารดังกล่าว” นางจีราวรรณ กล่าว

สำหรับ การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าว กระทรวงฯ ได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการพัฒนากิจการการสื่อสารของไทยเข้าร่วมการ ประชุมเชิงปฏิบัติการนี้ด้วย เพื่อให้มีโอกาสได้รับรู้ถึงทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จากผู้เชี่ยวชาญขององค์การระหว่างประเทศ และผู้เชี่ยวชาญจากประเทศผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เป็นต้น

View :1684
Categories: Press/Release Tags: ,