Archive

Archive for the ‘Press/Release’ Category

ลูกค้าเอไอเอส ใช้มือถือในแบบคุณรับช่วงสงกรานต์ได้มั่นใจสุดๆ

April 12th, 2012 No comments

นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวถึง การดูแลเครือข่ายและบริการในช่วงวันหยุดนี้ว่า “เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่คนไทยจะได้ท่องเที่ยว กลับไปเยี่ยมเยียนครอบครัว และร่วมอวยพรผู้ใหญ่เนื่องในโอกาสปีใหม่ของไทย ดังนั้นนอกเหนือจากมอบสิทธิพิเศษที่จัดให้อย่างต่อเนื่องแล้ว การเป็นช่องทางสื่อสารให้ร่วมแบ่งปันความสุข อวยพรปีใหม่ได้ ทั้งผ่านการสนทนาทางมือถือ หรือ การส่งภาพ หรือ ข้อความที่บ่งบอกความสุขในแบบคุณ จึงเป็นหน้าที่ซึ่งชาวเอไอเอสทุกคนให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”

ดังนั้นเราจึงมีการเตรียมการเพื่อรองรับเทศกาลดังกล่าว ดังนี้
- จัดรถสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม ซึ่งจะประจำอยู่ ณ สถานีขนส่งหมอชิตและสถานีขนส่งสายใต้ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ เพื่อร่วมส่งและต้อนรับ นักท่องเที่ยวในช่วงของการเดินทาง ทั้งไปและกลับ
- วิศวกรทุกภาคทั่วประเทศ ประจำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที กรณีหากเกิดปัญหาเครือข่าย โดยเน้นหนักการเพิ่มความสามารถทั้ง Voice และ Data เพื่อรองรับการใช้งานในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆของทุกภาคทั่วประเทศ
- พนักงาน Call Center ประจำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสนับสนุนลูกค้าตลอดเส้นทางท่องเที่ยว
- เตรียมความพร้อมกรณีหากเกิดเหตุภัยพิบัติ อาทิ ระบบ Back up ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์เครือข่ายสำรอง , รถโมบายล์ , อุปกรณ์เครื่องปั่นไฟพร้อมน้ำมัน รวมถึงการ ประสานกับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถส่ง SMS แจ้งเตือนภัยให้กับลูกค้าเอไอเอสในพื้นที่เสี่ยงได้อย่างทันท่วงที ทั้งหมดนี้เพื่อให้คุณสนุกสนานกับเทศกาลสงกรานต์ในแบบของคุณได้อย่างไร้ข้อจำกัดตลอดช่วงวันหยุดนี้

View :1272
Categories: Press/Release Tags:

การเตรียมความพร้อมของทรูมูฟในพื้นที่เสี่ยงภัยสึนามิ 6 จังหวัดชายฝั่งอันดามัน

April 12th, 2012 No comments

1. ทรูมูฟได้จัดเตรียมรถสถานีเครือข่ายเคลื่อนที่ เพื่อเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้ภายใน 1-3 ชั่วโมง และกรณีเกิดเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้น จะนำรถสถานีเครือข่ายเคลื่อนที่จากภูมิภาคต่างๆ เข้าเสริมเพิ่มทันที เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อกับพื้นที่รอบนอกได้

2. ขณะนี้ทีมวิศวกรเข้าประจำพื้นที่ภาคใต้ เฝ้าติดตามเหตุตลอด 24 ชั่วโมง และได้เตรียมสถานีเครือข่ายสำรองเพื่อเตรียมพร้อมสลับเส้นทางการเชื่อมโยง (หรือreroute) ทันทีที่มีสถานีเครือข่ายเกิดเหตุฉุกเฉิน

3. ทรูมูฟได้จัดเตรียมรถเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนทีไว้ ณ สถานีฐาน เพื่อใช้ในกรณีเกิดไฟฟ้าดับ

4. ส่ง SMS แจ้งเตือนภัยให้ลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ดังกล่าวรับทราบตลอดเวลา ทั้งเราได้แจ้งให้ลูกค้าต่างประเทศที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้รับทราบการเตือนภัยสึนามิ อีกทั้งยังได้แจ้งให้ลูกค้าชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ รับทราบแล้วด้วย

View :1653

AIS เตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุแผ่นดินไหวในภาคใต้

April 11th, 2012 No comments

นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า “ตามที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่หมู่เกาะสุมาตรา จนทำให้รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในหลายจังหวัดของภาคใต้ในประเทศไทย อันทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก และใช้โทรศัพท์มือถือโทรหาติดต่อหากันในเวลาเดียวเป็นจำนวนมากนั้น เอไอเอสในฐานะผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เราได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้การติดต่อสื่อสารสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ในกรณีเกิดภัยพิบัติ ดังนี้

เตรียมความพร้อมของระบบ Back up ทั้งหมด อาทิ ส่งทีมวิศวกรลงไปประจำและเฝ้าระวังที่สถานีฐาน, Stand by รถโมบาย และอุปกรณ์เครื่องปั่นไฟ, น้ำมัน ทั้งนี้หากกระแสไฟฟ้าดับ ระบบก็จะยังสามารถให้บริการอยู่ได้อย่างต่ำ 10 ชั่วโมง
เตรียมอพยพพนักงานและทีมงานอยู่ในที่ปลอดภัย

เตรียมความพร้อมในการจัดตั้งศูนย์อพยพ ช่วยเหลือประชาชน
ส่ง SMS แจ้งเตือนภัยให้กับลูกค้าเอไอเอสในพื้นที่เสี่ยงเกิดเหตุ ในจ.สตูล, ภูเก็ต, ตรัง, กระบี่, พังงา, ระนอง
อย่างไรก็ตามขณะนี้เครือข่ายยังสามารถรองรับการติดต่อสื่อสารได้ แต่เริ่มหนาแน่น เพราะมีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ดังนั้นเอไอเอสจึงใคร่ขอแนะนำให้ประชาชนทุกท่านโปรดใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงเวลานี้เท่าที่จำเป็น เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างราบรื่น โดยเอไอเอสได้เตรียมทีมงานคอยเฝ้าระวังและ monitor สถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว

View :1458

เอปสัน บุกตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเล่นกีฬาเปิดตัวนาฬิกาวัดอัตราการวิ่งระบบจีพีเอสที่เบาที่สุดในโลก

April 11th, 2012 No comments

ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น เปิดฉากรุกตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเล่นกีฬา ประเดิมสินค้าตัวแรก ด้วยนาฬิกาวัดอัตราการวิ่ง น้ำหนักเบาสุดในโลก ที่ให้ข้อมูลด้านระยะทาง ความเร็ว และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับนักวิ่ง

ระบบจีพีเอส น้ำหนักเบาสุดในโลก จากเอปสัน


ปัจจุบัน อุปกรณ์สำหรับกีฬาวิ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามจำนวนนักวิ่งทางไกลและรายการแข่งขันที่มีเพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก และเพื่อรองรับความต้องการที่กำลังเติบโตขึ้นนี้ เอปสันได้พัฒนานาฬิกาวัดอัตราการวิ่งระบบจีพีเอส ที่สวมใส่สบาย กินพลังงานน้อย แสดงข้อมูลสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวกับการวิ่งได้อย่างแม่นยำ กันน้ำลึก และเหมาะกับการวิ่งจ๊อกกิ้งสุดสัปดาห์ หรือใช้ลงแข่งขันอย่างจริงจัง

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “นาฬิกาวัดอัตราการวิ่งนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับระยะทาง ความเร็ว และอัตราเร่ง ของการวิ่งบนทุกพื้นผิว ด้วยระบบจีพีเอสที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวเรือน ทั้งยังมีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก ไม่ถึง 50 กรัม และบางเพียง 13 มิลลิเมตร นักวิ่งแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าได้สวมใส่มันอยู่ ส่วนแบตเตอรี่ยังมีอายุนาน และไม่จำเป็นต้องชาร์จเป็นประจำ เมื่อชาร์จเต็มแล้ว สามารถทำงานติดต่อกันนานถึง 12 ชั่วโมง ซึ่งให้เวลามากเกินพอ แม้แต่การแข่งขันวิ่งระยะไกล อย่างมาราธอน”

นอกจากนี้ นาฬิกาวัดอัตราการวิ่งของเอปสัน ยังสามารถกันน้ำลึก 50 เมตร เมื่อเทียบกับนาฬิกาจีพีเอสทั่วไป ที่กันน้ำได้ลึกสุดไม่ถึง 1 เมตร นานได้เต็มที่เพียง 30 นาที

“ความลับในการผลิตนาฬิกาวัดอัตราการวิ่งระบบจีพีเอส ที่ทั้งเบาและบาง ใช้พลังงานน้อย ในขณะที่สามารถตรวจวัดข้อมูลการวิ่งที่ถูกต้องแม่นยำได้เป็นเวลานานได้นั้น ก็คือประสบการณ์และเทคโนโลยีที่พัฒนามาอย่างยาวนาน ทั้งทางด้านเซมิคอนดักเตอร์ และกลไกทำงานระบบควอซต์”

“เอปสันกำลังจับตามองตลาดอุปกรณ์เพื่อสุขภาพและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการเล่นกีฬา ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยยึดหลักในการพัฒนาเทคโนโลยี ที่ว่าสินค้าของเอปสันจะต้องช่วยให้ผู้ใช้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ใช้พลังงานน้อย มีขนาดเล็ก สามารถสวมใส่ที่ข้อมือได้ และที่สำคัญต้องเชื่อมต่อผ่านเว็บได้” นายยรรยง กล่าวทิ้งท้าย

View :1720

วีเอ็มแวร์ เผยผลสำรวจ พนักงานในประเทศไทย เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีส่วนบุคคลในการทำงาน

April 11th, 2012 No comments

วีเอ็มแวร์ อิงค์ เผยผลผลการศึกษาเกี่ยวกับแนวทางใหม่ในการทำงาน (New Way of Work Study) ประจำปี 2555 พบว่า 9 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทยเลือกใช้อุปกรณ์พกพาส่วนบุคคล (personal portable device) และแอพพลิเคชั่นสำหรับการทำงาน

ผลการสำรวจในครั้งนี้ระบุว่าประเทศไทย (90%) ครองอันดับที่สามจากทั้งหมด 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น ตามหลังเกาหลีใต้ (95 เปอร์เซ็นต์) และจีน (94 เปอร์เซ็นต์)

เมื่อถามว่าพนักงานได้รับบริการสนับสนุนจากแผนกไอทีของบริษัทสำหรับอุปกรณ์พกพาส่วนบุคคลหรือไม่ ผู้ตอบแบบสอบถาม 35 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าตนเองไม่ได้รับบริการสนับสนุนใดๆ ขณะที่ 63 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าตนเองจะยังคงใช้ซอฟต์แวร์แบบปรับแต่งหรือแอพพลิเคชั่นบนเว็บตามที่ตนเองต้องการสำหรับการทำงาน ไม่ว่าจะได้รับการสนับสนุนหรือคำยินยอมจากแผนกไอทีของบริษัทหรือไม่ก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวนับเป็นตัวเลขสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีการสำรวจ

วีเอ็มแวร์ ผู้นำด้านเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่นและโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ บริษัทต่างๆ จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการจัดหาแอพพลิเคชั่นและบริการให้แก่พนักงาน และปรับใช้โซลูชั่นคลาวด์ คอมพิวติ้งที่เหมาะสม เพื่อเชื่อมโยงอุปกรณ์ที่หลากหลายที่ผู้ใช้เลือกใช้ในการทำงาน”

View :1311

อยากเป็นเถ้าแก่ใหม่ด้านไอที และอิเล็กฯห้ามพลาดเรียนจบแล้วเปิดร้านได้ทันที ในโครงการ NEC

April 11th, 2012 No comments

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ โรงเรียนแสงทองเทคโนโลยี จัดอบรมความรู้ สาขาอิเล็กทรอนิกส์และไอที ในโครงการ “เสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่” (New Entrepreneurs Creation : NEC) จำนวน 2 หลักสูตร ประกอบด้วย 1.อบรมคอมพิวเตอร์และมือถือ 2. อบรมช่างติดตั้งจานดาวเทียม และกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นอาชีพที่ตลาดกำลังต้องการมากที่สุด สามารถสร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้ ในปัจจุบัน และอนาคต ได้เป็นอย่างดี

สำหรับสิ่งที่ผู้เรียนได้รับ คือ ทักษะการซ่อมทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ และได้รับความรู้ต่อยอดด้านการบริหารจัดการร้าน เรียนจบแล้ว สามารถเป็นช่างมืออาชีพ และเป็นผู้ประกอบการใหม่ได้ทันที หรือนำความรู้ไปต่อยอดกิจการเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมถึงได้รับโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐได้ด้วย

สำหรับคุณสมบัติของผู้สมัคร เป็นผู้ที่ต้องการมีธุรกิจส่วนตัว หรือทายาทธุรกิจที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ จบการศึกษาระดับ ปวช. ขึ้นไป หรือเทียบเท่า และอายุไม่เกิน 60 ปี สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 25 เมษายน รับจำนวนจำกัด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02 304 2099 ต่อ 1207 และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.sttv.ac.th

View :1428

Honeywell เฟ้นหานักศึกษาทั่วเอเชีย แปซิฟิคเข้าร่วมการแข่งขันประจำปีบนเวที HUG 2012

April 10th, 2012 No comments

สนับสนุนความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตของนักศึกษาจากทุกสถาบันการทั่วโลก

(NYSE:HON)เปิดรับสมัครนักศึกษาทั่วเอเชีย แปซิฟิคเข้าร่วมการแข่งขันประจำปีบนเวที HUG 2012 ซึ่งจะมีนักศึกษาทั้งจากเกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น จีน ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์หวังสนับสนุนความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตของนักศึกษาจากทุกสถาบันการทั่วโลก

Honeywell คือ การแข่งขันประจำปีระดับนักศึกษาของกลุ่มผู้ใช้ Honeywell (Honeywell Users’ Group (HUG) Student Competition) ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค โดยเริ่มมีการแข่งขันครั้งแรกปี 2008 ในประเทศทางยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ต่อมาปี 2010 สหรัฐอเมริกาได้ส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและกระบวนการผลิต จากสถาบันการศึกษาทั่วโลก และในปี 2012 นักศึกษาในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคถูกท้าทายให้ใช้ Honeywell UniSim® Design Suite ซึ่งเป็นโซลูชั่นแบบจำลองกระบวนการการออกแบบที่สามารถแก้ปัญหาวิกฤติทางธุรกิจของโรงงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพในด้านการผลิต สร้างความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และใช้งานง่าย ทั้งนี้ด้านสภาพแวดล้อมเป็นอีกส่วนที่สำคัญของโจทย์ในการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อการแข่งขันครั้งนี้

ส่วนการตัดสินจะมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้คัดเลือกทีมผู้ชนะ พร้อมกันนี้ผู้ชนะการแข่งขันกับผู้ฝึกสอนจะได้เข้าร่วมการประชุม HUG conference ซึ่งจะจัดขึ้น ณ เซิฟเฟอร์ส พาราไดซ์ โกล์ดโคสต์ ประเทศออสเตรเลีย ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555 ทั้งนี้ทีมนักศึกษาผู้ชนะจะได้เข้าร่วมนำเสนอผลงานบนเวที HUG 2012 ระดับภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค

Honeywell เปิดรับสมัครนักศึกษาที่กำลังศึกษาในภาควิชาวิศวกรรม ระดับวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรองในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลี อินเดีย ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถส่งผลงานเข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งนี้ผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับรางวัลชมเชย 5 รางวัล โดยทีมที่ชนะและผู้ฝึกสอนจะได้เข้าร่วมการอบรม UniSim Design ระดับแอดวานซ์ได้หนึ่งคอร์สจากสองคอร์ส

กติกาการสมัครเข้าร่วมแข่งขันโครงการฯ โดยให้นักศึกษาเขียนโครงงานไม่เกิน 300 คำและจัดทำพรีเซนเตชั่นด้วยโปรแกรม PowerPoint ซึ่งจะต้องเขียนรายละเอียดตั้งแต่วัตถุประสงค์ ขั้นตอนการทดลอง เป้าหมายโครงการ ประโยชน์ที่คาดหวัง และการประเมินโครงการ พร้อมอธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ วิธีการส่งผลงานให้ส่งทางออไลน์เท่านั้น เปิดรับผลงานตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2012 ข้อมูลเพิ่มเติมในการสมัครเข้าไปที่ www.honeywellusersgroup.com ส่วนผลงานจากผู้ชนะปีที่ผ่านมาสามารถเข้าไปที่ www.facebook.com/HoneywellStudentEngineers

ราจีฟ กาลิลพัวร์, นักศึกษา สาขาวิศวกรรมเคมีและชีวโมเลกุล มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ซึ่งเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน HUG 2011 ระดับแปซิฟิค “สำหรับผลงงานของเขานั้นสร้างความประทับใจให้กับผู้ตัดสิน โดยการเขียนโครงงานแบบการจำลองของการเพิ่มประสิทธิภาพในการจับภาพคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งทำให้เขาได้รับความชื่นชมและยอมรับในไอเดียจากภาคอุตสาหกรรม”
นักศึกษาจากทั่วโลกได้นำเสนอผลงานอันโดดเด่น อาทิ นักศึกษาผู้ชนะการแข่งขัน HUG 2011 ไมรอสลาว์เปจิก กับ ฮาร์ส เจน จากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผลงานที่ชนะครั้งนี้ได้ออกแบบระบบควบคุมการกระจายของกริด และการควบคุมแบบไร้สาย นอกจากนี้ยังมี เพดร์ เอเมอร์ และ Nahir Torres ผู้ชนะจากกมหาวิทยาลัย Universidad de Oriente เวนเนซูเอลา ในหมวด UniSim ที่ร่วมสร้างแบบจำลองกระบวนการของแรงดันสูงหม้อไอน้ำ

ส่วนการประชุม EMEA users conference, ผู้ชนะได้แก่ Igor Krylov, จากสถาบัน Moscow Institute of Physics, และโครงงานของเขาซึ่งกำหนดความมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยของกระบวนการใช้แอมโมเนีย ซึ่งมีผลทำให้มีการรวมระบบเทคโนโลยีเตือนภัยใหม่นี้ในโรงงานที่มีการผลิตแอมโมเนียจริง

“การแข่งขัน HUG ระดับนักศึกษาช่วยเปิดโอกาสในการส่งเสริมอุตสาหกรรมให้กับนักศึกษาที่มีศักยภาพและความสามารถเพื่อเสนอไอเดียในการพัฒนาเทคโนโลยีให้กับภาคอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งสิ่งสำคัญในการนำนักศึกษาให้เข้าสู่กระบวนการคิด การพัฒนาและดึงศักยภาพ ความสามารถ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ ช่วยสร้างความมั่นใจจนนำไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมและกระบวนการคิดใหม่ๆ ให้กับภาคอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมีการแข่งขันสูง”

View :1834
Categories: Press/Release Tags:

dtac 3G ขยายบริการโมบายอินเทอร์เน็ตในรถลีมูซีน

April 10th, 2012 No comments

ดีแทคได้รับคัดเลือกจากโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน ให้เป็นผู้ติดตั้ง อุปกรณ์กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายในรถลีมูซีนของโรงแรมเพื่อให้บริการตอบสนองความต้องการในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตให้กับลูกค้าคนสำคัญในระหว่างเดินทาง ให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่น บนเครือข่าย ที่ดีกว่าและเร็วกว่า ทำให้มั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อจะไม่มีขาดตอน ตลอดการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิและสถานที่อื่น ๆ จนถึงโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน

เพ็ตเตอร์ เพ็ดเดอร์เซน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ และลูกค้าองค์กร บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) และแซมมี่ คาโรลุส ผู้จัดการใหญ่ โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน ร่วมกันแนะนำบริการโมบายอินเทอร์เน็ต ในรถลีมูซีนของโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน


ความร่วมมือของผู้ให้บริการจากทั้ง 2 อุตสาหกรรมกันในครั้งนี้ช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของทั้งสองฝ่ายโดยทำให้โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน เป็นโรงแรมแรกในหัวหินที่ริเริ่มให้ และช่วยให้ดีแทคขยายการบริการออกไปมากยิ่งขึ้นในช่วงที่กำลังขยายบริการ dtac 3G ให้ครอบคลุมทุกอำเภอทั่วทั้งประเทศ

สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจโรงแรม dtac goood business มีโซลูชั่นเทคโนโลยีไร้สายครบวงจรที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจแต่ละประเภทอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ และ dtac goood business ยังมีทีมบริการหลังการขายที่มีประสิทธิภาพที่พร้อมจะตอบข้อสงสัย เยี่ยมเยียน และให้คำปรึกษาลูกค้าโดยตรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกอย่างง่าย สบายใจ และเสมือนเป็นเพื่อนแท้ที่ดูแลธุรกิจของกลุ่มลูกค้าองค์กรอย่างแท้จริงอีกด้วย

View :1561

ฟอร์จูนทาวน์ปรับโฉมรีแบรนด์ ประเดิม “Mobile & Digital Camera Zone”

April 9th, 2012 No comments

ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ ภายใต้การบริหารของ บริษัทซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ เตรียมปรับโฉมใหม่ รีแบรนด์ภายใต้แนวคิด “IT Lifestyle Mall” ชู 3 โซนหลัก ไอทีมอลล์ ฟู้ดมอลล์ และไลฟ์สไตล์มอลล์

ฟอร์จูนทาวน์ปรับโฉมรีแบรนด์ ประเดิม “Mobile & Digital Camera Zone”


เตรียมรับการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC )ที่จะมีขึ้นในปี 2558 ก้าวสู่ศูนย์การค้าไอทีที่มีความหลากหลายและครบวงจร มุ่งสร้างความพึงพอใจ ตอบสนองสินค้าและบริการตามไลฟ์สไตล์ลูกค้ายุคดิจิตอล ประเดิมแปลงโฉมปรับโซนใหม่ “Mobile & Digital Camera” ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ มี.ค. ที่ผ่านมา บนพื้นที่กว่า 7,500 ตร.ม.

คาดปลายปีนี้ได้ยลโฉมเต็มรูปแบบ จากผลการสำรวจ ณ ปัจจุบันพบว่า กลุ่มเป้าหมายเข้ามาใช้บริการเป็นกลุ่มใหม่ใหม่ผลจากการเปิดของห้างใหญ่ฝั่งตรงข้าม อัตราค่าใช้จ่ายต่อครั้ง (Average Spending per time) เพิ่มขึ้น ถึง 3,000 – 3,500 บาท/คน มองเห็นโอกาสในการเพิ่มความถี่ในการใช้บริการภายในศูนย์การค้ามากกว่าเดือนละ 1 ครั้ง รวมถึงมีแนวโน้มลูกค้าต่างชาติเพิ่มมากขึ้น
 นายชัยวัฒน์ เอมวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน ตัวแทนผู้บริหารศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ เผยว่า ด้วยกระแส VDO Marketing online ที่ผู้บริโภคนิยมแชร์ข้อมูลผ่านโซเซียลเน็ตเวิร์ค ดังนั้น การสรรหาสินค้าที่มีคุณภาพ อย่างอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต กล้องถ่ายรูป และอุปกรณ์เสริมต่างๆ จึงเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันตลอด 24 ชั่วโมง ผนวกกับอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์จึงปรับพื้นที่ชั้น 2 ให้เป็นพื้นที่ของผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีสื่อสารและรักการถ่ายภาพ

โดยขยายธุรกิจตู้มือถือ ศูนย์จำหน่ายสินค้า Accessories Gadget mobile ดีไซน์ in trend มากมายทั้ง Tablet, iPhone, iPad, HTC, Samsung ฯลฯ อย่างร้าน Hip pro Shop นอกจากนี้ยังรวบรวมศูนย์จำหน่ายกล้องและอุปกรณ์ถ่ายภาพไว้มากที่สุดกว่า15 ร้านค้าชั้นนำ อาทิ Pix-One, BiG Camera, EC Mall, Photo Hut, Digital 2 Home, Sunny Camera, CAPA, Pixpros House, World Camera ฯลฯ

สำหรับกิจกรรมล่าสุดในช่วงเดือนเมษายนนี้ ทางศูนย์ฯ หวังสร้างคอมมูนิตี้คนรักการถ่ายภาพผ่านกิจกรรม Camera’s my Life เพียงซื้อสินค้า 500 บาทขึ้นไป ใน Digital Camera Zone ชั้น 2 แล้วแสกนหรือถ่ายภาพใบเสร็จโพสลงในเฟชบุ้ค Fortunetown รับสิทธิ์..ลงทะเบียนอบรมการถ่ายภาพ ฟรี กับสุดยอดปรมาจารย์ด้านการถ่ายภาพ อ.สงคราม โพธิ์วิไล ในหัวข้อ การใช้งานกล้องดิจิตอลในโหมดต่างๆ พร้อมเรียนรู้การจัดองค์ประกอบภาพ และเทคนิคการถ่ายภาพสินค้า Pack Shot

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นเด่นโดนใจ อาทิ ชุดไฟแฟลชถ่ายภาพ EXCELLA ทุกรุ่น ลดอีก 10 % จากราคาขาย จากร้าน CAPA , Rollei MiniDigi 2 MP จอ LCD 0.9”จำลองกล้อง Rolleflex ที่ให้รูปภาพเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส น้ำหนัก 100 กรัม พิเศษเพียง 5,990 บาท จากร้าน Sunny Camera , กล้อง Canon 550D +18-55 ISII พิเศษเพียง 18,700 บาท กล้อง Nikon D5100-18-55VR พิเศษเพียง 24,500 บาท พร้อมของแถมครบครัน จากร้าน EC Mall ฯลฯ ศูนย์การค้าฟอร์จูนทาวน์ แหล่งรวมสินค้าและอุปกรณ์ไอทีไว้อย่างครบครันกับแบรนด์ชั้นนำ การันตีคุณภาพจากกูรูตัวจริง มาร่วมพิสูจน์ได้แล้ววันนี้

From: http://www.cpthailand.com/Default.aspx?tabid=129&articleType=ArticleView&articleId=636

View :2441

นักพัฒนา Application ระดับโลก… ฝันที่เป็นจริงของคนยุคนี้

April 9th, 2012 No comments

เอไอเอส ทลายกำแพง นำคนกล้าคว้าโอกาสรุ่ง
App ขายของบนมือถือฝีมือคนไทย เตรียมฮิตหลังสงกรานต์

ตัวอย่าง items สินค้า ที่ต้องการซื้อขาย บน app shop spot


หนึ่งในอาชีพที่คนยุคนี้ใฝ่ฝันถึง คือการเป็นนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น หรือ App. บนมือถือประเภทสมาร์ทโฟน …เพราะหากทำ App. ได้โดนใจผู้บริโภค ผลตอบแทนมักจะยืนยาวมหาศาล …เมื่อ App. กำลังเป็นหนึ่งในอนาคตของโลก หลายประเทศจึงส่งเสริมให้เกิดนักพัฒนา App. ขึ้นในประเทศ เพราะมีส่วนสำคัญที่เป็นพลังขับเคลื่อนสังคมโลก สร้าง Social network โฉมหน้าใหม่ ๆ จนอาจส่งผลให้เกิดธุรกิจและเศรษฐกิจแนวใหม่ขึ้นได้ด้วย

จากการสำรวจพบว่า Application ที่เป็นฝีมือคนไทยมีไม่ถึง 0.5% ของ app. จำนวนกว่า 500,000 app.ทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่เฉพาะในประเทศไทยน่าจะมีผู้ใช้ mobile data มากกว่า 30-40 ล้านรายแล้ว

“บ้านเราน่าจะมี Talent อยู่เยอะ แต่พวกเขาขาดเวที ขาดโค้ชที่จะมาช่วยแนะนำให้เขาสามารถเริ่มต้นได้จริง ในขณะที่ต่างประเทศ หรืออย่างในซิลิคอนวัลเล่ย์ เปิดโอกาสให้คนมีไอเดียได้มีพื้นที่ทดสอบไอเดียของตัวเอง ทำให้มีโอกาสเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้ แต่เมืองไทยโลกของโอกาสยังแคบมาก ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว เอไอเอส ได้ลองนำอีเว้นท์ระดับโลก Startup Weekend ที่เปิดโอกาสให้คนมีไอเดีย นักพัฒนา นักโปรแกรมเมอร์ และนักการตลาดได้มาพบกัน จนสุดท้ายเราก็ได้ทีมนักพัฒนาที่มีศักยภาพจำนวนมาก ซึ่งสมาชิกทีมส่วนใหญ่เพิ่งจับกลุ่มรวมตัวกันในงานนี้ …มาส่งเสริมให้เขาเริ่มต้นธุรกิจการสร้าง app. ออกไปเสนอให้กับนักลงทุนทั่วโลก” นายปรัธนาลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส เปิดเผย

Shop Spot เป็นหนึ่งในทีมรองชนะเลิศของ “ Startup Weekend Bangkok 2011” เป็นทีมคนหนุ่มรุ่นใหม่ ที่ประกอบด้วยสมาชิกรวม 7 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ซึ่งพวกเขามีโอกาสได้บินไปเปิดประสบการณ์ครั้งสำคัญเป็นเวลา 100 วัน เพื่อพบเจอกับผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา App. เจ้าของธุรกิจดัง ๆ และนักลงทุนจากทั่วโลก ในงาน Boot Camp ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นงานที่ JFDI ผู้จัดงานนำ 12 ทีมจากหลายประเทศในเอเชียมาพบกันและเปิดพื้นที่ให้แต่ละทีมได้พัฒนา app. ของตัวเองอย่างเต็มที่ท่ามกลางการป้อนความรู้ ไอเดีย และการเปิดโอกาสให้ได้พบปะกับกูรู นักธุรกิจ และนักลงทุนจากทั่วโลก เพื่อศึกษาเรียนรู้ไอเดียจากคนเหล่านี้แล้วนำไปพัฒนาสุดยอด app ขึ้นมา

เกือบ 24 ช.ม. ที่ทำงานเพื่อ app shop spot


“เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งที่สุด พวกเราได้เจอคนเก่ง ๆ ไม่ว่าจากที่ซิลิคอนวัลเล่ย์หรือที่อื่น ๆ จากทั่วโลก ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนไอเดีย มาช่วยโค้ชเราว่า app. ของเราควรเป็นแบบนี้หรือเปล่า มาแชร์ประสบการณ์ เท่ากับช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจที่เรากำลังจะเริ่มต้น ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ เพราะการทำ app. ตัวหนึ่งไม่ใช่แค่ทำโปรดักส์ให้ใช้งานได้เท่านั้น ต้องมี Business อยู่ข้างใน และสุดท้ายคือต้องทำเงินได้” นายนัฏฐ์สกล เกียรติสุรนนท์ หรือปอ หัวหน้าทีม Shop Spot วัย 27 ปี กล่าว

“application Shop Spot นี้เราคิดขึ้นจากการสังเกตพฤติกรรมคนยุคใหม่ที่ชอบซื้อขายของออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในบ้านเรามีตลาดนัดขายของมือสองทั่วประเทศ พฤติกรรมแบบนี้มีอยู่แล้ว และเกิดขึ้นทุกวัน แต่การซื้อขายทางอินเตอร์เน็ททุกวันนี้ใช้เวลาค่อนข้างมาก และขั้นตอนเยอะ ดังนั้นเราจึงคิดให้ app. Shop Spot มีความพิเศษตรงที่ทำให้การซื้อขายง่ายขึ้น ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็อนุมัติขายได้ ดูโลเคชั่นได้ว่าสินค้าอยู่ใกล้ไกลแค่ไหน และซื้อขายได้ทั้งสินค้ามือสองและมือใหม่ …. ความพิเศษที่เรากำลังผลักดันอีกอย่างเป็นเรื่องของ personal online window shopping สามารถดูของ follow tag เหมือนมีแคตตาล็อคของตัวเอง วันนี้อยากดูเสื้อผ้ายี่ห้อ A ก็สามารถ follow tag โดยคนขายเสื้อยี่ห้อ A ทั้งหมดก็จะฟรีท มาหาเราเองโดยไม่ซ้ำกันเลย หรือถ้าจะซื้อก็เลือกได้ว่าต้องการยี่ห้อไหน สินค้าก็จะมาเสนอถึงหน้าจอเราทันที ระยะแรกจะเน้นสินค้าแฟชั่นและ สินค้าประเภท gadget เป็นหลัก เหมือนห้างที่ซื้อขายเฉพาะเรื่องนี้ ซึ่งกลางเดือนเมษายนนี้จะเปิดให้คนไทยดาวน์โหลดเล่นฟรี สำหรับผู้ใช้มือถือไอโฟนทุกค่าย ผมก็หวังว่าผู้ใช้จะสนุก และช่วยให้เขาซื้อขายของได้ง่ายขึ้น”

Meeting at Home ทำงานกันทุกที่ ทุกเวลาเพื่อ app shop spot


“ตอนนี้พวกเราก็ยังอยู่กันที่ Boot camp ทำงานกันแทบ 24 ชั่วโมงเพื่อให้เสร็จทัน 100 วันตามกำหนด ในแต่ละวันเราได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ได้เจอผู้รู้มากมายที่มาช่วยแชร์ไอเดีย เป็นความประทับใจที่เกิดขึ้นทุก ๆ วัน และส่งเสริมให้เราเกิดแรงบันดาลใจที่จะต้องทำออกมาให้ดีที่สุด เพื่อพิสูจน์ว่า app. ของเราจะไม่โตแค่ในตลาดเมืองไทย แต่จะไปทั่วตลาดเอเชีย ตอนนี้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว หลังจากที่เราเปิดให้คนได้ลองใช้กันแล้ว ก็ต้องเตรียมตัว present ให้กับนักลงทุนทั่วโลกที่จะมาฟังพวกเรานำเสนอในต้นเดือนพฤษภาคมนี้ เราต้องตอบให้ได้ว่า คนไทยเล่นเท่าไหร่ คนสิงคโปร์เล่นเท่าไหร่ หรือหากมีคนดาวน์โหลด 1 หมื่นคน เล่นได้จริงเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วตอบโจทย์ว่าเขาขายจริงได้เท่าไหร่ คือเรามีเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่จะพิสูจน์ตัวเลขนี้ครับ เริ่มต้นที่ตลาดไทย”

ปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส


ด้านนายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานบริการเสริม เอไอเอส กล่าวปิดท้ายว่า “เอไอเอส ตั้งใจที่จะสนับสนุนทีมนักพัฒนา application ให้ได้เกิดขึ้นเยอะ ๆ ในไทย เราจะได้มี app. ดี ๆ ให้ผู้บริโภค ดีใจที่การจัด AIS Startup weekend ช่วยให้คนหนุ่มกลุ่มนี้ได้มายืนอยู่จุดนี้ ตอนนี้พวกเขาใช้เวลาไปประมาณ 60 กว่าวันทำได้ขนาดนี้แล้ว แต่ถ้าเป็นชีวิตจริง ๆ นี่มันต้องใช้เวลาหลายปีนะในการเรียนรู้ขั้นตอน และการที่จะได้เจอคนที่มีความรู้ พบกูรูต่าง ๆ จากทั่วโลกก็ใช่ว่าจะเจอกันง่าย ๆ ตอนนี้โอกาสเปิดให้แล้ว ขึ้นอยู่กับพวกเขาทุกคนแล้วว่าจะทำได้สำเร็จไหม และสำหรับคนที่มีไอเดียอยู่แล้ว หรือมีของดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอเข้าประกวดไอเดีย สามารถเข้าตลาด mobile data ที่มันวิ่งอยู่บนอินเตอร์เน็ท เราสามารถสนับสนุนให้ไปถึงลูกค้าได้ และลูกค้าจะเป็นผู้ตัดสินว่าชอบหรือไม่ชอบเอง คุณไม่จำเป็นตั้งไปตั้งทุนบริษัทเป็นล้าน ๆ ใครมีไอเดีย เข้ามาคุยได้เลย อะไรที่คุยแล้วเข้าท่า สนับสนุนได้จะสนับสนุนทันที ไม่ต้องรองานประกวดไอเดีย ก็อยากเชิญชวนคนกล้าเข้ามาคุยกัน”

“ผมบอกได้เลยว่า Startup Weekend เป็นโครงการที่ดีมาก ๆ การทำ application 1 ตัวต้องการทักษะหลายด้าน ทั้งนักการตลาด นักดีไซน์ นักโปรแกรมเมอร์ บางครั้งเราต้องหาทีม หาคนมาทำร่วมกัน …ขอให้เริ่มต้นเลย ถ้ากล้าและมีไอเดีย ก็แชร์ไอเดียมาเลย อย่าปิดไอเดียตัวเอง กล้าแชร์จะได้พัฒนาให้เกิดขึ้นจริง พอมีไอเดียแล้วมันจะไปจุดประกายให้คนอื่น ๆ และเราก็จะได้สมาชิกเข้ามาสู่ทีม หากมีไอเดียแต่ไม่มีพื้นที่หรือโอกาสรองรับก็จบ…เข้ามากันเลยครับ มาเป็นรายแรก ๆ ที่ใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ สุดตัว สุดกำลังกัน” นายนัฏฐ์สกล เกียรติสุรนนท์ หรือปอ หัวหน้าทีม ทิ้งท้ายให้กับคนมีไอเดียที่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ การเริ่มต้นอยู่…

แน่นอนว่า …คนไทยเตรียมตัวพบกับ app. Shop spot ฝีมือคนไทยที่มีแผนสร้างความฮิตไปทั่วเอเชีย…และทั่วโลกในอนาคตอันไม่ไกลนี้

View :3842