Archive

Archive for March, 2011

เอ็มเปย์ ให้ลูกค้าเอไอเอสจ่ายบิลสาธารณูปโภค โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม !

March 14th, 2011 No comments

เอ็มเปย์ กระเป๋าเงินบนมือถือ มอบความสะดวกสบายและความคุ้มค่าให้ลูกค้าเอไอเอส ฟรีค่าธรรมเนียม ทุกครั้งที่ชำระบิลค่าสาธารณูปโภค ทั้งค่าน้ำ , ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์บ้าน (ทีโอที , ทีทีแอนด์ที และ แคท เทเลคอม) ผ่านบริการเอ็มเปย์ ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย.54 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ 1175 หรือ www..co.th/

View :1397
Categories: Press/Release Tags:

วันนี้ ผู้ใช้แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 3จี และแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9700 ในประเทศไทย สามารถดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการ “ แบล็กเบอร์รี่ 6 ” เวอร์ชั่นอัพเดท ฟรี !

March 14th, 2011 No comments

รี เสิร์ช อิน โมชั่น หรือ ริม นำเสนอระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สำหรับกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและกลุ่มลูกค้าใหม่ ที่ใช้สมาร์ทโฟนแบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 3จี และแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9700 ให้สามารถดาวน์โหลดฟรี ! ได้แล้ววันนี้ ระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 ประกอบด้วย ระบบการทำงานของหน้าจอที่มีลูกเล่นมากขึ้น ระบบการค้นหาของเบราว์เซอร์ตระกูล WebKit ที่มีความเร็วสูงและสวยงาม คุณสมบัติของระบบ Universal Search ที่มีประโยชน์สูงสุด รวมถึงแอพพลิเคชั่น social feeds และประสบการณ์ ด้าน มัลติมีเดียให้มีความครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผู้ใช้แบล็กเบอร์รี่ เคิร์ฟ 3จี และแบล็กเบอร์รี่ โบลด์ 9700 สามารถอัพเกรดระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่นี้ได้ด้วยการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ของตนเองเข้ากับคอมพิวเตอร์ และเข้าไปที่ th..com/6 และคลิกอัพเดทวันนี้

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอัพเดทระบบปฏิบัติการแบล็กเบอร์รี่ 6 สามารถเข้าชมได้ที่ th.blackberry.com/blackberry6

View :1419
Categories: Press/Release Tags: ,

ดีแทคให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ใช้บริการโทรข้ามแดนอัตโนมัติในประเทศญี่ปุ่น

March 14th, 2011 No comments

ลูกค้าที่ใช้บริการโทรข้ามแดนอัตโนมัติในประเทศญี่ปุ่น สามารถโทรครึ่งราคากลับประเทศไทยและรับสายเรียกเข้าจากประเทศไทยได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่าง 11-17 มีนาคม ศกนี้.

View :1248

เอไอเอส ขยายเวลาช่วยเหลือลูกค้าที่ประเทศญี่ปุ่น

March 14th, 2011 No comments

เอไอเอส ขยายเวลาช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในประเทศญี่ปุ่น โดยให้ลูกค้าสามารถโทรกลับไทยได้ครึ่งราคา และรับสายจากไทยฟรี รวมถึงยังคงสามารถติดต่อเอไอเอส คอลล์เซ็นเตอร์ ที่พร้อมให้การช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมงได้ฟรี  ที่เบอร์ +6622719000 จนถึงวันที่ 17 มี.ค. 54
นอกจากนี้เอไอเอสยังร่วมกับครอบครัวข่าว 3 เชิญชวนให้ผู้ใช้บริการให้ร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่น ผ่านทาง SMS หมายเลข 4567899 ครั้งละ 10 บาท (รวม VAT 7%) โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม เป็นต้นไป
 

View :1531

อสมท  รุกธุรกิจนิวมีเดียเพิ่ม  เปิดตัวโมบาย แอพพลิเคชั่น  “MCOT App”  บนแพลตฟอร์มแอปเปิ้ล

March 14th, 2011 No comments

นายธนวัฒน์  วันสม  กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)   แถลงข่าวถึงความสำเร็จของ “”  โมบายแอพพลิเคชั่นตัวแรกของ อสมท  บนระบบปฏิบัติการของ Apple  สำหรับอุปกรณ์ iPhone และ iPad   ภายใต้คอนเซ็ปต์ “9  ไกลไปกับคุณ”   ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเนื้อหา สาระ และความบันเทิง จาก อสมท ได้อย่างง่ายดาย ตลอด 24 ชั่วโมง 

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า “บมจ.อสมท  ไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้แก่แฟน ๆ รายการของ อสมท  ทั้งในด้านของเนื้อหา  และเทคโนโลยีต่าง ๆ   และสำหรับ “MCOT App”    โมบาย แอพพลิเคชั่น  บนระบบปฏิบัติการของ Apple  ที่เราได้มีการพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ชม ได้เข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ของ อสมท ทั้งด้านข่าว  จากสำนักข่าวไทย  เนื้อหาจากโมเดิร์นไนน์ ทีวี  และโมเดิร์นเรดิโอ   ผ่านทางอุปกรณ์ iPhone และ iPad    เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ในการดำเนินธุรกิจ ของ อสมท  เพราะเราเล็งเห็นว่า ปัจจุบัน   ไลฟ์สไตล์ของประชาชนในปัจจุบัน มีความเร่งรีบสูง  และยังมีความต้องการในการเข้าถึงข่าวสารเพิ่มขึ้นด้วย  ซึ่งโทรศัพท์ประเภท smart phone  อย่างเช่น  iPhone  หรืออุปกรณ์อย่าง iPad  กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง  ในการเป็นอุปกรณสื่อสารสำหรับคนรุ่นใหม่  และ MCOT App จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี”

 “MCOT App”  เป็นแอพพลิเคชั่น สำหรับอุปกรณ์สื่อสารรุ่นใหม่  อย่าง iPhone และ iPad  ที่สามารถแสดงและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร  และบริการต่าง ๆ ของ อสมท  ในรูปแบบต่าง ๆ  ดังนี้

1.             MCOT News   นำเสนอข่าวสาร จากสำนักข่าวไทย ทั้งในรูปแบบภาษาไทย และภาษาอังกฤษ   โดยมีการนำเสนอข่าวในทุกหมวดข่าว   ได้แก่ ข่าวสั้น  ข่าวการเมือง  ข่าวภูมิภาค  ข่าวเศรษฐกิจ  ข่าวต่างประเทศ  ข่าวบันเทิง  ข่าวกีฬา  ข่าววิทยาศาสตร์  ข่าวอาชญากรรม  ข่าวเกษตร  ข่าวต้นชั่วโมงวิทยุ  ข่าววาไรตี้  ข่าวพาดหัว  และ Clip Video ข่าวในภาคต่าง ๆ ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี

2.             Live Radio   ให้ผู้ใช้สามารถรับฟังรายการวิทยุ โมเดิร์น เรดิโอ ในเครือข่าย อสมท  แบบออนไลน์   ทั้งรายการในส่วนกลาง  6 คลื่น FM  ได้แก่  FM 95 ลูกทุ่งมหานคร ,  FM 96.6  คลื่นความคิด , FM 97.5 SEED  ,  FM 99  Active Radio  ,  FM 100.5  สถานีข่าวและสาระ  , FM 107 MET 107   และ 2 คลื่น AM  ได้แก่  AM 1143 คลื่นเพลงเพื่อชีวิต  และ AM 1494  คลื่นความรู้คู่คุณธรรม  รวมถึงรายการวิทยุ ในส่วนภูมิภาค อีก 53 สถานี  ทั่วประเทศ 

3.             Live TV  ชมรายการโทรทัศน์ในเครือข่าย อสมท  ทั้งโมเดิร์นไนน์ ทีวี  ช่อง MCOT 1  และช่อง AseanTV  แบบออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา 

4.             HiPTV   ชมรายการโทรทัศน์ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี  ย้อนหลัง

5.             Schedule  ตารางเวลาออกอากาศรายการทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี

นอกจากการนำเสนอเนื้อหาตามหมวดหมู่ต่าง ๆ นี้แล้ว   “MCOT App”  ยังมีลูกเล่นในด้านอื่น ๆ เพื่อสร้างความสะดวกให่แก่ผู้ใช้งานหลายอย่าง  เช่น  การจัดเก็บข่าวไว้อ่านภายหลังผ่าน Bookmark  หรือการ share ข่าวที่น่าสนใจผ่านทาง e-mail  หรือเว็บไซต์ โซเชียลเน็ตเวิร์ค อย่าง  facebook  และ  twitter

“โปรแกรม MCOT App  นี้  เปิดให้ผู้ที่สนใจดาวน์โหลดได้  ผ่านทาง Apple App Store  โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย  ซึ่งหลังจากที่เราได้นำขึ้นเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม  2554 ที่ผ่านมา  MCOT App  ก็ได้รับความนิยม  ขึ้นเป็นโปรแกรมอันดับ  1  จากทุกประเภทโปรแกรม  ที่ได้รับการดาวน์โหลดมากที่สุดในประเทศไทย   โดยใช้เวลา เพียงแค่ 3 วันเท่านั้น”  นายธนวัฒน์ กล่าว 

                ด้านนายอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข กรรมการผู้จัดการ คอนเวอร์เจนซ์ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรู ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ อสมท เปิดตัว “MCOT App” อย่างเป็นทางการ  ยกระดับศักยภาพนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นชาวไทยสู่สากล ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการประกวด App Center Awards 2009 ที่ผ่านมา โดย “MCOT App” ของนายไพโรจน์ ศักดิ์ศรยุทธ ได้รับรางวัลชนะเลิศ นอกจากนี้ ยังได้รางวัลพิเศษ แอพพลิเคชั่นยอดเยี่ยม จาก อสมท ซึ่งแอพพลิเคชั่น “MCOT App” ดังกล่าว  ได้มีการพัฒนาต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้งานทั่วโลกสามารถดูรายการต่างๆ ของโมเดิร์นไนน์ทีวี และฟังวิทยุ อสมท ถึง 62 สถานี แบบเรียลไทม์ ทั้งบน iPhone และ iPad โดยทรูมูฟเปิดให้ลูกค้าออนไลน์ใช้งานแอพพลิเคชั่นผ่านเครือข่ายคอนเวอร์เจนซ์ ด้วยเทคโนโลยี GPRS / EDGE / 3G และ Wi-Fi ที่มีฮอตสปอตกว่า 18,000 จุดทั่วประเทศ ทั้งนี้ ผู้ใช้ iPhone และ iPad สามารถดาวน์โหลด MCOT Application ฟรี  ได้ที่ App Store

                สำหรับโปรแกรม “MCOT App”  เป็นโปรแกรมที่ได้รับการพัฒนาโดยนายไพโรจน์  ศักดิ์ศรยุทธ  ซึ่งเป็นผู้ชนะเลิศในการประกวดแอพพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์ iPhone และ iPad  ในโครงการ True App Center Awards  ซึ่งบมจ.อสมท  ได้ร่วมมือกับ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น  จัดการประกวดขึ้นเพื่อค้นหาสุดยอดนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น บนโทรศัพท์มือถือ ใน 5 ระบบปฏิบัติการหลัก  ได้แก่  iPhone  , วินโดว์โมบายล์ ,  ซิมเบียน  แบล็คเบอรี่  และแอนดรอยด์ 

View :1423
Categories: Press/Release Tags:

ทรูมูฟ ขยายเวลาช่วยเหลือลูกค้าจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ ในประเทศญี่ปุ่น

March 14th, 2011 No comments

ทรูมูฟ ขยายเวลาช่วยเหลือลูกค้าจากเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่นให้ลูกค้าติดต่อหากันได้อย่างต่อเนื่องถึง 17 มีนาคม 2554  ดังนี้
สำหรับลูกค้าทรูมูฟแบบรายเดือน
รับสายจากเมืองไทย ฟรี
รับ SMS ฟรี
โทรติดต่อทรูมูฟ แคร์ +66891001331 ฟรี
โทรกลับจากญี่ปุ่นมาเมืองไทย จ่ายเพียงครึ่งราคา

สำหรับลูกค้าทรูมูฟแบบเติมเงิน
ทรูมูฟเติมเงินให้ลูกค้าที่อยู่ในญี่ปุ่น รายละ 1,000 บาท เพื่อใช้งานระหว่างอยู่ในต่างประเทศหรือให้โทรศัพท์กลับไทย

รับ SMS ฟรี
โทรติดต่อทรูมูฟ แคร์ +66891001331 ฟรี

View :1447

ไอดีซีชี้  ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนทะลุกว่า 100 ล้านเครื่องในเขตภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่นในปี 2554

March 14th, 2011 No comments

ไอดีซี คาดว่า ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนจะแตะ 137 ล้านเครื่องในปี 2554 ซึ่งจะเป็นยอดจำหน่ายครั้งแรกที่ทะลุกว่า 100 ล้านเครื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น
“สมาร์ทโฟนเคยเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมเมื่อปี 2553 ด้วยยอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงถึงเท่าตัวจากปี 2552  ในปี 2554 ไอดีซี คาดว่า ความร้อนแรงนี้ยังคงขยายตัวต่อไปอีกเมื่อผู้ผลิตมือถือยี่ห้อต่าง ๆ กำลังแข่งขันเพื่อแย่งชิงลูกค้าสำหรับอุปกรณ์ที่มีกำไรงามประเภทนี้  ขณะที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือก็พยายามเพิ่มรายได้จากฝั่งดาต้าให้สูง รวมถึงการแข่งขันระหว่างผู้เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มมือถือต่าง ๆ ก็ตามจีบนักพัฒนาแอพอีกด้วย”  กล่าวโดย นางสาวเมลิซ่า เชา ผู้จัดการฝ่ายวิจัยตลาด ด้านอุปกรณ์สื่อสารปลายทาง ประจำไอดีซี เอเชียแปซิฟิก
ยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ทั้งประเภทที่เป็นรุ่นธรรมดาและสมาร์ทโฟน คาดว่าจะมียอดอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า อยู่ที่ร้อยละ 34 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น โดยในอีก 5 ปีข้างหน้ายอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวสูงถึง 942 ล้านเครื่องจาก 551 ล้านเครื่องในปี 2553  มือถือรุ่นธรรมดาและสมาร์ทโฟนมีอัตราการเติบโตในระดับสูงในปี 2553 มือถือรุ่นธรรมดามีอัตราการเติบโตร้อยละ 17 จากปี 2552 เป็นผลมาจากการเติบโตของมือถือในตลาดล่างจากประเทศจีน แบรนด์ที่ผลิตภายในประเทศที่มีราคาต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 3,000 บาท  จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ยี่ห้อ ZTE จากประเทศจีน และ G-Five จากประเทศอินเดียขยับขึ้นไปสู่การเป็นยี่ห้อที่อยู่ในกลุ่มผู้นำ 5 อันดับแรกของภูมิภาคนี้ในปี 2553
อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 สมาร์ทโฟนจะมีอัตราการเติบโตสูงถึงแปดเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับมือถือรุ่นธรรมดา มียอดจำหน่ายอยู่ที่ราว 359 ล้านเครื่อง โดยสัดส่วน 3 ใน 5 ของยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในปี 2558 จะเป็นสมาร์ทโฟนซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีสัดส่วนแค่เพียง 1 ใน 5 เท่านั้น
ยังมีอีกหลายเหตุผลเบื้องหลังที่เป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดสมาร์ทโฟน ทั้งนี้มาจากความต้องการใช้งานในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว แม้ว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปยังมีราคาค่อนข้างแพง ลำพังแค่เฉพาะในประเทศเกาหลีใต้อย่างเดียว สมาร์ทโฟนมีอัตราการขยายตัวเพิ่มสูงถึง 10 เท่าในปี 2553 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของยี่ห้อ Apple และ Samsung ในทางตรงกันข้าม Nokia ได้มุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการนำเสนอโทรศัพท์มือถือที่มี Symbian OS พร้อมหั่นราคาลงต่ำกว่า 200 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเครื่องสำหรับตลาดที่กำลังเกิดใหม่อย่างในอินเดียและเวียดนาม
ในปี 2554 และปีถัดไปข้างหน้า ไอดีซี คาดว่า ยี่ห้อต่าง ๆ จำนวนมาก จะนำเสนอโทรศัพท์ราคาถูกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Andriod ซึ่งจะไม่เพียงช่วยทำให้เพิ่มอุปสงค์สำหรับตลาดที่เกิดใหม่ แต่ยังทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นธรรมดาทั้งตลาดพิจารณาที่จะอัพเกรดไปใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น
จนถึงขณะนี้ ยี่ห้อ Nokia และ Symbian OS ยังคงเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนที่ไร้คู่แข่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้ แต่ ไอดีซี เชื่อว่า Andriod จะเข้ามายึดตลาด Symbain ภายในปีนี้ เมื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Nokia ที่สนับสนุนการทำงานบนวินโดวส์ไม่สามารถออกวางจำหน่ายจนกว่าจะถึงปลายปี 2554
 

