Archive

Archive for the ‘Technology’ Category

ก.ไอซีที ระดมสมองภาครัฐ – เอกชน แปลงกรอบนโยบาย ICT 2020 สู่แผนปฏิบัติการ

September 21st, 2011 No comments

นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยเกี่ยวกับการประชุมชี้แจงและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระยะ พ.ศ. 2554 – 2563 ของประเทศไทย (ICT 2020) ว่า ประเทศไทยได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระดับมหภาค ซึ่งเป็นแนวนโยบายระยะยาว 10 ปี มาตามลำดับ โดยเริ่มจากกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารฉบับแรก เมื่อปี พ.ศ.2539 (IT 2000) และกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ.2544 – 2553 ของประเทศไทย (IT 2010)

“เมื่อระยะเวลาของกรอบนโยบาย IT 2010 ใกล้จะสิ้นสุดลง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2550 ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) จัดทำกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554 – 2563 ของประเทศ (ICT 2020) ขึ้น เพื่อให้นโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศมีความต่อเนื่อง และเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้ใช้ เป็นแนวทางในการพัฒนาหรือปรับแผนแม่บทด้าน ICT ของหน่วยงานให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสาระสำคัญของกรอบนโยบาย ICT 2020 ฉบับนี้ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ เป้าหมาย และยุทธศาสตร์ 7 ยุทธศาสตร์ โดยใช้ ICT เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการนำพาคนไทยสู่ความรู้และปัญญา เศรษฐกิจไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สังคมไทยสู่ความเสมอภาค และเพื่อพัฒนาประเทศไทยไปสู่ Smart Thailand ในปี ค.ศ. 2020 หรือปี พ.ศ.2563” นางจีราวรรณ กล่าว

กรอบนโยบาย ICT 2020 ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในการประชุม เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554 โดยคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงฯ เป็นหน่วยงานหลัก ทำหน้าที่ในการกำกับดูแล บริหารจัดการตามกรอบนโยบาย ICT 2020 ให้เป็นวาระแห่งชาติด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ รวมทั้งรับผิดชอบจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ฉบับที่ 3 และฉบับที่ 4 ซึ่งแต่ละฉบับจะครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี ภายในช่วงระยะเวลาของกรอบนโยบาย ICT 2020 คือ ระหว่าง พ.ศ.2554 – 2563 โดยจะมีการประเมินผลเพื่อติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานเมื่อครบกำหนดครึ่งระยะเวลาของกรอบนโยบายฯ หรือในปี 2558

นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ กระทรวง กรม และรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงาน ดำเนินการตามบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของหน่วยงาน ตามที่ระบุไว้ในกรอบนโยบาย ICT 2020 เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศมีการ บูรณาการระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดสรรทรัพยากร ได้แก่ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน นำกรอบนโยบาย ICT 2020 มาใช้เป็นแนวทางในการจัดสรรทรัพยากรทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ตลอดช่วงระยะเวลาของกรอบนโยบาย ICT 2020

“ดังนั้น เพื่อเป็นการชี้แจงและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และโทรคมนาคม ในระยะ 10 ปีให้มีความต่อเนื่องจากกรอบนโยบายเดิม รวมทั้งสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของโลกได้ กระทรวงฯ จึงได้จัดการประชุมฯ ครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนได้รับทราบและมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ให้บรรลุตามเป้าหมายของกรอบนโยบายฯ และปรับแผน ICT ของหน่วยงานให้สอดคล้องกับกรอบนโยบาย ICT 2020 รวมถึงรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมการแปลงกรอบนโยบาย ICT 2020 สู่การปฏิบัติในรูปของแผนปฏิบัติการ โดยจะมีการจัดทำแผนแม่บท ICT ฉบับที่ 3 ของประเทศไทยต่อไป

และหลังจากการจัดประชุมฯ ในครั้งนี้แล้ว กระทรวงฯ จะได้จัดการประชุมสัมมนาเพื่อชี้แจงและเผยแพร่กรอบนโยบาย ICT 2020 ให้แก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในส่วนภูมิภาค อีก 4 ครั้ง ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระหว่างเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2554 นี้ด้วย” นางจีราวรรณ กล่าว

View :1723

สนข.รุกคืบพัฒนาระบบรายงานสภาพจราจรแบบ Real Time หลังจากประสบความสำเร็จเปิดเว็บไซต์ บริการข้อมูลรายงานจราจรผ่าน www.itsotp.net และทางระบบมือถือ m.itsotp.net

September 19th, 2011 No comments

ล่าสุดเพิ่มข้อมูลจากเครือข่ายกว่า10 หน่วยงาน เพื่อให้บริการข้อมูลทั้งด้านที่จอดรถ รายงานสภาพอากาศ เที่ยวบิน แบบเรียลไทม์ ช่วยเป็นตัวเลือกก่อนตัดสินใจเดินทางแก่ประชาชน พัฒนาขึ้นสู่ สังคมออนไลน์ Face book และ Smart Phone ถือเป็นรายเดียวที่ให้บริการข้อมูลครบสมบูรณ์

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากที่สนข.ได้เปิดให้บริการข้อมูลรายงานการจราจรแบบเรีลไทม์ ผ่าน www.itsotp.net และทางระบบมือถือ m.itsotp.net เมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากประชาชนกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี มีผู้เข้าใช้บริการทางเว็บไซต์กว่า 10,000 คนต่อเดือนและทางมือถืออีกว่า10,000 คนต่อเดือน และทางหน่วยงานได้มีการพัฒนาระบบข้อมูลเพื่อการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง พร้อมทั้งมีการเชื่อมต่อข้อมูลซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลจราจรจากหน่วยงานอื่นๆที่นอกเหนือจากหน่วยงานสนข.เอง อาทิ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กองบังคับการกองตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน)เป็นต้น

“เราได้มีการพัฒนาข้อมูลเพิ่มเติม ที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจก่อนการเดินทาง ล่าสุด ได้เพิ่มระบบรายงานที่จอดรถสาธารณะแบบReal Time ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินเฉลิมพระเกียรติ บีทีเอส และแอร์พอร์ตเวลลิงค์ กว่า 10 แห่ง ที่จอดรถสาธารณะ รฟม.กว่า100 แห่ง และที่จอดรถในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุม ซึ่งข้อมูลนี้จะรายงานจำนวนที่จอดรถว่าง อัตราค่าบริการ แผนที่ตั้งของที่จอดรถ นับว่าอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่

มีระบบรายงานข้อมูลไฟล์การบินที่สนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) แบบ Real Time สำหรับท่าอากาศยานในประเทศ 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ,เชียงใหม่,ภูเก็ต,หาดใหญ่ และแม่ฟ้าหลวงเชียงราย

นอกจากนี้ยังมีระบบรายงานสภาพอากาศที่ได้เชื่อมต่อกับกรมอุตินิยมวิทยา ซึ่งช่วยให้ผู้เดินทางสามารถตรวจสอบสภาพอากาศของเมืองต่างๆทั้งในและต่างประเทศซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดและข้อมูลอนาคตได้อีกด้วย และปัจจุบันสนข.อยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมต่อข้อมูลเพิ่มเติมจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และศูนย์ควบคุมอาชญากรรมและสั่งการจราจรของตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี จัดทำระบบนำร่องการบริหารจัดการข้อมูลให้การบริการรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย รวมทั้งระบบข้อมูลระบบขนส่งสาธารณะแบบ บูรณาการ ทั้งระบบอีกด้วย

นางสร้อยทิพย์กล่าวต่ออีกว่า ทางสนข.ได้เพิ่มช่องทางการให้ข้อมูลการจราจรผ่านเครือข่ายออนไลน์ Facebook โดยค้นหา “Thai Trafinfo Page ” จากนั้นกด Like หน้าดังกล่าว หรือสามารถ twitter ด้วยการสมัครFollwer ของ “ ThaiTrafinfo ” ติดตามข้อมูลการจราจรล่าสุด และรวมแชร์ข้อมูลให้กับเครือข่ายให้กับเพื่อนในสังคมออนไลน์ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ได้จัดทำระบบรายงานสภาพการจราจร ผ่านทางระบบมือถือแบบ Smart Phone ได้แก่โทรศัพท์ ไอโฟน และ สมาร์ทโฟน ต่างๆที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android และสามารถดาวโหลด แอพพลิเคชั่นชื่อ “ Thai Trafinfo ” ได้ทาง App Store ของ ไอโฟน และ Market ของระบบ Android นับเพิ่มความสะดวกให้กับคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี

ระบบแนะนำข้อมูลการจราจรและการเดินทาง

ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กระทรวงคมนาคม ได้ทำการพัฒนาระบบรายงานสภาพการจราจรแบบ Real Time เพื่อให้บริการข้อมูลข่าวสารสภาพจราจรแก่ประชาชนผู้เดินทางสำหรับใช้วางแผนการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัดในลักษณะของเส้นสีบนแผนที่โครงข่ายถนนซึ่งจำแนกตามระดับการติดขัดของการจราจร และภาพการจราจรจากกล้อง CCTV มาอย่างต่อเนื่องซึ่งแหล่งที่มาของข้อมูลสภาพจราจรนี้มีทั้งส่วนที่เป็นของสนข.เองและสนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลมาจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ได้แก่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กองบังคับการตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร กรมทางหลวง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัททางยกระดับดอนเมือง จำกัด(มหาชน) เป็นต้น โดยผู้เดินทางสามารถตรวจสอบข้อมูลก่อนเดินทางได้ทั้งทางเว็บไซต์ http://www.itsotp.net และทางระบบโทรศัพท์มือถือที่ m.itsotp.net ล่าสุด สนข.ได้ทำการพัฒนาและปรับปรุงระบบฯให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น มีการบูรณาการข้อมูลที่เกี่ยวข้องการเดินทางเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาวิธีการติดตามข้อมูลสภาพจราจรให้มีช่องทางหลากหลายเพิ่มขึ้น ได้แก่

 ระบบรายงานสภาพจราจรผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ Facebook โดยผู้เดินทางที่ใช้งาน Facebook สามารถติดตามข้อมูลได้โดยทำการค้นหา “Thai Trafinfo Page” จากนั้นกด “ ถูกใจ หรือ Like” Page ดังกล่าว เสร็จแล้วก็จะสามารถติดตามข้อมูลสภาพจราจรล่าสุดได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องตลอดเวลา นอกจากนี้ ผู้เดินทางสามารถร่วมแชร์ข้อมูลสภาพจราจรให้เพื่อนในเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้รับทราบโดยการพิมพ์ข้อความรายงานสภาพจราจรบน Wall ของ Thai Trafinfo Page ได้อีกด้วย

 ระบบรายงานสภาพการจราจรผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ twitter โดยการสมัครเป็น Follower ของ “ThaiTrafinfo” ก็จะสามารถติดตามข้อมูลสภาพจราจรล่าสุดและร่วมแชร์ข้อมูลให้กับเพื่อนในเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน

 ระบบรายงานสภาพจราจรผ่านทางระบบโทรศัพท์มือถือแบบ Smart Phone ได้แก่ โทรศัพท์ และ Smart Phone ต่างๆที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android โดยสามารถ download แอพพลิเคชั่นชื่อ “Thai Trafinfo” ได้ทาง App Store ของ และ Market ของระบบ Android

 ระบบรายงานที่จอดรถสาธารณะตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล รถไฟฟ้าบีทีเอส และแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชน และส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น โดยผู้เดินทางสามารถตรวจสอบข้อมูลที่จอดรถสาธารณะบริเวณสถานีรถไฟฟ้าและบริเวณใกล้เคียง อาทิเช่น จำนวนที่จอดรถทั้งหมด จำนวนที่จอดรถว่างในขณะนั้น (ข้อมูลในส่วนนี้มีเฉพาะที่จอดรถตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคลซึ่งสนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลมาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) แบบ Real Time โดยจัดทำเป็นโครงการนำร่องในที่จอดรถ 2 แห่ง ได้แก่ อาคารจอดรถลาดพร้าวและศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) อัตราค่าบริการจอดรถ แผนที่ที่ตั้งของที่จอดรถ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการรายงานข้อมูลที่จอดรถสาธารณะประเภทอื่นๆ ในเขตกทม.และปริมณฑลด้วย อาทิเช่น ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ศูนย์ประชุม เป็นต้น

 ระบบรายงานข้อมูลไฟลท์การบินที่สนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลมาจากบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยผู้ใช้งานสามารถที่จะตรวจสอบข้อมูลสถานะการบริการของไฟลท์การบินต่างๆ แบบ Real Time สำหรับท่าอากาศยานภายในประเทศจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

 ระบบรายงานสภาพอากาศที่สนข.ได้ทำการเชื่อมต่อข้อมูลมาจากกรมอุตุนิยมวิทยาซึ่งจะช่วยให้ผู้เดินทางสามารถตรวจสอบสภาพอากาศของเมืองต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยข้อมูลสภาพอากาศที่รายงานจะประกอบด้วยข้อมูลสภาพอากาศล่าสุด และข้อมูลการพยากรณ์สภาพอากาศล่วงหน้า

นอกจากนี้ ปัจจุบัน สนข.อยู่ระหว่างดำเนินการเชื่อมต่อข้อมูลเพิ่มเติมจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และศูนย์ควบคุมอาชญากรรมและสั่งการจราจรของตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี การจัดทำระบบนำร่องการบริหารจัดการข้อมูลการให้บริการรถไฟของการรถไฟแห่งประเทสไทย (รฟท.) รวมทั้งการพัฒนาระบบแนะนำการเดินทางทั้งที่เป็นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและระบบขนส่งสาธารณะแบบบูรณาการซึ่งครอบคลุมทั้งระบบรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าและเรือโดยสารประจำทางด้วย

View :2759
Categories: Press/Release, Technology Tags:

กทท. จัดเสวนาเตรียมความพร้อมใช้ระบบ e-Gate เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ

September 19th, 2011 No comments

การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จัดเสวนาการผ่านเข้า-ออกประตูตรวจสอบอัตโนมัติ () สำหรับผู้ประกอบการ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และพนักงาน กทท. รวมกว่า 250 คน ในวันที่ 20 กันยายน 2554 นี้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติงานร่วมกัน รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายเฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผู้อำนวยการการท่าเรือฯ เปิดเผยว่า กทท.จะจัดเสวนาการผ่านเข้า-ออกประตูตรวจสอบอัตโนมัติ (e-Gate) สำหรับผู้ประกอบการหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและพนักงาน กทท. รวมกว่า 250 คน ในวันที่ 20 กันยายน 2554 นี้ ณ ห้องประชุมชั้น 19 อาคารที่ทำการ กทท.เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในระเบียบ ประกาศที่เกี่ยวข้องกับระบบ e-Gate และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมี ผศ.ดร.สมนึก คีรีโต ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและ อ.สุรชัย กรีวัชรินทร์ ผู้จัดการโครงการสถาบันฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรือตรี ทรงธรรม จันทประสิทธิ์ นักบริหาร 15 ประจำผู้อำนวยการ กทท. และเจ้าหน้าที่ระดับสูง กทท. ร่วมเป็นวิทยากรในการเสวนาฯ

สำหรับการพัฒนาและติดตั้งระบบควบคุมการผ่านเข้า-ออก (e-Gate) ที่ ทกท. ตามโครงการพัฒนาสู่การบริการในระบบท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์ () นั้น ขณะนี้ระบบฯ ดังกล่าวผ่านการทดสอบความพร้อมในการปฏิบัติงานและได้ทดลองระบบฯ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ควบคู่กับการเปิดลงทะเบียนทำบัตรอนุญาตบุคคลและยานพาหนะผ่านเข้า-ออก ทกท. สำหรับผู้ใช้บริการ โดยมีกำหนดเปิดใช้งานระบบ e-Gate เต็มรูปแบบทุกช่องทางในวันที่ 1 ตุลาคม 2554 นี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริการตามมาตรฐานสากลและสอดคล้องตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของเรือและท่าเรือระหว่างประเทศ หรือ ISPS Code (International Ship and Port Facilities Security Code)

ทั้งนี้ ได้มีการดำเนินการติดตั้งระบบ e-Gate ดังกล่าวที่ประตูด่านตรวจสอบจำนวน 3 ประตู และประตูด่านควบคุมภายในเขตรั้วศุลกากร ทกท. จำนวน 4 ประตู โดยเป็นการทำงานระบบอัตโนมัติด้วยการใช้เทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) ในการอ่านหมายเลขตู้สินค้าและ RFID (Radio Frequency Identification) ในการตรวจสอบสิทธิบุคคลและยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออก ทกท. ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถตรวจสอบหมายเลข สภาพความชำรุดเสียหายของตู้สินค้า รวมทั้งรายละเอียดต่างๆ ของยานพาหนะที่ผ่านเข้า-ออกตามบัตร RFID ได้ทันที ซึ่งเจ้าของสินค้าจะต้องแจ้งข้อมูลทั้งหมดล่วงหน้า และมีการบันทึกลงบัตร RFID โดยกระบวนการตรวจสอบโดยผ่านบัตร RFID ดังกล่าว จะใช้เวลาไม่เกิน 30 วินาที/คัน ซึ่งจะสามารถลดขั้นตอนด้านเอกสาร เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสอบข้อมูล การจราจรมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพด้านการรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการ

View :1634

ไอดีซีเปิดตัวแอพพลิเคชันใหม่ ให้ผู้ใช้ไอโฟนและไอแพด เกาะติดเทรนด์เทคโนโลยีได้ทุกที่ทุกเวลา

September 19th, 2011 No comments

ไอดีซีเปิดโอกาสให้ซีไอโอและผู้บริหารที่ทำงานเกี่ยวข้องกับไอทีได้อัพเดตข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งเกาะติดเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแวดวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย/แปซิฟิกก่อนใคร ผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานได้บนไอโฟนและไอแพด

คือแอพพลิเคชั่นฟรีที่พัฒนาโดยไอดีซี ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานไอโฟนและไอแพดได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับตลาดไอซีที พร้อมทั้งได้รับข้อคิดเห็นจากเหล่านักวิเคราะห์ของไอดีซีได้แบบทุกที่ทุกเวลา โดยไอดีซีจะนำเสนอข้อมูลที่ได้จากการวิจัยตลาดในแง่มุมต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิกได้นำไปใช้ประกอบการตัดสินใจจัดซื้อสินค้าและบริการด้านไอซีทีต่อไป

นายเจสัน โกรัท รองประธานฝ่าย Integrated Marketing Programs ของไอดีซีประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวถึงแอพพลิเคชั่นตัวใหม่นี้ว่า “ซีไอโอและผู้บริหารหลายท่านได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเป็นผู้นำหน้ากระแสที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาในอุตสาหกรรมไอซีที วัตถุประสงค์หลักของแอพพลิเคชั่น Info On The Go ของไอดีซีคือการช่วยให้เหล่าผู้บริหารที่มีงานล้นมือทั้งหลายได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในแวดวงเทคโนโลยีที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนด้านเทคโนโลยีทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของพวกเขาได้”

คุณสมบัติเด่นของแอพพลิเคชั่น Info On The Go คือการนำเสนอ:
• ข้อคิดเห็นจากนักวิเคราะห์ การวิเคราะห์ล่าสุดทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เพื่อช่วยให้คุณได้ตรวจสอบและเกาะติดเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลายๆ อุตสาหกรรม
• ข้อมูลอัพเดตและสถิติของการใช้จ่ายด้านไอซีทีล่าสุด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการลงทุนด้านไอซีที
• ข้อมูลเฉพาะเทคโนโลยีและเฉพาะอุตสาหกรรมกว่า 20 หมวดหมู่เช่น คลาวด์ สิ่งคำคัญสำหรับซีไอโอ ดาต้าเซ็นเตอร์ เวอร์ชวลไลเซชั่น แอพพลิเคชั่นบนมือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ท โซเชียลมีเดีย กลยุทธ์การสรรหา การบริการด้านการเงิน ข้อมูลภาครัฐและสาธาณสุข ภาคการผลิตและภาคค้าปลีก
• Who’s Who: แนะนำนักวิเคราะห์ของไอดีซีที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในตลาดและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ประจำอยู่ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
• อัพเดตล่าสุดเกี่ยวกับการการสัมมนา เวิร์คช็อป การประชุมโต๊ะกลม และ การบรรยายสรุปโดยนักวิเคราะห์ของไอดีซี ที่จัดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

โดยแอพพลิเคชั่น Info On The Go ของไอดีซีนั้นเปิดให้ผู้ใช้ไอโฟนและไอแพดได้ดาวน์โหลดจาก App Store

ไอดีซีจะทำการเปิดตัวแอพพลิเคชั่น Info On The Go อย่างเป็นทางการในงานสัมมนา ’s Asia/Pacific Mobile Everything Conference ที่จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 15 กันยายน 2554 ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสัมมนาครั้งนี้ได้ที่ http://www.ap..asia/events/view/?event_id=172&loc_id=172

View :1866

สวทช/ก.วิทย์ ฯร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา/ก.พาณิชย์ ร่วมมือกันในการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศ ด้วยการคุ้มครองผลงานวิจัย

September 19th, 2011 No comments

ร่วมกับ (สวทช.)จัดพิธีลงนาม “บันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนางานด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม” โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์) เป็นประธานและสักขีพยาน พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

โดย ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการสวทช. กล่าวว่า “ผลงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งมีมากมาย และล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่สำคัญของประเทศ ผลงานวิจัยเหล่านี้เป็นผลงานที่สามารถได้รับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในประเภทต่างๆ อาทิ สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ แบบผังภูมิวงจรรวม เป็นต้น นอกเหนือจากที่ สวทช.ได้ดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนคุ้มครองผลงานของตนแล้ว ยังให้บริการแก่ประชาชนในการยื่นขอจดทะเบียนคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาด้วย และทางด้านกรมทรัพย์สินทางปัญญาในฐานะที่เป็นหน่วยงานให้บริการจดทะเบียนคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาก็ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของ สวทช. ที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับการคุ้มครองผลงานวิจัย การส่งเสริมการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ตามนโยบายและแผนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งกำหนดเป้าหมายในการยกระดับขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของไทย ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับ 11”

ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวเสริมอีกว่า“นอกจากนี้ เพื่อให้บันทึกความตกลงนี้มีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง ทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการแนบท้ายบันทึกความตกลง โดยในปี2555จะมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาระบบการตรวจสอบสิทธิบัตรให้มีประสิทธิภาพโดยการจัดทำคู่มือและการจัดการอบรมในเรื่องการตรวจสอบการประดิษฐ์ให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี( หรือ TLO) ทั้งภายใต้สังกัด สวทช. และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั่วประเทศ จัดให้มีการสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมด้านการออกแบบ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้คำปรึกษาแก่นักวิจัยในประเด็นการพิจาณาความใหม่และขั้นการประดิษฐ์ของสิทธิบัตร รวมทั้งแนวทางการปฏิบัติงาน “

View :1561

ควอลคอมม์ผนึกไมโครซอฟท์นำเครื่องพีซีต้นแบบแห่งยุคอนาคตที่สนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ใหม่และชิปเซ็ทตระกูลสแนปดราก้อนของควอลคอมม์จัดสาธิตในงานประชุมนักพัฒนา BUILD ของไมโครซอฟท์

September 16th, 2011 No comments

ควอลคอมมม์ผนึกไมโครซอฟท์นำเทคโนโลยีชิปเซ็ทสแนปดราก้อนรุ่นใหม่ของควอลคอมม์ที่ใช้ในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่มาใช้ในเครื่องพีซีรุ่นแรกที่สนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ส่งผลให้ควอลคอมม์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปเซ็ทในปัจจุบันที่มีสมรรถนะในการผลิตชิปเซ็ทที่สามารถรองรับทั้งสมาร์ทโฟนและเครื่องพีซี ทั้งนี้ ไมโครซอฟต์ได้จัดแสดงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องพีซีเครื่องแรกที่รันด้วยระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 และใช้หน่วยประมวลผลสแนปดราก้อนรวมทั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อ Gobi ของควอลคอมม์ภายในงานประชุมนักพัฒนา BUILD ของไมโครซอฟท์เมื่อเร็วๆนี้ ก่อนประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป

สำหรับวิดีโอคลิปเกี่ยวกับเทคโนโลยีชิปเซ็ทสแนปดราก้อนรุ่นใหม่ของควอลคอมม์ที่ใช้ในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่และสนับสนุนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สามารถดูได้ที่
watch?v=8Qu7iESwL8E&feature=channel_video_title

View :1808

โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ เตรียมส่งโซลูชั่นล้ำสมัยครบวงจรตอบโจทย์ความต้องการของภาครัฐและองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่

September 14th, 2011 No comments

อิงค์ (หรือมีชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กว่า MSI) ประกาศวิสัยทัศน์มุ่งนำผลิตภัณฑ์ครบวงจร เจาะทุกตลาดในไทย ตอบสนองความต้องการของภาครัฐ องค์กรที่ดูแลทางด้านการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ และองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ร่วมสร้าง
ความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจไทยในระยะยาว

โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ คือ ผู้นำทางด้านบริการและผลิตภัณฑ์การสื่อสารที่มีความสำคัญระดับ mission-critical สำหรับลูกค้าองค์กรและภาครัฐ บริษัทมีผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายประเภทตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ได้แก่ โซลูชั่นเพื่อยกระดับความปลอดภัยสาธารณะโซลูชั่นการสื่อสารเคลื่อนที่ที่มีความสำคัญต่อภาคธุรกิจ เครื่องอ่านบาร์โค้ดและข้อมูลที่ทันสมัย (advanced data capture) ระบบสื่อสารเพื่อการควบคุมและสั่งการแบบครบวงจร ระบบ WLAN และบริการอันล้ำสมัย บริษัทมีฐานลูกค้าทั่วโลก และมีการดำเนินงานใน 65 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โมโตโรล่า โซลูชั่นส์มีการดำเนินงานใน 16 ประเทศ และได้เดินหน้าพัฒนาโซลูชั่นการสื่อสารเคลื่อนที่รุ่นใหม่สำหรับภาครัฐ องค์กรที่ดูแลด้านการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ ตลอดจนลูกค้าองค์กรธุรกิจต่างๆ ครอบคลุมทุกภาคอุตสาหกรรม อาทิ การค้าปลีก ระบบขนส่ง & โลจิสติกส์ น้ำมัน & ก๊าซ ธุรกิจดูแลสุขภาพ การผลิต ระบบซัพพลายเชน และโรงแรมที่พัก

· โซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ

โมโตโรล่าเป็นผู้นำทางด้านโซลูชั่นเพื่อความปลอดภัยสาธารณะมานานถึง 80 ปี โดยมีประสบการณ์ในการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ สำหรับองค์กรที่ดูแลทางด้านการรักษาความปลอดภัยสาธารณะ หน่วยงานภาครัฐ และผู้ใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์การสื่อสารที่มีความสำคัญแบบ mission critical ที่มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่วางไว้ ซึ่งได้แก่ TETRA และ APCO P25 ที่ได้รับความไว้วางใจทั่วโลก

ด้วยความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ขึ้นแท่นผู้นำในการพัฒนาโซลูชั่นความปลอดภัยสาธารณะรุ่นใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีโมบายล์บรอดแบนด์ ผนวกกับระบบการทำงานร่วมกัน และแอพพลิเคชั่นมัลติมีเดีย อาทิ ระบบวิดีโออัจฉริยะ (video excellence) ระบบควบคุมและสั่งการแบบผสมผสาน อุปกรณ์ล้ำสมัย ซึ่งโซลูชั่นทั้งหมดนี้ทำงานผ่านระบบการสื่อสารระดับ mission-critical เพื่อให้องค์กรที่ดูแลด้านการรักษาความปลอดภัยสาธารณะมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

· อุตสาหกรรมขนส่ง

โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ คือ หนึ่งในผู้นำทางด้านโซลูชั่นการสื่อสารระดับ mission-critical สำหรับการขนส่ง ที่ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรธุรกิจทางด้านการขนส่ง อาทิ เครือข่ายรถไฟทางไกล เครือข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเมืองต่างๆ สนามบิน และท่าเรือได้อย่างครบถ้วน โดยสนับสนุนและรองรับทั้งทางด้านการเชื่อมโยงเครือข่าย การดำเนินการและซ่อมบำรุง ความปลอดภัยในการเดินทาง และระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ เสริมสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีขึ้น โดยที่ผ่านมา โมโตโรล่า โซลูชั่นส์เป็นผู้วางระบบการสื่อสารแบบ mission-critical ทั้งทางด้านระบบการสื่อสารด้วยเสียงและข้อมูลที่ปลอดภัยให้แก่ผู้ให้บริการระบบรถไฟกว่า 30 ราย ลูกค้ารายใหญ่ของโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิกมีหลายราย อาทิ เซี่ยงไฮ้เมโทร ปักกิ่งเมโทร ฮ่องกงเมโทร ไต้หวัน ไฮสปีด เรล เดลฮีเมโทร เดลฮีเมโทร เอ็กซ์เพรสไลน์ มุมไบเมโทร เอ็กซ์เพรส เรล ลิงค์ มาเลเซีย โซลเมโทร มนิลา แอลอาร์ที และเอสเอ็มอาร์ที เมโทรในประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ยังพัฒนาโซลูชั่นการสื่อสารระดับ mission-critical ขนาดใหญ่ให้แก่สนามบินและท่าเรือชั้นนำอีกหลายแห่งทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

· อุตสาหกรรมค้าปลีก

การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้โซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น มีความคล่องตัว ในการดำเนินงานมากขึ้น และมีสมรรถนะในการสร้างผลกำไรดีขึ้นเป็นที่ต้องการมากขึ้นตามไปด้วย โมโตโรล่า โซลูชั่นส์มีความพร้อมในการช่วยเหลือผู้ค้าปลีกไทยในการเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค เพิ่มประสิทธิผลและพลังในการดำเนินงาน บริหารซัพพลายเชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เพื่อผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นขององค์กร

· อุตสาหกรรมดูแลรักษาสุขภาพ

โมโตโรล่า โซลูชั่นส์จัดทำโซลูชั่นพิเศษที่มุ่งเน้นรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วย เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ รักษาความปลอดภัยในการสื่อสาร และสนับสนุนการเชื่อมโยงกันได้อย่างราบรื่น ไร้รอยสะดุด โซลูชั่นอันโดดเด่นดังกล่าว ได้แก่ เครื่องอ่านบาร์โค้ดและข้อมูลที่ทันสมัย (data capture) เพื่อให้บุคลากรด้านสาธารณสุขสามารถบริหารการดำเนินงานที่จุดตรวจ และช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสถานพยาบาลดูแลผู้ป่วยได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น นวัตกรรมโซลูชั่นดังกล่าวจะช่วยสถานพยาบาลดูแลและจัดการระบบ กระบวนการ และสถานที่ดำเนินการที่มี
ความซับซ้อน อาทิ หน่วยการแพทย์เฉพาะทาง อุปกรณ์การแพทย์ อาคารที่มีการใช้งานร่วมกัน ระบบเครือข่ายแบบไร้สายที่ปลอดภัยและราบรื่น เพื่อสร้างประสบการณ์การให้บริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพให้แก่ผู้ป่วย

· อุตสาหกรรมโลจิสติคส์และซัพพลายเชน

โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ มีโซลูชั่นการสื่อสารเคลื่อนที่ที่ปลอดภัยและมีเสถียรภาพซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้แก่อุตสาหกรรมซัพพลายเชน การผลิต และโลจิสติคส์ทั้งหมด ปัจจุบัน โซลูชั่นของบริษัทได้รับเลือกให้นำไปใช้ในระบบซัพพลายเชนของบริษัทชั้นนำต่างๆ อาทิ เนสท์เล่ มาเลเซีย โตโยต้า ฟิลิปปินส์ คอนซอร์เที่ยม และผู้ให้บริการระบบโลจิสติคส์ชั้นนำ อาทิ ดีเอชแอล เฟดเดอรัล เอ็กซ์เพรส ทีเอ็นที และมาเลเชี่ยน โพสต์ เป็นต้น

· อุตสาหกรรมโรงแรมที่พักและการท่องเที่ยว

โซลูชั่นเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อาทิ โซลูชั่น Asset Management and Tracking for Hospitality โซลูชั่น Hotel Guest Service โซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยในการสื่อสารด้วยเสียงมีคุณภาพตรงตามและเหนือกว่ามาตรฐานที่ใช้อยู่ในอุตสาหกรรมภาคบริการ โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ได้พัฒนาโซลูชั่นเฉพาะด้านหลากหลายประเภทสำหรับธุรกิจโรงแรมที่พักโดยเฉพาะ

· โซลูชั่นการเชื่อมโยงแบบไร้สาย

โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ได้พัฒนาระบบเครือข่ายบรอดแบนด์แบบไร้สายที่มีต้นทุนต่ำแต่ให้ความปลอดภัยสูง โดยใช้สถาปัตยกรรมล้ำสมัย อาทิ โซลูชั่นการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายแบบไร้สาย WiNG 5 และ AirDefense เพื่อให้องค์กรธุรกิจต่างๆ นำเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่อันทรงพลังมาใช้สนับสนุนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีแต้มต่อในการแข่งขัน

นางสุปราณี เกื้อกูลเงิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย และผู้จัดการฝ่ายขาย สายงานบริการภาครัฐและความปลอดภัยสาธารณะ ระบบเครือข่ายไร้สาย บริษัท โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โมโตโรล่า โซลูชั่นส์ มีความตั้งใจจริงที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพให้แก่ภาครัฐและธุรกิจในประเทศไทย เราจึงได้มุ่งมั่นพัฒนาโซลูชั่นการสื่อสารที่มีความสำคัญระดับ mission critical เพื่อช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการสื่อสารของไทย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นพัฒนาประเทศไทยให้เป็นประเทศแห่งองค์ความรู้ชั้นนำของโลก ทั้งนี้ จากประสบการณ์การดำเนินงานอันยาวนานในประเทศไทยได้ขับเคลื่อนให้เราสามารถนำความรู้และวิทยาการชั้นนำระดับโลก ทักษะและความเชี่ยวชาญของบุคลากรในไทย และข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมของอุตสาหกรรมการสื่อสารของไทยมาใช้พัฒนาโซลูชั่นใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในไทยได้อย่างครบถ้วน การจัดตั้งโมโตโรล่า โซลูชั่นส์ทำให้เรามีกลยุทธ์ในการดำเนินงานที่มีความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีและตรงจุดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีทั้งต่อลูกค้า พนักงาน และพันธมิตรโดยรวมทั้งหมด”

View :1440

ไอบีเอ็มครองแชมป์อันดับ 1 บริการไอทีในอาเซียน

September 13th, 2011 No comments

ไอบีเอ็มครองแชมป์อันดับ 1 ส่วนแบ่งการตลาดอาเซียนทางด้านบริการไอที ในเอเชียแปซิฟิก ในครึ่งปีหลัง 2553 จากผลการวิเคราะห์ของบริษัท ไอที อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น หรือ ระบุว่า ได้จัดอันดับให้ มีรายได้จากบริการไอทีในอาเซียนในช่วงปี 2553 ทิ้งห่างคู่แข่งที่ตามมาเป็นอันดับสอง 31 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ไอบีเอ็มยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในด้านบริการเอาต์ซอร์สและการจัดการแอพพลิเคชั่นอีกด้วย

กลุ่มธุรกิจโกลบอล เซอร์วิสเซส (Global Services) เป็นธุรกิจสำคัญในกลยุทธ์ของไอบีเอ็มสำหรับการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานไอที รวมถึงข้อมูลเชิงลึกและโซลูชันทางด้านธุรกิจให้แก่ลูกค้า โซลูชันเหล่านี้ประกอบด้วยซอฟต์แวร์และระบบชั้นนำสำหรับลูกค้าในทุกภาคอุตสาหกรรมของไอบีเอ็ม รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ของพันธมิตรรายอื่นๆ เพื่อตอบสนองในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างครบวงจร กลุ่มธุรกิจโกลบอล เซอร์วิสเซส แบ่งเป็นสองส่วน ได้แก่ โกลบอล เทคโนโลยี เซอร์วิสเซส (Global Technology Services หรือ GTS) และ โกลบอล บิสซิเนส เซอร์วิสเซส (Global Business Services หรือ GBS)

GTS เป็นการจัดหาบริการโครงสร้างพื้นฐานไอทีและบริการทางด้านระบบงานธุรกิจ โดยมอบคุณค่าทางธุรกิจ จากความเชี่ยวชาญและการดำเนินงานระดับโลกของไอบีเอ็ม รวมถึงการกำหนดมาตรฐานและระบบงานอัตโนมัติ ส่วน GBS ทำหน้าที่จัดหาบริการระดับผู้เชี่ยวชาญและบริการด้านการจัดการแอพพลิเคชั่น โดยมอบคุณประโยชน์ทางธุรกิจและนวัตกรรมให้แก่ลูกค้าในรูปแบบของโซลูชั่นที่ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญทางด้านอุตสาหกรรมและระบบงานธุรกิจ พร้อมทั้งผนวกรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์ชั้นนำของไอบีเอ็มและพันธมิตร เพื่อยกระดับบริการที่เหนือชั้นสำหรับลูกค้า

นายยศ กิมสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจบริการ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบัน ลูกค้ามุ่งหวังว่าผู้ให้บริการจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อกระตุ้นการเติบโตและเสริมสร้างขีดความสามารถสำหรับการแข่งขันในตลาดโลก ความสำเร็จของไอบีเอ็มเป็นผลมาจากความสามารถของเราในการผสานรวมความเชี่ยวชาญทางด้านอุตสาหกรรมเข้ากับความรู้ทางด้านเทคโนโลยี รวมไปถึงซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกและความสามารถด้านการวิจัยที่ก้าวล้ำ นี่คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากผู้ให้บริการในปัจจุบัน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในตลาด”

เมื่อปีที่แล้ว ไอบีเอ็มทำสัญญาสำคัญๆกับหลายบริษัทชั้นนำทั่วภูมิภาคนี้ รวมถึงสัญญาที่ทำกับ เคลียร์ริ่งเฮ้าส์สำหรับศูนย์ให้บริการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย รวมถึง Singapore Health Services Pte Ltd, Prudential Indonesia, Philippine Nature Spring, และ Multimedia Development Corporation (MDeC) ในมาเลเซีย

View :1414

NSTDA Investors’ Day ประจำปี 2554 “ลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ เพื่อความมั่งคั่งและยั่งยืน”

September 12th, 2011 No comments

ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นประธานในการเปิดงานแถลงข่าวการจัดงาน ประจำปี 2554 โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และหน่วยงานพันธมิตร อาทิ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) จับมือพันธมิตรทางการเงินอย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมสนับสนุน อาทิ บมจ.โพสต์ พับลิชชิ่ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมจัดงานภายใต้แนวคิด “ลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ เพื่อความมั่งคั่งและยั่งยืน” ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมื่อวันพุธที่ 7 กันยายน 2554
          
เทคโนโลยีกับการส่งเสริมงานวิจัยสู่ภาคเอกชนในเชิงพาณิชย์” ความโดยสรุปว่า รัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และการถ่ายทอดผลงานวิจัยออกสู่ภาคธุรกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจของไทยเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งจะต้องส่งเสริมให้นักวิจัยมีแนวความคิดทางด้านธุรกิจ และสร้างงานวิจัยให้ตรงกับความต้องการของตลาดในสภาวะปัจจุบันมากขึ้น
ด้าน ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวถึงรายละเอียดในงานว่า ด้วย สวทช. เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่สร้างคุณค่าให้แก่เศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยอาศัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นฐาน และสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ และถ่ายทอดให้มีผู้นำไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ตามพันธกิจหลักขององค์กร โดยสนับสนุนให้ภาคเอกชนได้ใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและเทคโนโลยีของ สวทช. และนำไป ต่อยอดธุรกิจให้เกิดมูลค่าเพิ่มและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้แก่ธุรกิจ รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง อันจะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการ รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน ตลอดจนการมุ่งผลักดันให้ประเทศไทยแข็งแกร่งและเจริญรุ่งเรืองบนเวทีเศรษฐกิจระดับโลก สวทช. ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้าง พัฒนา และส่งเสริมให้เกิดธุรกิจเทคโนโลยีในประเทศอย่างแพร่หลาย จึงได้วางแผนที่จะจัดงาน NSTDA Investors’ Day ขึ้น
 
 โดยให้เป็นกิจกรรมประจำปี เพื่อเสนอผลงานวิจัยและเทคโนโลยีที่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีศักยภาพสูงในการลงทุนผลิตเป็นสินค้าหรือบริการ “ผลงานเด่น” เพื่อให้กลุ่มนักลงทุนเป้าหมายได้มีโอกาสเข้าถึง หรือเลือกซื้อ ผลงานวิจัยและเทคโนโลยีดังกล่าว โดยเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา งาน NSTDA Investors’ Day ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก ถือได้ว่าความประสบความสำเร็จและได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนและ ผู้ประกอบธุรกิจอย่างดีเยี่ยม โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวน 400 คน จากกว่า 190 บริษัท ซึ่งมีนักลงทุนที่สนใจผลงานเด่นและขอเจรจาธุรกิจจำนวน 33 ราย และมีผู้สนใจขอเจรจาผลงาน ที่น่าสนใจอื่นๆ อีกจำนวน 18 ราย

สำหรับงาน NSTDA Investors’ Day ประจำปี 2554 นี้ เป็นการจัดงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 22 กันยายน 2554 เวลา 08.00 – 16.30 น. ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมี Theme ของงานคือ เทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงานหรือ Green Technology  โดยการจัดงานดังกล่าว ทาง สวทช. มีความประสงค์จะเรียนเชิญ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาเป็นประธานของงานฯ และแสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “นโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนวัตกรรม”  ซึ่งงานในปีนี้จะเชิญหน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาร่วมแสดงผลงานด้วย เพื่อให้งาน NSTDA Investors’ Day เป็นเสมือน platform ของหน่วยงานในกระทรวงวิทย์ฯ ที่ใช้สำหรับนำเสนอผลงานวิจัยและเป็นเวทีให้แก่นักวิจัยในการนำเสนอผลงานต่อนักลงทุน โดยภายในงานจะมีกิจกรรมการนำเสนอผลงานวิจัยและเทคโนโลยีต่อนักลงทุน นักอุตสาหกรรม (Investment Pitching Session) รวมทั้งเปิดให้มีการเจรจาธุรกิจสำหรับนักลงทุนที่สนใจ (One on One Matching) เพื่อให้เกิดการลงทุนจริงในเชิงพาณิชย์อีกด้วย นอกจากนี้ งานดังกล่าวยังประกอบด้วยส่วนของการจัดสัมมนาวิชาการ ส่วนแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีต่างๆ จากทั้ง 4 ศูนย์แห่งชาติของ สวทช.และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ

View :1412

ควอลคอมม์แต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่

September 9th, 2011 No comments

ควอลคอมม์ อินคอร์ปอเรทเต็ด (หรือใช้ชื่อในตลาดหุ้นนาสเด็ก คือ QCOM) ประกาศแต่งตั้งนายวู มินห์ ทรี ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการประจำภูมิภาคอินโดจีนและประเทศไทย ก่อนหน้านี้ นายทรีเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทั่วไปประจำประเทศเวียดนาม กัมพูชาและลาว ควอลคอมม์ อินคอร์ปอเรทเต็ด สำหรับการดำรงตำแหน่งใหม่ดังกล่าว นายทรีจะดูแลและบริหารกลยุทธ์การตลาดและการดำเนินธุรกิจของควอลคอมม์ในตลาดไทยและอินโดจีน


สำหรับตลาดไทย นายทรีจะสานสัมพันธภาพและความร่วมมือกับผู้ให้บริการ ผู้รับจ้างผลิต (OEM) และผู้จัดจำหน่ายระดับท้องถิ่นให้มีความมั่นคงและแข็งแกร่ง และขับเคลื่อนให้ธุรกิจทั้งหมดเหล่านี้ได้รับประโยชน์จากระบบสื่อสารโทรคมนาคมของไทยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยจะเข้ามาทำหน้าที่แทนคุณคนึงจิตร สุริยะธำรงกุล ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการประจำประเทศไทยที่มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งและพัฒนาบริษัทควอลคอมม์ในประเทศไทยให้เติบโตอย่างโดดเด่นตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งควอลล์คอมม์ขอขอบคุณคุณคนึงจิตรที่ได้ร่วมสร้างสรรค์ควอลคอมม์ให้ประสบความสำเร็จมา ณ โอกาสนี้ และขออวยพรให้คุณคนึงจิตรประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ นายทรียังมีภารกิจมุ่งสนับสนุนการพัฒนาระบบการสื่อสารโทรคมนาคมในภูมิภาคอินโดจีน โดยนำประสบการณ์ทางด้านอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สายมาใช้สนับสนุนพันธมิตรผู้ให้บริการระบบ 3จีของควอลคอมม์ทั้งทางด้านการวางกลยุทธ์เสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และการนำโซลูชั่นระบบเครือข่ายมาใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อเผยแพร่เทคโนโลยี 3จีออกสู่ชุมชนต่างๆ ในแต่ละประเทศ

ก่อนเข้าร่วมงานกับควอลคอมม์ นายทรีเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทั่วไป บริษัท ยาฮู! เวียดนาม จำกัด ซึ่งดูแลและบริหารธุรกิจของยาฮู! ในประเทศเวียดนามอย่างครบวงจร ก่อนหน้านี้ นายทรีเป็นผู้จัดการทั่วไป บริษัท โซนี อิริคสัน เวียดนาม ซึ่งนายทรีได้พัฒนาธุรกิจของโซนีให้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง โดยมีอัตราการเติบโตทั้งทางด้านปริมาณการขายและรายได้เป็นตัวเลข 3 หลัก และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 2 เท่า

ไทยและอินโดจีนเป็น 2 ตลาดหลักที่สำคัญของควอลคอมม์ โดยมีการพัฒนาอุตสาหกรรมการสื่อสารเคลื่อนที่มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชากรในท้องถิ่นมีสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดีขึ้น และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ทั่วโลก

View :1354
Categories: Press/Release, Technology Tags: