Archive

Archive for the ‘Technology’ Category

เอชพีจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศ (HP COE) แห่งใหม่ล่าสุดในอินเดีย รองรับลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าในประเทศไทย

September 4th, 2012 No comments

รองรับแพลทฟอร์ม SAP HANA® สนับสนุนองค์กรต่างๆ วิเคราะห์ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มแต้มต่อในการแข่งขันมากขึ้น ขับเคลื่อนองค์กรต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียสร้างความเป็นเลิศทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

กรุงเทพฯ 4 กันยายน 2555 – เอชพีประกาศเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศแห่งใหม่ (HP Center of Excellence : ) ในเมืองเชนไน ประเทศอินเดีย เพื่อสนับสนุนลูกค้าทั่วโลกรวมทั้งลูกค้าในประเทศไทย ทั้งนี้ การเปิดศูนย์ความเป็นเลิศแห่งใหม่ดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนลูกค้าองค์กรต่างๆ นำแพลทฟอร์ม SAP HANA® มาใช้พัฒนาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนสร้างสรรค์แนวคิดและหลักการใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้ขับเคลื่อนธุรกิจของตนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

การตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล และความคล่องตัวในการจัดการโอกาสใหม่ๆ คือสองปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้องค์กรต่างๆ มีขีดความสามารถในการสร้างผลกำไรและมีแต้มต่อในการแข่งขันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่หรือโมบิลิตี้ เสริมด้วยสื่อสังคมออนไลน์ และระบบคลาวด์คอมพิวติ้งที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนข้อมูลในปริมาณมหาศาล ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายในจัดเก็บ สร้าง และเรียนรู้ทำความเข้าใจจากข้อมูลที่มีอยู่เพื่อนำมาใช้สร้างความเป็นเลิศให้แก่ธุรกิจของตนได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ

ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ที่รองรับแพลทฟอร์ม SAP HANA มีผู้เชี่ยวชาญประจำการเพื่อคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลในหน่วยความจำได้โดยตรง (in-memory computing) ช่วยให้ลูกค้าสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเมื่อเทียบกับเดิมที่ใช้เวลานานเป็นชั่วโมง กระบวนการประมวลผลข้อมูลจากหน่วยความจำประกอบด้วยการจัดเก็บข้อมูลไว้บนแรม (RAM) ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่แยกพิเศษ และมีความเร็วกว่าการใช้ดิสก์ปกติถึง 10,000 เท่า

บริการที่ใช้แพลทฟอร์ม SAP HANA เหล่านี้จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยมีมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีการตัดสินใจได้เร็วขึ้น เมื่อนำมาใช้ผนวกกับโซลูชั่น HP Business Intelligence (HP BI) ระบบการวิเคราะห์ และระบบการพัฒนาแอพพลิเคชั่น จะส่งผลให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าใช้และศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจที่เดิมไม่เคยมีการศึกษาวิเคราะห์มาก่อนเพื่อนำมาใช้สนับสนุนธุรกิจของตนได้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริการของศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE สนับสนุนโซลูชั่น Information Optimization และระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพี (HP Converged Infrastructure) โดยประกอบด้วยบริการ BI Assessment, บริการ BI Analytics, บริการ Enterprise Reporting, แพลทฟอร์มการทำคอลลาบอเรชั่น (collaboration platform) และการจัดการองค์ความรู้ (Knowledge Management)

ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE เป็นการพัฒนาต่อยอดจากระบบ HP BI โดยมุ่งเน้นให้คำปรึกษาเพื่อให้องค์กรต่างๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับต้นทุน การดำเนินการ และประโยชน์ที่ได้รับจากการพัฒนาระบบไอทีของตนให้ล้ำสมัยโดยใช้แพลทฟอร์ม SAP HANA ทั้งนี้ ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE เป็นส่วนต่อขยายจากโมเดลการให้บริการทั่วโลกของเอชพี (HP’s global delivery model) โดยมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมในกลุ่มเดียวกันให้มีองค์ความรู้ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน

แอนิตา พอล ผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจ Enterprise Applications, Enterprise Servers เอชพี เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “สำหรับองค์กรที่ต้องการประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมีการตัดสินใจตามข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ภารกิจที่ท้าทายองค์กรต่างๆ คือ การดึงข้อมูลดิบที่มีปริมาณมากออกจากระบบ และแปลงให้เป็นข้อมูลที่ทรงคุณค่าและใช้งานง่ายได้อย่างรวดเร็ว ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ใหม่ดังกล่าวจะนำความรู้ความชำนาญที่มีอยู่อย่างลึกซึ้งมาใช้พัฒนาระบบการวิเคราะห์ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และมีศักยภาพในการจัดการข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อให้องค์กรต่างๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของตนได้อย่างรวดเร็วและโดยทันที”

ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ที่รองรับแพลทฟอร์ม SAP HANA จะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ดังนี้

· ย่นระยะเวลาในการนำสินค้าออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น โดยวางรากฐานรองรับโซลูชั่น Business Intelligence (BI) พร้อมเปิดให้บริการวางแผน สร้าง ใช้งาน และพัฒนาแพลทฟอร์ม BI

· เพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจต่างๆ โดยใช้เครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้าน SAP HANA ที่มีความรู้ความชำนาญและทักษะ เพื่อช่วยองค์กรต่างๆ ให้สามารถผนวกรวมระบบสารสนเทศอันหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อพัฒนาการดำเนินงานให้มีความเป็นเลิศทั่วทั้งองค์กร

· สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยนำโซลูชั่นสุดล้ำมาใช้แก้ไขปัญหาทางธุรกิจเฉพาะด้าน ศึกษาวิเคราะห์นวัตกรรมเทคโนโลยีและแนวคิดต่างๆ และพัฒนาเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิผลในการทำงาน

· เปิดให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทางธุรกิจและเทคโนโลยีเรียนรู้จากประสบการณ์จริงโดยตรงเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานและลดค่าใช้จ่าย โดยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเก่าที่มีความซับซ้อนให้เป็นเทคโนโลยีสุดล้ำและเปี่ยมประสิทธิภาพด้วยการจัดแสดงเทคโนโลยีและการทำงานแบบอินเตอร์แอคทีฟที่ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE

ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ดังกล่าว เป็นศูนย์การศึกษาและวิจัยอย่างครบวงจร ทั้งยังช่วยขับเคลื่อนเอชพีให้เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่น SAP HANA ชั้นนำ ศูนย์ความเป็นเลิศ HP COE ให้บริการคำปรึกษาและติดตั้งโซลูชั่น BI อย่างครบวงจร โดยนำโซลูชั่นของบริษัทต่างๆ มาทำงานบนแพลทฟอร์ม SAP HANA ภายใต้สภาพแวดล้อมที่รองรับเทคโนโลยีโซลูชั่นของ SAP

นับเป็นระยะเวลากว่า 20 ปีที่เอชพีผนึกกำลังกับเอสเอพีร่วมกันพัฒนาโซลูชั่นสุดล้ำ เพื่อช่วยองค์กรต่างๆ นำเทคโนโลยีมาใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของลูกค้าของตนได้อย่างครบถ้วน ที่ผ่านมา เอชพีได้ติดตั้งแอพพลิเคชั่น SAP มากกว่า 77,000 ชุดทั่วโลก และในจำนวนแอพพลิเคชั่น SAP ที่เอชพีได้ติดตั้งทั้งหมดทั่วโลกได้ใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบผนวกของเอชพีเกือบร้อยละ 50 นอกจากนี้ เอชพียังเป็นผู้นำระดับโลกทางด้านการให้บริการผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่รองรับสภาพแวดล้อมของ SAP โดยสนับสนุนผู้ใช้งานจำนวน 1.7 ล้านรายในมากกว่า 50 ประเทศ

เอชพีมีกำหนดจัดงาน HP Discover ระหว่างวันที่ 4 – 6 ธันวาคม 2555 ณ เมืองแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี

View :1382

ไซแมนเทค จับมือ เรดแฮท ประกาศความร่วมมือนำเสนอโซลูชั่นเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือ การกู้คืนข้อมูลหลังภัยพิบัติ

August 31st, 2012 No comments

30 สิงหาคม 2555 – คอร์ป (NASDAQ: SYMC) และเรดแฮท อิงค์ (NYSE: RHT) ได้ประกาศขยายความร่วมมือในการส่งมอบโซลูชันที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับใช้ไพรเวท คลาวด์และไฮบริด คลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสร้างศูนย์ข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นสูง การขยายความความร่วมมือในครั้งนี้จะครอบคลุมทั้งเรื่องวิศวกรรม การตลาด การสนับสนุน และการขายของทั้งสองบริษัท จากการใช้งานจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว โซลูชั่นใหม่นี้จะนำเอาพลังของ Red Hat Enterprise Linux และโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูล และ Availability Solutions ของไซเมนเทคมารวมเข้าด้วยกันเพื่อส่งมอบระบบที่มีความพร้อมในการใช้งานสูง และคล่องตัวมากขึ้น ในขณะเดียวกันองค์กรต่างๆ ก็สามารถปรับใช้แอพพลิเคชั่นที่สำคัญต่อธุรกิจได้อย่างมั่นใจ

คลิ๊กเพื่อทวีต: ไซแมนเทค จับมือ นำเสนอโซลูชั่นในการทำงานร่วมกับคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างยืดหยุ่น http://bit.ly/KKFfTo

หลายองค์กรได้นำลีนุกซ์มาใช้งานอย่างรวดเร็วในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มทางเลือกซึ่งพวกเขากำลังมองหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อคงความได้เปรียบด้านการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน และกำลังเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในขณะที่งบประมาณด้านไอทียังเท่าเดิม ด้วยโซลูชั่น Red Hat Enterprise Linux ที่มีความยืดหยุ่นสูง จึงเป็นแพลตฟอร์มทางเลือกเชิงกลยุทธ์สำหรับการใช้งานไพรเวทคลาวด์ ซึ่งความมั่นใจว่าระบบจะสามารถรักษาระดับของการให้บริการได้ตลอดเวลาจะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ องค์กรใน Fortune 500 มากกว่าร้อยละ 80 ได้นำเอา Red Hat Enterprise Linux มาใช้งาน ขณะที่ไซเมนเทคในฐานะผู้นำด้านการปกป้องแอพพลิเคชันทางธุรกิจ ได้นำเอาชุดโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูล และ availability management เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานอย่างต่อเนื่อง สำหรับแอพพลิเคชันแบบหลายชั้น (multi-tier application) โดยรองรับบนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทั้งสตอเรจ, ระบบปฏิบัติการ และแพลตฟอร์มด้านการทำเวอร์ชวลไลเซชั่น ทำให้บริษัทใน Fortune 500 ถึงร้อยละ 99 ได้นำเอาโซลูชั่นโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูล และ availability management ของไซแมนเทคไปใช้งาน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากบล็อกโพสต์: Cloud and Data Center Resiliency Is No Prisoner’s Dilemma

ไซแมนเทค และเรดแฮทจะร่วมกันเสนอโอกาสที่จะช่วยในการจัดการโซลูชั่นที่มีความสำคัญ ซึ่งใช้กับคลาวด์ และที่ติดตั้งไว้ในศูนย์ข้อมูล ผ่านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบปฏิบัติการที่ยืดหยุ่นในสภาพแวลล้อมแบบเปิด โซลูชั่นที่เกิดจากความร่วมมือดังกล่าวนี้จะช่วยการกู้คืนข้อมูลจากภัยพิบัติโดยอัตโนมัติ ช่วยปรับปรุงการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับศูนย์ข้อมูลที่มีหลายระบบปฏิบัติการ และระบบจัดเก็บข้อมูลหลายๆ ตัว และระบบที่สามารถทำงานทดแทนกันได้เมื่อระบบหนึ่งระบบใดมีปัญหาสำหรับฐานข้อมูลของออราเคิล

การกู้คืนข้อมูลจากภัยพิบัติแบบ Off-Premise โดยอัตโนมัติ
Cluster Server ที่ทำงานบน Red Hat Enterprise Linux ให้คุณสมบัติการกู้คืนระบบจากภัยพิบัติไปยังไซต์ในระยะไกล โดยการทำ fail-over แอพพลิเคชันแบบหลายชั้น (multi-tier application) ไปยังศูนย์สำรอง นอกจากนี้คลัสเตอร์เซิร์ฟเวอร์ยังช่วยจัดการระดับชั้นการสำเนาข้อมูลระยะไกล (replication) เพิ่มความง่ายในกระบวนการทำ DR ตัวโซลูชันยังมาพร้อมกับความสามารถในการทำทดสอบ fail-over โดยไม่มีผลกระทบกับการทำงานของระบบงานหลัก เพื่อให้เรายังคงมั่นใจได้ว่า การกู้คืนจะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเมื่อจำเป็น ไม่ว่าจากเหตุการณ์ ไฟดับ, ภัยธรรมชาติหรือสาเหตุอื่นๆ

เพิ่มการจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับศูนย์ข้อมูลที่มีระบบปฏิบัติการ และระบบจัดเก็บข้อมูลหลายๆ ตัว
สำหรับองค์กรที่ซื้อและติดตั้งโซลูชั่นด้านการจัดเก็บข้อมูลจากผู้ค้าหลายๆราย ซึ่งโซลูชั่นเฉพาะทางแต่ละตัวก็จะทำให้สภาพแวดล้อมของระบบจัดเก็บข้อมูลมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น และมักจะส่งผลให้ขาดคุณสมบัติความต่อเนื่องในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญที่ถูกจัดเก็บบนสตอเรจที่หลากหลาย Storage Foundation Dynamic Multi-Pathing ที่ทำงานบน Red Hat Enterprise Linux ให้โซลูชั่นที่ทำงานข้ามแพลตฟอร์มซึ่งเป็นแบบเดียวกันเพิ่มความง่ายในการบริหารจัดการในระบบระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์มสตอเรจที่หลากหลาย ด้วยโซลูชั่นดังกล่าวนี้ องค์กรต่างๆ จะมีทางเลือกในการจัดเก็บข้อมูลที่มีความคุ้มค่า และสามารถต่อรองราคาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ได้โดยที่ระบบไม่หยุดชะงัก และไม่ต้องติดตั้งเครื่องมือเฉพาะทางตัวใหม่ผ่านแพลตฟอร์มด้านการจัดการข้อมูลแบบเบ็ดเสร็จตัวเดียว

เพิ่มความคุ้มค่าให้กับระบบ Failover สำหรับฐานข้อมูลของออราเคิล
หลายองค์กรใช้ฐานข้อมูลของออราเคิลเพื่อเพิ่มผลผลิตในการทำงาน และช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้น และได้รับข้อมูลในการตัดสินใจมากขึ้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากธุรกิจต้องพึ่งพาฐานข้อมูลเหล่านี้อย่างมาก เมื่อฐานข้อมูลมีปัญหาก็ส่งผลให้สูญเสียรายได้ เสื่อมเสียชื่อเสียง และอาจถึงขั้นถูกปรับในกรณีที่ไม่สามารถให้บริการตามระดับของบริการที่ตกลงกันไว้ Storage Foundation Cluster File System และ Cluster Server ที่ทำงานบน Red Hat Enterprise Linux ให้ระบบ failover สำหรับฐานข้อมูล ของออราเคิลที่ทำงานได้รวดเร็วมาก ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้อินสแตนฐานข้อมูลของออราเคิลโดยเสียค่าค่าใช้จ่ายน้อยลงในขณะที่มีระบบ failover ที่ทำงานได้ในเวลาไม่ถึงนาที นอกจากนี้ Cluster Server ยังสามารถประสานการทำ failover แอพพลิเคชั่นแบบมัลติเทียร์เพื่อให้การจัดการสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อนง่ายขึ้น และบริการทางธุรกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุกชะงักอย่างแท้จริง
เทคโนโลยี Cluster File System, Cluster Server และ Storage Foundation จากผู้นำตลาดอย่างไซแมนเทค พร้อมกับ Red Hat Enterprise Linux จะเป็นพื้นฐานสำหรับสถาปัตยกรรมร่วม นอกจากนี้ไซแมนเทคและเรดแฮทจะร่วมทีมกันเพื่อเพิ่มความร่วมมือในด้านวิศวกรรม การตลาด และการสนับสนุน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นใหม่ๆ จะมีเพิ่มเติมในภายหลัง

คำกล่าวสนับสนุน:
“Red Hat Enterprise Linux เป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดของเราสำหรับซอฟต์แวร์ด้านการจัดการสตอเรจ และความพร้อมในการใช้งานสูง(high availability software) และมีลูกค้ามากขึ้นที่เลือกใช้งาน Linux เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและคงความสามารถในการแข่งขันก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับไซแมนเทค เรามุ่งเน้นกำลังเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างเรากับเรดแฮทในประเทศไทย เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรต่างๆ มีความมั่นใจว่าข้อมูลของพวกเขาได้รับการคุ้มครองไม่ว่าพวกเขาจะปรับปรุงศูนย์ข้อมูลให้มีความทันสมัย หรือต้องการสร้างไพรเวท คลาวด์ที่ทนทานต่อความล้มเหลวก็ตาม” นายประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการประจำประเทศไทยของไซแมนเทค กล่าว

“ด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เรดแฮท และไซแมนเทคได้ร่วมกันนำเสนอคุณค่าอย่างมากแก่ลูกค้าด้วยโอเพ่นซอร์สที่ปลอดภัยเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีที่ล้าหลังให้มีความทันสมัย” มร.ดาเมียน วอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เรดแฮท ภูมิภาคอาเซียน กล่าว “เรามีความยินดีที่จะขยายความร่วมมือในระยะยาวระหว่างเรากับไซแมนเทคในประเทศไทย เพื่อนำเอา Red Hat Enterprise Linux แพลตฟอร์มปฏิบัติการชั้นนำของเรา และเทคโนโลยีที่น่าสนใจของไซแมนเทคมารวมกันเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเรามีทางเลือก และมีความยืดหยุ่นสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีของพวกเขา”

“อย่างที่เราเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าไอดีซีเชื่อว่าลีนุกซ์จะเป็นหนึ่งในสองระบบปฏิบัติการหลักที่จะมีอิทธิพลต่อโครงสร้างพื้นฐานของไพรเวทคลาวด์” มร.เอล กิลเลน รองประธานฝ่ายซอ​​ฟต์แวร์ระบบของไอดีซี กล่าว “ไซแมนเทคและเรดแฮทกำลังรวมทีมกัน เพื่อปรับปรุงความพร้อมในการใช้งานข้อมูล และการกู้คืนข้อมูลจากภัยพิบัติในศูนย์ข้อมูล ซึ่งจะมีประโยชน์เพิ่มขึ้นสำหรับศูนย์ข้อมูลที่มีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคลาวด์ที่ทำงานบนลีนุกซ์ และช่วยให้ลูกค้าองค์กรในปัจจุบันสามารถใช้ประโยชน์จากคลาวด์คอมพิวติ้งได้อย่างเต็มที่”

“เรามี Storage Foundation High Availability ของไซแมนเทคที่ทำงานบน Red Hat Linux และรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทดสอบสถาปัตยกรรมร่วมกันว่าสามารถตอบสนองความต้องการของเราในการทำ failover ฐานข้อมูลของออราเคิล และการกู้คืนข้อมูลจากภัยพิบัติแบบ off-premise เพื่อป้องกันข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญของเราได้อย่างเต็มที่” อิสมาเอล โมรีโน ผู้จัดการฝ่ายไอทีของ SESCAM กล่าว “เราเชื่อว่าสิ่งนี้จะไม่เพียงแต่จะทำให้เราสามารถปกป้องข้อมูลและแอพพลิเคชั่นได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังป้องกันไม่ให้เราถูกผูกติดกับผู้ค้ารายใดรายหนึ่ง เราสามารถที่จะเปลี่ยนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลได้โดยไม่ทำให้ระบบหยุดชะงัก”

View :1528

“ทรูสโตร์” ช้อปใหญ่ใกล้มือ คลิก http://store.truecorp.co.th ออนไลน์ที่เดียว ครบ คุ้ม ทันใจ วันเดียวได้

August 29th, 2012 No comments


กลุ่มทรู โดย นายกิตติณัฐ ทีคะวรรณ รองผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานการตลาดเชิงพาณิชย์และบริหารงานขาย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (ซ้าย) และ นายวรุตม์ ลีเรืองสกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ Web Business บริษัท ทรู ดิจิตอล คอนเท้นท์ แอนด์ มีเดีย จำกัด (ขวา) เปิดตัว ช่องทางจำหน่ายสินค้า-บริการ รวมถึงแพ็กเกจต่างๆของกลุ่มทรู ผ่านhttp://store.truecorp.co.th สร้าประสบการณ์ใหม่ในการช้อปปิ้งอย่างสะใจ…ที่ครบสุดคุ้ม ชูจุดเด่นศูนย์รวมสมาร์ทโฟน และ Gadgetขนาดใหญ่ที่เปิด 7 วัน 24 ชั่วโมง ราคาพิเศษกว่าที่ซื้อในช้อป ไม่ต้องรอคิวประหยัดทั้งเวลาและค่าเดินทาง ด้วยแนวคิด “ทรูสโตร์…ช็อปทรูที่ใกล้ที่สุด คลิกที่เดียวครบ สั่งครั้งเดียวคุ้ม วันเดียวได้ของทันใจ” รับประกันสินค้าและการบริการหลังการขาย มั่นใจตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การช้อปปิ้งออนไลน์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ เริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 28 สิงหาคม พร้อมโปรโมชั่นช่วงเปิดตัวสั่งซื้อสินค้า-บริการ จัดส่งฟรีทั่วประเทศจนถึง 31 ธันวาคมนี้

ทรูสโตร์ มีผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของกลุ่มทรู อย่างครบถ้วน ประกอบด้วย
• Shopping: ศูนย์รวมสมาร์ทโฟน และ Gadget หลากหลายแบรนด์ อาทิ Apple, Samsung,
HTC, Blackberry โดยมีการรับประกันและบริการหลังการขายเสมือนซื้อสินค้าจากทรู
ช็อป
• Package/Plan: ศูนย์รวมแพ็กเกจและโปรโมชั่น สินค้าและบริการต่างๆในเครือทรู
ทั้งทรูออนไลน์ ทรูมูฟ เอช ทรูมูฟ โทรศัพท์บ้านทรู ทรูวิชั่นส์
• True Digital Store: ศูนย์รวมของดิจิตอลคอนเทนต์ ทั้งเพลง ภาพยนตร์ และรายการ
สุดฮิตจากทรูวิชั่นส์
• Application: รวมแอพพลิเคชันที่ทุกไลฟ์สไตล์ต้องโหลดใช้ ทั้ง H Music, H TV,
H Movie และอื่นๆอีกมากมาย

ทั้งนี้ กลุ่มทรู มั่นใจว่า ทรูสโตร์จะเป็นช้อปที่สามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็วในการสั่งซื้อสินค้าบริการ โดยการันตีความมั่นใจด้านความปลอดภัยต่อการสั่งซื้อสินค้าในรูปแบบออนไลน์ และการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือได้ภายใน 1 วันเท่านั้น ซึ่งในการชำระค่าบริการ ลูกค้าสามารถเลือกชำระได้ทั้งผ่านบัตรเครดิต โอนเงินผ่านเอทีเอ็มทุกธนาคาร หรือเลือกผ่อน
ชำระด้วยโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน (เฉพาะธนาคารที่ร่วมรายการ) พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ ให้ลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านทรูสโตร์ ได้แก่ SamsungNote 10.1 ราคา 21,900 บาท แถมฟรีฟิล์มกันรอยและ Memory Card 16GB ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2555 (100 ท่านแรกเท่านั้น)

View :1498

ก.ไอซีที เตรียมพร้อมยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศภาครัฐสู่ Smart Thailand

August 22nd, 2012 No comments

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาเรื่อง ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศภาครัฐสู่ ว่า รัฐบาลมีความต้องการที่จะพัฒนาประเทศให้มี “ความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน (Competitive Advantage)” และ “รองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลก (Globalization)” และเมื่อประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 จึงจำเป็นต้องมีการจัดเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้าน ซึ่งเรื่องของ “เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” หรือ ICT ก็ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่

“จากการศึกษาของ World Economic Forum พบว่าอันดับความพร้อมใช้งานโครงข่ายโทรคมนาคมของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 อยู่ที่อันดับ 59 ลดลงจากปี พ.ศ. 2549 ที่อยู่ในอันดับ 37 ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม กลับมีอันดับที่ดีขึ้น ประเทศไทยจึงจำเป็นจะต้องพัฒนาด้าน ICT ทั้งในส่วนโครงสร้างพื้นฐาน และรูปแบบการใช้งาน (Applications) รวมทั้งบริการอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ อย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในยุค Digital economy” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ กล่าว

ด้าน นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการพัฒนาประเทศให้มี “ความได้เปรียบในเชิงการแข่งขัน” และ “รองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลก” อาทิ ASEAN Economics Community 2015 หรือ AEC 2015 ซึ่งต้องใช้ “เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” หรือ ICT มาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำหรับการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Smart Thailand ด้วยความมุ่งหมายหลัก คือ ให้มีการใช้ ICT นำพาความเจริญเข้าสู่ประชาชนในทุกภาคส่วนของประเทศ สร้างสภาวะแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพของบุคลากรในสาขาวิชาชีพต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางด้านดิจิทัล (Digital Divide) อันจะนำไปสู่ความก้าวหน้าที่ทัดเทียมกับประเทศที่เจริญแล้ว

ดังนั้น เพื่อให้กลยุทธ์สำหรับการขับเคลื่อนประเทศประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ กระทรวงฯ จึงได้จัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศของหน่วยงานภาครัฐเพื่อก้าวไปสู่ Smart Thailand ขึ้น เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และรับฟังความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐต่อการบูรณาการศูนย์ข้อมูลภาครัฐ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจากการสัมมนาในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแนวทางการบูรณาการศูนย์ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐในลำดับต่อไป

สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดการประชุมสัมมนาฯ ครั้งนี้ ก็คือ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศจากหน่วยงานภาครัฐจำนวน 120 คน เกี่ยวกับการยกระดับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อก้าวไปสู่ Smart Thailand และนำความคิดเห็นที่ได้มาเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการเกี่ยวกับการบูรณาการศูนย์ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ (Data Center Consolidation) ส่วนกิจกรรมภายในงานประชุมสัมมนาฯ จะมีการบรรยายหัวข้อ “Smart Thailand” และการเสวนาเรื่อง “Data Center Consolidation แนวทางการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐสู่ Smart Thailand” ด้วย

View :1499

นิยมพานิช มั่นใจสตอเรจเซิร์ฟเวอร์ของไอบีเอ็ม ตอบโจทย์วิสัยทัศน์ “สินค้าดี บริการเป็นเลิศ”

August 21st, 2012 No comments

ศูนย์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ มั่นใจเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ไอบีเอ็มเพาเวอร์ซิสเต็มส์ และสตอเรจไอบีเอ็มสตอร์ไวซ์ วี 7000 เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ รองรับการขยายสาขาและแผนกระตุ้นการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยสร้างรายได้ขยายตัว 30 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

นายภาณุพงศ์ ศักดาทร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิยมพานิช จำกัด ซึ่งขณะนี้มีฐานการดำเนินธุรกิจอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ได้ลงทุนปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจและเพิ่มจำนวนสาขาและร้านตัวแทนต่างอำเภอจากทั้งหมด 82 แห่ง เป็น 94 แห่ง โดยความต้องการเร่งด่วนที่สุด คือ สตอเรจเซิร์ฟเวอร์ที่ให้ความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการประมวลผลมากขึ้น ช่วยให้เห็นข้อมูลแบบ real-time มีความเสถียรมากขึ้น รวมทั้งต้องประหยัดไฟและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

“จากการที่บริษัทฯ ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของไอบีเอ็มมานาน 8 ปี รู้สึกประทับใจและไว้วางใจในประสบการณ์บวกความเชี่ยวชาญของไอบีเอ็ม จึงตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีไอบีเอ็มพาวเวอร์ซิสเต็มส์ มาช่วยรันข้อมูล และใช้ไอบีเอ็มสตอร์ไวซ์ วี 7000 เป็นสตอเรจเซิร์ฟเวอร์ ทำให้การประมวลผลระบบ SAP ที่เก็บข้อมูลในการขาย ระบบบัญชีและการจัดสต็อก รวมถึงการขาย (Sales Record) มีความคล่องตัวขึ้น สามารถตัดและเช็คสต็อกได้แบบ real-time ทำให้ทราบรายละเอียดสินค้าในปัจจุบัน ว่ามีตัวไหนบ้าง จำนวนเท่าไหร่ สถานะเป็นอย่างไร ซึ่งส่งผลให้สามารถตัดสินใจบนฐานข้อมูลมีที่อยู่จริง ง่ายต่อการวางแผนการขาย คิดแคมเปญ และการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มในคลังสินค้า นอกจากนี้ ไอบีเอ็มสตอร์ไวซ์ วี 7000 ยังสามารถเรียกใช้หรือสำรองข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม ทำให้การจัดเก็บข้อมูลไม่เกิดความซ้ำซ้อน รวมถึง เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดไฟ ตอบโจทย์ของบริษัทฯด้านการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย” นายภาณุพงศ์ กล่าว

นายกิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจทั่วไป บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ไอบีเอ็มรู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการนำเทคโนโลยีชั้นนำเข้าเสริมความล้ำหน้าแก่ระบบไอทีที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสานต่อความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกของนิยมพานิช ความสำเร็จนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไอบีเอ็มที่ต้องการสร้างพันธมิตรและส่งเสริมให้ธุรกิจในภูมิภาคก้าวสู่ความเป็น Smart Business ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีชั้นยอด ประกอบกับการให้บริการที่เป็นเลิศ เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า ซึ่งทั้งไอบีเอ็มพาวเวอร์ซิสเต็มส์ และไอบีเอ็มสตอร์ไวซ์ วี 7000 ล้วนตอบโจทย์ขององค์กรยุคใหม่ที่มีภาระและความท้าทายในการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลในปัจจุบัน”

ไอบีเอ็มสตอร์ไวซ์ วี7000 เป็นสตอเรจที่มีสมรรถนะสูง มีระบบการใช้งานที่ง่าย ช่วยให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บ สำรองข้อมูลและผลิตภาพด้านการบริหารจัดการ ด้วยซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งแล้วเสร็จพร้อมใช้งานอย่างครบครัน รวดเร็ว ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ของดิสก์ซิสเต็มขนาดกลาง (midrange) ที่ให้ความคุ้มค่าสูงสุด

ไอบีเอ็มพาวเวอร์ซิสเต็มส์ เป็นเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงที่ช่วยให้ธุรกิจบริหารจัดการซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์รุ่นล่าสุดจากไอบีเอ็มที่โดดเด่นในด้านสมรรถนะการประมวลผล และสามารถบริหารจัดการเครื่องคอมพิวเตอร์และทรัพยากรเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว

View :1288

ก.ไอซีที เปิดศูนย์บริการด้าน ICT สำหรับคนพิการ

August 20th, 2012 No comments

นายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับคนพิการ ว่า รัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างให้คนพิการและผู้ด้อยโอกาส มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ พัฒนาการบริการสุขภาพอนามัย ให้การสงเคราะห์ จัดการศึกษา จัดสวัสดิการ รวมถึงการประกอบอาชีพให้แก่คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส อีกทั้งยังส่งเสริมให้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม โดยจัดให้มีการคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวก และบริการอันเป็นสาธารณะ ในการเข้าถึงอาคารสถานที่ ข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะคนพิการและผู้ด้อยโอกาส ได้รับการบริการจากภาครัฐอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน

นอกจากนี้ ภายใต้กฎกระทรวงฯ ตามมาตรา 20 (6) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ยังระบุให้กระทรวงไอซีที ต้องจัดให้มีการให้หรือให้ยืมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพี่อการสื่อสารแก่คนพิการ ดังนั้น กระทรวงฯ จึงได้จัดตั้งศูนย์ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร โดยให้บริการทั้งการให้ การให้ยืม อุปกรณ์ เครื่องมือ และโปรแกรมที่ใช้กับคนพิการ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงมีห้องฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้กับคนพิการ ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล ผู้ดูแล และผู้ช่วยคนพิการ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการส่งเสริมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อันจะส่งผลให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ดำเนินงานตามกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสารและบริการสื่อสาธารณะ สำหรับคนพิการ พ.ศ. 2554 นั้น ได้กำหนดสาระสำคัญที่จะต้องดำเนินการเอาไว้คือ 1.หน่วยงานของรัฐและเอกชนที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐ ต้องจัดข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม บริการสื่อสาธารณะ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้

2.จัดให้มีบริการให้ยืม – การให้อุปกรณ์และเครื่องมือด้าน ICT แก่คนพิการ โดยคนพิการสามารถยื่นคำขอต่อหน่วยงานได้ทั้งในส่วนกลาง และท้องถิ่น ซึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่วนในเขตท้องที่จังหวัดอื่นให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานสถิติจังหวัด หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด 3.ส่งเสริม พัฒนาและฝึกอบรมให้กับคนพิการ ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล ผู้ดูแลคนพิการ เพื่อการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม บริการสื่อสาธารณะ

ส่วนการจัดตั้งศูนย์ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับคนพิการ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจภายใต้กฎกระทรวง คือ 1.เพื่อเป็นศูนย์ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร สำหรับคนพิการ พร้อมทั้งเป็นศูนย์สาธิตการใช้งานอุปกรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก ให้กับคนพิการทุกประเภท และ 2.เป็นสถานที่ดำเนินการฝึกอบรมความรู้ด้าน ICT ให้กับคนพิการทุกประเภท

สำหรับศูนย์ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับคนพิการ นี้ ตั้งอยู่ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้น 7 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร บี) ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กรุงเทพฯ โดยเปิดให้บริการในเวลาราชการตั้งแต่ 8.30 น. – 16.30 น. ระหว่างวันจันทร์ – วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 0-2141-7038

View :1308

ก.ไอซีที จัดอบรมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ และอบรมความรู้ด้าน ICT แก่ผู้ด้อยโอกาส

August 17th, 2012 No comments

นายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ รองปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมระดมความคิดเห็นกิจกรรมอบรมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้และอบรมความรู้ด้าน ICT สำหรับผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส ว่า กระทรวงฯ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และการลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำทางสังคมในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ จึงมุ่งเน้นการพัฒนาให้ประชาชนทุกภาคส่วน รวมถึงผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาสสามารถนำ ICT มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนับเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศตามนโยบายและวิสัยทัศน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ว่า “ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา ()”

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ในฐานะหน่วยงานหลักของรัฐที่มีพันธกิจเป็นผู้รักษาการตาม กฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร และบริการสื่อสาธารณะ สำหรับคนพิการ พ.ศ. 2554 จึงได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติการตามกฎกระทรวงดังกล่าว โดยเฉพาะกฎกระทรวงข้อ 14 ที่กำหนดให้กระทรวงฯ ต้องจัดให้คนพิการ ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล ผู้ดูแลคนพิการ หรือผู้ช่วยคนพิการ ได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสาร บริการโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร หรือบริการสื่อสาธารณะ อย่างทั่วถึงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ด้าน นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้จัด “กิจกรรมอบรมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ให้กับหน่วยงานภาครัฐ และอบรมความรู้ด้าน ICT สำหรับผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส” เพื่อพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้พัฒนาเว็บไซต์ และกลุ่มผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศโดยเฉพาะผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้เกี่ยวข้องกับคนพิการ และผู้ด้อยโอกาส โดยในส่วนการจัดอบรมผู้พัฒนาเว็บไซต์จากหน่วยงานภาครัฐนั้น เป็นการพัฒนาศักยภาพให้สามารถปรับปรุงเว็บไซต์ของหน่วยงานเป็นเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ คือ เว็บไซต์ที่สามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งคนที่มีร่างกายปกติและคนพิการ

ส่วนการอบรมผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้เกี่ยวข้องกับคนพิการ และผู้ด้อยโอกาสนั้น เป็นการอบรมให้กลุ่มดังกล่าวสามารถนำ ICT มาใช้เป็นช่องทางในการเข้าถึงองค์ความรู้ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาตนเองและสามารถนำไป ต่อยอดความรู้ที่มีอยู่ได้ อีกทั้งเป็นการช่วยลดช่องว่างและสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงสารสนเทศอีกด้วย โดยกิจกรรมฯ นี้ กระทรวงฯ ได้ดำเนินการ มาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จนถึงปัจจุบัน และได้จัดฝึกอบรมผู้พัฒนาเว็บไซต์แล้ว จำนวน 1,452 คน ผู้สูงอายุจำนวน 351 คน คนพิการและผู้ด้อยโอกาส จำนวน 1,550 คน และวิทยากรอาสาสมัคร จำนวน 53 คน

“และเพื่อให้การดำเนินกิจกรรมฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงฯ จึงได้จัดให้มีการประชุมระดมความคิดเห็นกิจกรรมอบรมการพัฒนาเว็บไซต์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ และอบรมความรู้ด้าน ICT สำหรับผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส ในครั้งนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนแนวความคิดต่อเนื้อหาหลักสูตรรูปแบบการฝึกอบรม ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงการกำหนดคุณสมบัติของวิทยากรแต่ละหลักสูตร จากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดทำหลักสูตรและผู้ปฏิบัติงานด้านผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้ได้หลักสูตรฝึกอบรมที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายและเทคโนโลยีปัจจุบันมากยิ่งขึ้น” นายสมบูรณ์ กล่าว

View :1286

ไอบีเอ็มเปิดรับสมัครผู้ประกอบการหน้าใหม่ ในโครงการ สมาร์ทแคมป์ ช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจรับตลาดยุคดิจิตอล

August 17th, 2012 No comments

ไอบีเอ็มเปิดตัวโครงการ SmartCamp Kickstart ASEAN รับสมัครผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาธุรกิจร่วมลงทุนภายใต้วิสัยทัศน์ Smarter Planet ของไอบีเอ็ม กิจกรรม SmartCamp KickStart เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Global Entrepreneur Program ของไอบีเอ็ม โดยจะเปิดโอกาสให้บริษัทที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นได้พบปะพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี รวมถึงนักลงทุนในธุรกิจร่วมทุน และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะคอยให้คำแนะนำและช่วยพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริษัทที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความช่วยเหลือและทรัพยากรที่จำเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์ บุคลากร และการส่งเสริมการขาย

โครงการ SmartCamp KickStart Singapore เปิดรับผู้เข้าร่วมจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยจะปิดรับสมัครในวันที่ 24 สิงหาคม 2012 และจะประกาศรายชื่อบริษัทที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในวันที่ 31 สิงหาคม 2012 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถส่งใบสมัครผ่านทางเว็บไซต์ http://www.f6s.com/ibmsmartcampsingaporesept10th#programs/ajax-application บริษัทที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะต้องนำเสนอแนวคิดธุรกิจต่อหน้าคณะกรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีในระหว่างการจัดงาน SmartCamp KickStart ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 10 กันยายน 2012 ผู้ชนะในระดับภูมิภาคอาเซียนจะได้เข้าร่วมการฝึกอบรม 12 สัปดาห์ซึ่งจัดโดยไอบีเอ็ม ทั้งยังมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม Asia SmartCamp ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในวันที่ 24 กันยายน 2012 โดยผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในระดับเอเชียที่ปักกิ่งจะได้เข้าร่วมการคัดเลือก IBM SmartCamp Global ในรอบสุดท้าย และร่วมชิงรางวัลสูงสุด ผู้ประกอบการดีเด่นแห่งปี (Entrepreneur of the Year) จากไอบีเอ็ม

ไอบีเอ็มพยายามค้นหาบริษัทหน้าใหม่ที่ดีที่สุดและมีแนวโน้มอนาคตสดใสมากที่สุดทั้งในระดับโลกและระดับอาเซียน โครงการ SmartCamp ร่วมสร้างสรรค์โลกที่ฉลาดขึ้นภายใต้แนวคิด Smarter Planet และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ในการทำตลาดให้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสให้ลูกค้าของไอบีเอ็มได้เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด

ไอบีเอ็มมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการรายย่อย และนับตั้งแต่ที่ริเริ่มโครงการ IBM Global Entrepreneur เมื่อปี 2010 ไอบีเอ็มได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดตั้งองค์กรธุรกิจใหม่ๆ กว่า 500 แห่งในอุตสาหกรรมหลักๆ เช่น พลังงานสีเขียว สาธารณสุข และคมนาคมขนส่ง

ไอบีเอ็มช่วยบ่มเพาะและพัฒนาธุรกิจเกิดใหม่ โดยเปิดโอกาสให้เข้าถึงเครือข่ายคู่ค้าที่แข็งแกร่งของไอบีเอ็ม ซึ่งประกอบด้วยคู่ค้าและพันธมิตรกว่า 121,000 รายทั่วโลก และช่วยปรับปรุงเทคโนโลยีของบริษัทเหล่านี้เพื่อให้พร้อมสำหรับการวางจำหน่ายในตลาด ตลอดช่วงระยะเวลากว่า 6 ปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็มได้ร่วมทำงานกับบริษัทหน้าใหม่กว่า 1,500 ราย เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกสู่ตลาด

สมัครเข้าร่วมโครงการ SmartCamp ในอาเซียนได้ที่:

http://www.f6s.com/ibmsmartcampsingaporesept10th#programs/ajax-application

View :1513

ไปรษณีย์ไทย ก้าวสู่ 10 ปี ก้าวสู่ Smart Post พร้อมเป็นเครือข่ายชีวิต และเศรษฐกิจไทย

August 15th, 2012 No comments


บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ฉลองโอกาสก้าวสู่ 10 ปี เปิดศูนย์ไปรษณีย์ EMS แห่งใหม่ ยกระดับมาตรฐานและคุณภาพบริการ EMS ให้สูงขึ้น เดินเครื่องลุยด้านโลจิสติกส์เต็มสูบ

สนองนโยบายรัฐ ขานรับสู่การเป็น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี

ไปรษณีย์ไทย ประกาศขานรับนโยบาย Smart Thailand ด้วยความพร้อมเป็น Smart Post มุ่งพัฒนาให้เป็นตัวกลางในการให้บริการไปรษณีย์อย่างครบวงจร (Super Service Center) ให้แก่ภาคธุรกิจ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในแง่การเชื่อมโยงให้ง่ายต่อการเข้าถึงบริการของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงสวัสดิการพื้นฐานต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเป็นแกนนำหลักในการวางรากฐานเพื่อพัฒนาโลจิสติกส์ไทย

“นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้พัฒนาเครือข่ายให้เป็นศูนย์บริการครบวงจรของภาครัฐเพื่อสนับสนุนนโยบาย MICT Smart Thailand ที่จะทำให้คนไทยได้รับประโยชน์จากเครือข่ายสารสนเทศของรัฐโดยเป็นส่วนหนึ่งของ ICT Free Wi-Fi 200,000 จุดทั่วประเทศ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน” นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าว
ดร. เอนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวถึงการเป็น Smart Postว่า “ปณท ได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนนโยบาย Smart Thailand ด้วยการเป็น Smart Post ผู้เชื่อมโยงความสะดวกของบริการต่างๆ สู่ประชาชน โดยผ่านเครือข่ายที่ทำการไปรษณีย์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ผ่านเจ้าหน้าที่นำจ่ายเพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่สามารถเข้าถึงบริการของภาครัฐได้อย่างสะดวก รวดเร็วมากขึ้น”
ด้านนางสาวอานุสรา จิตต์มิตรภาพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินงานในปีที่ 10 คือ ไปรษณีย์ไทย…เครือข่ายชีวิตและเศรษฐกิจไทย (Human Networking) ไปรษณีย์ไทยได้กำหนดเป้าหมายที่จะพัฒนาศักยภาพด้านการให้บริการและเครือข่ายการขนส่งให้แข็งแกร่ง โดยนำศักยภาพความเชี่ยวชาญ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่มาบริหารจัดการให้คุ้มค่า นำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในบริการ รองรับการขยายบริการด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ให้มีความพร้อมต่อการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอนาคต มาสนับสนุนให้เห็นภาพอันเด่นชัดขึ้นในความเป็นเครือข่ายอย่างมืออาชีพ ระบบขนส่งและเครือข่ายไปรษณีย์ที่แข่งแกร่ง ด้วยความครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมถือฤกษ์ดีเปิดศูนย์ไปรษณีย์ EMS เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดคุณภาพและประสิทธิภาพระบบขนส่ง การส่งต่อที่ดีขึ้น เป็นโครงข่ายที่เชื่อมโยงในวงกว้าง และสนับสนุนการปฏิบัติงานให้มีความคล่องตัว รวดเร็ว ลดความเสียหายและต้นทุนค่าใช้จ่าย ควบคุมคุณภาพบริการให้ประชาชนได้รับการบริการที่ดีมากยิ่งขึ้น

ศูนย์ไปรษณีย์ EMS ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังศูนย์ไปรษณีย์หลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ บนพื้นที่ 16 ไร่ใช้งบประมาณในการจัดตั้งศูนย์ฯ รวมกว่า 18 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณงานไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีภารกิจคัดแยกและส่งต่อสิ่งของในบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ทั้งในและระหว่างประเทศ รวมไปถึงพิธีการศุลกากรอีกด้วย จากการดำเนินงานที่ผ่านมาของ ปณท ตลอด 9 ปีไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่เป็นเครือข่ายชีวิต และเศรษฐกิจไทยอย่างแท้จริง และจะยังคงเดินหน้าต่อไป “…ด้วยเครือข่ายไปรษณีย์ไทยที่มีทั้งหมดนี้ เป็นการพัฒนาและต่อยอดมาโดยตลอด 130 ปี โดยใช้เครือข่ายที่ยิ่งใหญ่จากความเป็นหนึ่งเดียวของคนกว่า 22,000 คน สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้ “รู้จริง” ในทุกตารางนิ้วบนพื้นที่ตั้งแต่ระดับเล็กสุดจนกระทั่งถึงระดับโลก “รู้ใจ” ถึงความต้องการที่หลากหลายของคนไทย ทั้งหมดนี้เป็นความ “จริงใจ” ที่คนไปรษณีย์ไทยจากรุ่นสู่รุ่นได้บ่มเพาะความพร้อมที่จะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เพื่อใครอื่น แต่เป็นเพื่อการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตคนไทย สร้างความเจริญให้เกิดเศรษฐกิจไทยเป็นกลไกของคนไทยที่พร้อมจะก้าวไปด้วยกัน พร้อมก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ”

ทั้งนี้ ปณท มีผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 ตั้งแต่ ม.ค. – มิ.ย. มีรายได้รวมทั้งสิ้น 9,116.07 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก กลุ่มธุรกิจสื่อสาร 4,417.35 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจขนส่ง 3,407.88 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจค้าปลีก 530.31 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจการเงิน 408.59 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ 145.65 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ กลุ่มตลาดสื่อสาร และตลาดขนส่งมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเป็น 12.58 และ 14.55 เปอร์เซนต์ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิสำหรับช่วง 6 เดือนเป็นเงิน 863.77 ล้านบาท

View :2048

การประปาส่วนภูมิภาคนำซอฟต์แวร์ “โปรแกรมบริการผู้ใช้น้ำ” ขึ้นระบบบริการคลาวด์ภาครัฐ

August 11th, 2012 No comments


ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการ สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สรอ. เปิดเผยว่า ทางสรอ.ได้ร่วมทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ หรือ กปภ.โดยจะนำซอฟต์แวร์ “” ของ กปภ. มาไว้ในระบบบริการคลาวด์ภาครัฐ หรือ ซึ่งสรอ.ได้เปิดใช้บริการจริงมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ใช้น้ำทั่วไปสามารถมาใช้บริการผ่านโปรแกรมแบบเว็บเบส ด้วยการนำโปรแกรมนี้ ซึ่งจะทำให้กปภ.ลดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ ของการให้บริการลง และสามารถเปิดให้ผู้ใช้น้ำดาวน์โหลดได้ทันทีที่การพัฒนาโปรแกรมสำเร็จแล้วโปรแกรมบริการผู้ใช้น้ำสำหรับประชาชนครั้งนี้ถือเป็นโครงการนำร่องของ กปภ.ที่จะใช้คลาวด์ภาครัฐของสรอ. หลังจากนั้นจะมีการประเมินผล และนำไปสู่การนำแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับการให้บริการน้ำมาอยู่บนระบบคลาวด์ต่อไป รวมถึงสรอ.จะเข้าไปพิจารณาร่วมกับกปภ.ในการนำบริการต่างๆ ที่สรอ.มี เช่น
ระบบ Mail go Thai ระบบ GIN และอื่นๆ มาให้บริการต่อไปอีกด้วย

“การนำโปรแกรมบริการผู้ใช้น้ำมาไว้บนคลาวด์ของสรอ. จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้น้ำในระยะยาว เพราะจะทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเช็คยอดการใช้น้ำแบบทันที หรือ real time และสามารถใช้บริการต่างๆ ของกปภ.ได้อย่างต่อเนื่อง โดยสรอ.จะทำให้ผู้ใช้เกิดความเชื่อมั่นว่า ระบบคลาวด์ของสรอ.มีทั้งความเร็ว และความปลอดภัย” ดร.ศักดิ์กล่าว

นอกจากการนำแอพพลิเคชันทางด้านโทรศัพท์มือถือมาอยู่ในระบบคลาวด์ของสรอ.แล้ว ทาง กปภ.จะเข้ามาใช้บริการข้อมูลบัตรประชชาชน หรือตัวเลข 13 หลักของกรมการปกครอง ซึ่งปัจจุบันอยู่บนระบบคลาวด์ของสรอ.อยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ข้อมูลการใช้น้ำและอื่นๆ สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลของผู้ใช้ได้โดยตรง และสามารถโอนถ่ายข้อมูลระหว่างกันได้ ทำให้เกิดประโยชน์ด้านการใช้ข้อมูลอย่างมากตามมา

View :1439