View :1707
Categories: Press/Release Tags: ,

ทรัพย์สินทางปัญญากับการเติบโตของคลาวด์คอมพิวติ้ง

March 13th, 2011 No comments

เนื่อง ด้วยในปัจจุบันองค์กรธุรกิจส่วนใหญ่ต่างก็ขานรับต่อการเข้ามาของคลาวด์คอม พิ้วติ้งกันมากขึ้น การออกกฎข้อบังคับต่างๆ ในการใช้งานบริการคลาวด์จึงได้รับการพิจารณาและอยู่ในความสนใจมากขึ้นตาม ลำดับ ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจและภาครัฐต่างก็ตื่นตัวในการนำคลาวด์คอมพิวติ้งมาใช้งานเพื่อ ประโยชน์ในด้านต่างๆ ที่แตกต่างกันไปอีกด้วย อาทิ เพิ่มประสิทธิภาพของการบริการ การประเมินผลและการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผล อย่างไรก็ตาม บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง หรือ Software as a Service ก็มาพร้อมกับความซับซ้อนบางอย่างที่ยังต้องคำนึงถึง

การศึกษาวิจัยของไมโครซอฟท์ ระหว่างปี 2009 – 2010 เกี่ยวกับทัศนคติของผู้คนต่อคลาวด์คอมพิวติ้งในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ร้อยละ 86 ของนักธุรกิจชั้นนำตื่นเต้นกับเทคโนโลยี ในขณะที่ ร้อยละ 90 ยังคงรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย การเข้าถึงข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล อย่างไรก็ตาม นักธุรกิจส่วนใหญ่เชื่อว่ารัฐบาลจำเป็นที่จะต้องวางมาตรการทางกฎหมายและ นโยบายเกี่ยวกับคลาวด์คอมพิวติ้งที่เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับการใช้งานคลาวด์ คอมพิ้วติ้งต่อไปในอนาคต

พัฒนาการ ทางด้านคอมพิวเตอร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดดในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ กลายมาเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และกลายเป็นเครื่องพีซีที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ในยุคปัจจุบัน การเข้ามาของคลาวด์คอมพิวติ้งในตอนนี้จึงนับเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ ให้ดียิ่งขึ้น

จู ล แอล ซิกัล ที่ปรึกษาทั่วไปทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา ฝ่ายกฎหมายและกิจการองค์กร ไมโครซอฟท์ ที่รับผิดชอบด้านทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า “ สิ่งแรกที่เราควรจะทำ คือ ทำความเข้าใจว่า คลาวด์ คอมพิวติ้งคืออะไร ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสิ่งที่ผู้ใช้งานพูดถึงคลาวด์คอมพิวติ้งกับ เทคโนโลยียุคเก่า คือ การทำงานของคอมพิวเตอร์ การประมวลผล และการทำงานบนคลาวด์คอมพิวติ้ง หากพิจารณาถึงการเปลี่ยนผ่านของคอมพิวเตอร์ที่ผ่านมา การก้าวไปสู่ยุคคลาวด์คอมพิวติ้งนับเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่จากโมเดลการ ทำงานรูปแบบเดิม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายดังกล่าวอาจจะสามารถแก้ไขได้ผ่านทางกฎหมายที่มีอยู่

แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากกฎเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้กับโลกของคอมพิวเตอร์ที่ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ?

“ ทรัพย์สินทางปัญญาถูกกำหนดขึ้นสำหรับการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ใน ตลาด กฎส่วนใหญ่จึงถูกกำหนดขึ้นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว คำถามคือว่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อซอฟต์แวร์ ซึ่งถูกคุ้มครองด้วยทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในแผ่นดิสก์ หรือ ไฟล์สำหรับการดาวน์โหลดลงบนคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่ถูกโฮสต์ (Host) ไว้บนคลาวด์ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ ”

ข้อ กำหนดดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของการบัญญัติกฎหมายใหม่ ซึ่งองค์กรธุรกิจและรัฐบาลจะต้องร่วมมือกันเพื่อหาทางออกให้แก่ปัญหาดัง กล่าว ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง อาทิ การปกป้องข้อมูล สิทธิและการใช้งาน ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมาย ลำดับของกฎหมายในบริบทของการใช้งานคลาวด์คอมพิวติ้งครอบคลุมในหลายแง่มุม

นายสุชาติ อิ่มบัญชร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีทามส์ โซลูชั่น จำกัด หนึ่งในพาร์ทเนอร์หรือคู่ค้าทางด้านคลาวด์ คอมพิวติ้ง ของไมโครซอฟท์ในประเทศไทย ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า “ สิทธิบัตร และเครื่องหมายการค้า ได้รับการกำหนดขึ้นเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของต่อนวัตกรรมต่างๆ รวมถึงการบรรจุนวัตกรรมเหล่านั้นไว้ในอุปกรณ์ หรือ เครื่องมือที่ผู้คนสามารถมองเห็น และสัมผัสได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสิทธิบัตรถูกนำมาใช้แสดงความเป็นเจ้าของโปรแกรมบน คลาวด์คอมพิวติ้ง ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ เรื่องดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเตรียมรับการเข้ามาของคลาวด์คอมพิวติ้งในประเทศไทย ”

จุด แตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งของการทำงานในรูปแบบบริการคลาวด์คอมพิวติ้งคือ การละเมิดลิขสิทธิ์สามารถกระทำได้เบื้องหลังไฟร์วอลโดยที่เราไม่สามารถมอง เห็นได้

“ เนื่องด้วยผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ได้บน คลาวด์คอมพิวติ้งและควบคุมแนวทางการใช้งานสำหรับผู้ใช้งานและการตอบโต้กับ ซอฟต์แวร์ดังกล่าวผ่านทางอินเทอร์เฟซ ซึ่งหมายความว่าเครื่องหมายการค้าอาจมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นสำหรับการให้ บริการคลาวด์คอมพิวติ้งในอนาคต เพราะสิ่งที่ผู้ใช้งานจะรับรู้และประทับใจต่อซอฟต์แวร์นั้นขึ้นอยู่กับการ ตอบโต้ต่ออินเทอร์เฟซของซอฟต์แวร์ ” จูล แอล ซิกัล กล่าวเสริม

“ จะทำอย่างไรหากเกิดการลอกเลียนแบบส่วนหนึ่งของอินเทอร์เฟซ จากบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะนำไปสู่คำถามที่ว่ากฎหมายเครื่องหมายการค้าจะจัดการกับการแข่งขันที่ ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร ”

“ เราอาจจะยังไม่มีคำตอบให้กับเรื่องดังกล่าวในตอนนี้ ถ้าเราต้องการจะเปิดตัวบริการคลาวด์คอมพิวติ้งสู่ตลาดและตั้งมาตรฐานให้กับ เทคโนโลยีบนคลาวด์คอมพิวติ้ง เราอาจจะต้องมองหาทฤษฎีทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาอื่นๆ ที่แตกต่างกันออกไปเพื่อช่วยปกป้องการลงทุนของบริษัท ”

บริษัท ซอฟต์แวร์ขนาดเล็กอาจถูกมองว่าไม่มีบทบาทมากนักสำหรับบริการคลาวด์คอม พิวติ้ง แต่ซิกัลเชื่อว่าบริษัทเหล่านี้จะได้รับประโยชน์มหาศาลจากบริการดังกล่าว เนื่องด้วยการทำงานที่มีประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในงบประมาณที่ต่ำกว่า ผนวกกับประโยชน์จากการชำระค่าบริการตามที่ใช้งานจริง “ มันง่ายขึ้นกว่าเดิมมากในการให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง เนื่องด้วยมีตัวแปรจำนวนมากที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงคลาวด์คอมพิวติ้งได้ ง่ายขึ้น และช่วยประหยัดงบประมาณลงได้เป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ราย ใหม่ ”

อย่าง ไรก็ตาม และการคุ้มครองทางกฎหมายควรได้รับการวางแผนอย่างรอบคอบยิ่งขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทเหล่านี้ปกป้องผลประโยชน์ของตนเองจากการแข่งขันที่ ไม่เป็นธรรม

ใน ขณะที่บริษัทขนาดเล็กยังคงไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงทุนกับบริการคลาวด์คอมพิวติ้ งอย่างเต็มตัว แต่บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งได้เริ่มสร้างระบบนิเวศน์ทางด้านทรัพย์สินทาง ปัญญาของตนเองผ่านทางการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่

“ เราได้เห็นการแทรกซึมของบริการคลาวด์คอมพิวติ้งในบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่างๆ รวมทั้ง app stores ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาในหลายแพล็ตฟอร์ม วินโดวส์โฟนมี app store ส่วน Apple ก็มี app store สำหรับ iPhone กูเกิลก็มี app store สำหรับแอนดรอยด์ บริษัทจำนวนมากต่างกำลังเสริมสร้างระบบนิเวศน์ทางทรัพย์สินทางปัญญาผ่านทาง app stores ของตน ซึ่งนักพัฒนาจะได้รับเครื่องมือในการสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ”

ซิกัล ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ ระบบทรัพย์สินทางปัญญาแบบเสมือนจริงยังคงพัฒนาไปอย่างต่อ เนื่อง ในขณะที่กฎเกณฑ์ต่างๆ ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อพิจารณาว่าใครคือผู้ที่มีสิทธิในการเผยแพร่แอพพลิเค ชั่น และใครที่จะต้องแก้ไขแอพพลิเคชั่นของตนเองเพื่อเคารพต่อกฎหมายลิขสิทธิ์ โดยที่เราสามารถใช้กฎหมายเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร หรือ โอเพ่นซอร์สที่เกี่ยวข้องกับแอพพลิเคชั่นมาใช้ได้ เพราะทุกๆ อย่างล้วนมีความสำคัญต่อการสร้างระบบนิเวศน์ทางทรัพย์สินทางปัญญาขึ้นมาทั้ง สิ้น ”

บริบท เหล่านี้มีความหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น นักพัฒนาจึงควรได้รับการคุ้มครองและต้องการระบบนิเวศน์ทรัพย์สินทางปัญญาที่ จะส่งผลดีต่อพวกเขาอย่างแท้จริง

คำถามคือ แล้วกฎหมายในปัจจุบันเหมาะสมในการรองรับบริการดังกล่าวมากน้อยเพียงใด

“ กฎหมายที่มีอยู่ถูกร่างขึ้นมาเพื่อสามารถนำมาปรับใช้ได้ใน เกือบทุกกรณี ขึ้นอยู่ว่ากฎหมายดังกล่าวจะถูกยกมาบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากน้อย เพียงใด ” จูล แอล ซิกัลกล่าวทิ้งท้าย

ผู้สนใจเกี่ยวกับคลาวด์ คอมพิวติ้งของไมโครซอฟท์ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.microsoft.com/cloud หรือ สอบถามที่เบอร์ 02 263 6888

View :1319

ทิสโก้เลือกไอบีเอ็มพัฒนาระบบไอที รองรับบริการเต็มรูปแบบ มุ่งก้าวสู่การเป็น “ระบบธนาคารอัจฉริยะ”

March 13th, 2011 No comments

กลุ่มทิสโก้ เลือกไอบีเอ็ม พัฒนาระบบไอที เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงินเต็มรูปแบบ ก้าวสู่การเป็นระบบธนาคารอัจฉริยะ มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร รองรับการขยายธุรกิจภายใน 3- 5 ปีนี้
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มทิสโก้ ในฐานะสถาบันการเงินชั้นนำที่พร้อมด้วยบริการทางการเงินที่ครบวงจร โดยมีวิสัยทัศน์คือ การตอบสนองทุกความต้องการทางด้านการเงินด้วยความทุ่มเท เพื่อช่วยสร้างความมั่งคั่ง และสร้างสรรค์คุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้า ปัจจุบัน กลุ่มทิสโก้มีการขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านธุรกิจธนาคาร ธุรกิจจัดการกองทุน และธุรกิจหลักทรัพย์ โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ กลุ่มทิสโก้จะมุ่งขยายและพัฒนาการให้บริการ โดยการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของทิสโก้ เพื่อให้บริการทางการเงินให้แก่ลูกค้าอย่างครบวงจร และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น ดังนั้น หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัท คือการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้มีความพร้อม เพื่อรองรับการขยายธุรกิจดังกล่าว
“นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ดีที่สุด การมีเทคโนโลยีหรือระบบหลังบ้านที่ดีก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญ เพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และให้บริการลูกค้าเต็มรูปแบบได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ เชื่อถือได้ สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าที่สูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงเลือกไอบีเอ็มเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยี เพื่อเข้ามาช่วยวางระบบของเราให้มีความคล่องตัวมากขึ้น”
นางยุถิกา สนธยานาวิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มทิสโก้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวทางธุรกิจและระบบงานอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีประสิทธิภาพ และมีความยืดหยุ่นให้รองรับการขยายตัว ตลอดจนตอบสนองเรื่องระยะเวลา กลุ่มทิสโก้จึงใช้เทคโนโลยีของไอบีเอ็มใน 3 ด้านหลัก คือ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์, ระบบบริหารจัดการและตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานไอที และบริการเอาท์ซอร์สด้านไอที เพื่อพัฒนาให้ระบบไอทีของกลุ่มทิสโก้ มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร
• ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ สำหรับฮาร์ดแวร์ ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์ Power Systems 770 โดยกลุ่มทิสโก้ถือเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ใช้ เซิร์ฟเวอร์ Power Systems 770 เซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ล่าสุดของไอบีเอ็ม ที่มีความโดดเด่นทั้งในแง่ประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสำหรับเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น (Virtualization) หรือเทคโนโลยีเสมือน ทั้งยังช่วยประหยัดไฟ ประหยัดพื้นที่ พร้อมหน่วยประมวลผลที่สามารถรองรับการขยายตัวของปริมาณงานของทิสโก้ได้มากกว่าเดิม 2 เท่า นอกจากนี้ กลุ่มทิสโก้ยังพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำงานอยู่บนซอฟต์แวร์ Websphere บนเครื่อง Power Systems 770 ของไอบีเอ็ม โดยประกอบด้วยระบบงานที่ให้บริการลูกค้าผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต เช่น e-Banking บริการข้อมูลเงินฝากและสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้, TISCOASSET E-Trading Service บริการซื้อ/ขายกองทุนรวมออนไลน์ของ บลจ. ทิสโก้ เป็นต้น
• ระบบบริหารจัดการและตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานไอที (IT Infrastructure Management & Monitoring System) กลุ่มทิสโก้เลือกใช้ซอฟแวร์ Tivoli สำหรับการบริหารจัดการ การตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพของโครงสร้างไอทีของกลุ่มทิสโก้ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานไอที เช่น เซิร์ฟเวอร์ เครือข่าย ฐานข้อมูล ธุรกรรม และแอพพลิเคชั่น โดยจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาแสดงบนหน้าจอส่วนกลาง หรือแดชบอร์ด เพื่อใช้รายงานสถานะและติดตามความคืบหน้า โดยสามารถแจ้งเตือนเหตุการณ์ผิดปกติให้ผู้ดูแลระบบสามารถเข้าไปตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้ล่วงหน้าและทันท่วงที เพื่อไม่ให้กระทบกับบริการต่างๆ โดยสามารถตรวจสอบระบบและแจ้งเตือนโดยส่ง SMS ไปยังผู้ดูแลระบบ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถค้นหาต้นเหตุของปัญหาได้ง่ายขึ้น เพื่อเป็นการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางด้านไอทีขององค์กร
• บริการเอาท์ซอร์สด้านไอทีอื่นๆ (Outsourcing Service & Others) เช่นการบริการจัดการระบบและปฏิบัติการ Core Banking System, การออกแบบและสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์สำรอง เป็นต้น โดยเป็นบริการต่อเนื่องหลังจากที่กลุ่มทิสโก้ให้ไอบีเอ็มดูแลระบบ Core Banking มาตั้งแต่ปี 2548
“โดยในภาพรวม จากการปรับปรุงระบบไอทีครั้งนี้ กลุ่มทิสโก้จะได้ประโยชน์หลัก 3 ประการ ได้แก่ ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากขึ้น จากช่วงเวลาตอบสนองต่อปัญหา (Response time) ที่รวดเร็วขึ้น ทั้งยังช่วยลดต้นทุนทางด้านไอที เนื่องจากใช้เซิร์ฟเวอร์และซอฟต์แวร์จำนวนน้อยลง และยังเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานจากการผนวกส่วนงานต่างๆ ให้เป็นเอกภาพมากขึ้น และการพัฒนาระบบไอทีครั้งนี้จะรองรับการเติบโตทางธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ไปได้อีก 3 – 5 ปี” นางยุถิกา กล่าว
นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ไอบีเอ็มมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มทิสโก้ให้เป็นผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเพื่อรองรับการเติบโตต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นระบบธนาคารอัจฉริยะ และพัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาศัยความเป็นผู้นำในด้านการนำเสนอโซลูชั่นแบบครบวงจรโดยยึดตามหลักมาตรฐานของไอบีเอ็ม ในฐานะที่ไอบีเอ็มเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มทิสโก้มาเป็นเวลานาน ทางไอบีเอ็มพร้อมสนับสนุนกลุ่มทิสโก้ทุกด้านเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจทั้งในปัจจุบันและมุ่งสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ในโอกาสที่ไอบีเอ็มครบรอบ 100 ปีในปีนี้ เรายังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโยลีอย่างต่อเนี่อง เพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งช่วยสร้างรายได้และนวัตกรรมใหม่ๆให้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้ธุรกิจของลูกค้าธนาคารประสบความสำเร็จมากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างวางใจเลือกไอบีเอ็มเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้วยดีเสมอมา”

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมของไอบีเอ็มได้ที่ www.facebook.com/IBMThailand

View :1693
Categories: Press/Release Tags: ,

แพคเน็ทช่วยเพิ่มความสะดวกในการสำรองและการจัดเก็บข้อมูลด้วยบริการใหม่ในคลาวด์

March 13th, 2011 No comments

Pacnet DataVault ปกป้องข้อมูลออนไลน์อัตโนมัติสำหรับทุกธุรกิจ

แพคเน็ทประกาศเปิดตัวบริการใหม่ Pacnet DataVault บริการจัดเก็บข้อมูลในคลาวด์ ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการสำรองและจัดเก็บข้อมูล เหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่มีการเติบโตในทุกวันนี้

“ ด้วยปริมาณอีเมล์ ไฟล์เอกสาร และรูปภาพต่างๆ ที่แต่ละองค์กรธุรกิจสร้างขึ้นมาทุกวันนี้ มีอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

องค์กร หลายแห่งกำลังต่อสู้กับความซับซ้อน ซึ่งมาพร้อมกับการสำรองข้อมูลที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจำเป็นต้องจัดเก็บไว้เพื่อความต่อเนื่องในการทำธุรกิจ และตามข้อกำหนดของกฎหมาย ” คริส วิลสัน รองประธานอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์และการจัดการผลิตภัณฑ์ของแพคเน็ท กล่าว “ Pacnet DataVault บริการใหม่ล่าสุดในชุดโซลูชั่นคลาว์คอมพิวติ้งของเรา นำเสนอ การสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นที่ต้องการสำหรับธุรกิจในทุกวันนี้ บริการนี้ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถมุ่ง

เน้นไปที่การดำเนินธุรกิจของพวกเขาได้ โดยไม่ต้องมากังวัลเรื่องการสำรองข้อมูล ”

หลังจากการติดตั้งอย่างง่ายดายด้วยซอฟต์แวร์ Pacnet DataVault Client ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน และทำการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต ข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ สามารถถูกตั้งค่าเพื่อทำเป็นข้อมูลสำรองใ น “คลาวด์” และเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์ของ Pacnet DataVault โดยอัตโนมัติ ด้วยการ โฮสติ้ง ข้อมูลที่ถูกสำรองไว้ใน “คลาวด์” ข้อมูลจะไม่เพียงได้ รับความคุ้มครอง แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่ และทุกเวลา

Pacnet DataVault ใช้การเข้ารหัสลับขั้นสูงระดับเดียวกับที่ใช้ในกองทัพ โดยสนับสนุนทั้งการเข้ารหัสแบบ 448- bit Blowfish หรือการเข้ารหัสส่วนตัว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ว่าข้อมูลของพวกเขาจะถูกถ่ายโอนและจัดเก็บอย่างปลอดภัย

นอกจากความสามารถในการสำรองข้อมูลโดยอัตโนมัติแล้ว ผู้ใช้บริการ Pacnet DataVault ยังสามารถ กำหนดเวลาใน การสำรองข้อมูล ได้ เอง และยังสามารถทำการสำรองข้อมูลไปยังอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ภายนอกได้อีกด้วย นอก จากนี้ ผู้ใช้บริการยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะสำรองข้อมูลเฉพาะไฟล์ใหม่ หรือเฉพาะไฟล์ที่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเลือกสำรองข้อมูลทั้งหมดก็ได้

ด้วยรูปแบบราคา “ จ่ายเท่าที่ใช้งาน หรือ pay-as-you-go” ทำให้ผู้ใช้บริการ Pacnet DataVault ไม่ยุ่งยากและประหยัดค่าใช้จ่าย โดยไม่ต้องใช้เงินทุน สูงในการจัดซื้อโซลูชั่นการสำรองข้อมูลที่เป็นฮาร์ดแวร์ และลูกค้ายังสามารถเพิ่มระดับ ข้อกำหนดใน การจัดเก็บข้อมูลของพวกเขาได้ตามที่ต้องการ โดยสามารถเพิ่มขึ้นได้ครั้งละ 5GB

บริการ Pacnet DataVault ขับเคลื่อนโดย Mozy™ บริการสำรองข้อมูลออนไลน์ชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรมจาก EMC Corporation โซลูชั่นนี้มีให้ บริการแล้วในออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงค์โปร์ และประเทศไทย และจะเปิดให้บริการครบทั่วทุกประเทศที่แพคเน็ทมีสำนักงานอยู่ภายในปีนี้

เกี่ยวกับแพคเน็ท

แพคเน็ทได้รับการจัดอันดับให้เป็น “ บริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบปี ” จาก Frost & Sullivan ในปี 2552 และได้รับรางวัล “ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมดีเด่นในประเภทค้าส่ง ” จากงานประกาศผลรางวัลเทเลคอม เอเชีย ประจำปี 2552 แพคเน็ทคือผู้ให้บริการโทรคมนาคมอิสระรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ถือกำเนิดจากการรวมกิจการระหว่างเอเชีย

เน็ตคอม และแปซิฟิค อินเทอร์เน็ต แพคเน็ทเป็นเจ้าของและผู้ให้บริการโครงข่าย EAC-C2C ซึ่งเป็นโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำของเอกชนรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยความยาว 36,800 กิโลเมตร และได้รับการออกแบให้มีศักยภาพในการรับส่งข้อมูลตั้งแต่ 17.92 เทราไบต์ ถึง 30.72 เทราไบต์ต่อวินาที แพคเน็ทยังเป็นเจ้าของและผู้บริหารโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำ EAC Pacific ความยาว 9,620 กิโลเมตรข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก โดยมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลระหว่างเอเชียและอเมริกาเหนืออยู่ที่ 1.92 เทราไบต์ต่อวินาที แพคเน็ทนำเสนอบริการ IP-Based Solutions ที่ครอบคลุมสำหรับผู้ให้บริการโครงข่าย ( carriers) รวมถึงกลุ่มลูกค้า องค์กรขนาดใหญ่ และบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัทฯ มีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกงและสิงคโปร์ และมีสำนักงานสาขาในตลาดหลักในประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียและอเมริกาเหนือ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเข้าไปดูได้ที่ www.pacnet.com

View :1444
Categories: Press/Release Tags: