Archive

Author Archive

นอร์ตัน เผยโฉมระบบป้องกันภัยคุกคาม สำหรับวินโดว์ 8 เครือข่ายสังคมออนไลน์และการโจมตีผ่านเว็บ

November 7th, 2012 No comments

ชูจุดเด่นเวอร์ชั่นใหม่ ยกระดับการทำงานบนวินโดว์ 8 ให้รวดเร็วและปลอดภัยขึ้น พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ เสริมระดับการป้องกันและประสิทธิภาพการใช้งาน

ประกาศความพร้อมเปิดตัว Norton 360 Multi-Device

กรุงเทพ – 1 พฤศจิกายน 2555 — นอร์ตัน โดยไซแมนเทค (Nasdaq: SYMC) เปิดตัวผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัย “นอร์ตัน อินเทอร์เน็ต ซิเคียวริตี้” (Norton Internet Security) และ “นอร์ตัน แอนตี้ไวรัส” (Norton AntiVirus) เวอร์ชั่นล่าสุดที่การันตีด้วยรางวัลชนะเลิศ ออกแบบให้ทำงานบนวินโดว์ 8 ด้วยประสิทธิภาพและความเร็วที่สูงขึ้น พร้อมยกระดับการรักษาความปลอดภัย และง่ายต่อ การใช้งาน

นอกจากนี้ นอร์ตันยังได้เปิดตัว “นอร์ตัน 360 มัลติ-ดีไวซ์” (Norton 360 Multi-Device) โซลูชั่นรักษาความปลอดภัยครบวงจรที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของสายผลิตภัณฑ์ ให้ครบถ้วนมากขึ้น โปรแกรมดังกล่าว รองรับการรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์หลากหลายชนิด บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย โดยพร้อมวางจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศไทยแล้ว

นอร์ตัน 360 มัลติ-ดีไวซ์ เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีอุปกรณ์สื่อสารหลายชนิด และต้องการโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยที่ง่ายต่อการใช้งาน ชุดป้องกันภัยคุกคามนี้ ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์บนเครื่องพีซี และเครื่องแมคอินทอช รวมทั้งอุปกรณ์โทรศัพท์และแท็บเลตบนระบบแอนดรอยด์ โดยจะมาพร้อมกับบริการสำรองข้อมูลออนไลน์ถึง 25 กิกะไบต์

ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านเพียงปุ่มเดียว นอกจากนี้ แผงควบคุมการจัดการระบบของนอร์ตัน ที่รองรับการทำงานบนเครือข่ายคลาวด์ ยังช่วยให้ผู้ใช้บริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ต่างๆ ได้ในทุกที่ ทุกเวลา ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

นอร์ตัน 360 มัลติ-ดีไวซ์ เป็นระบบป้องกันภัยคุกคามที่มีความยืดหยุ่นสูง ผู้ใช้สามารถปรับระบบการรักษาความปลอดภัยจากอุปกรณ์หนึ่ง ไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่ง เพื่อรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เพียงแค่เพิ่มหรือเปลี่ยนหมายเลขและชนิดของอุปกรณ์ที่ต้องการลงในระบบ

ผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด ได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้านการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งาน ด้วยความสามารถที่มาพร้อมกับระบบการป้องกันถึง 5 ชั้น ที่เป็นสิทธิบัตรของนอร์ตัน รวมถึงระบบการคุ้มครองการโจมตีผ่านเครือข่ายสังคมและการโจมตีผ่านเว็บ (Scam) ที่มีความแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการใช้งานบนเครือข่ายคลาวด์ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นใหม่ ยังทำงานเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 (Windows 8 Compatible) และได้รับการออกแบบมาเพื่อยกระดับการทำงานของ Windows 8 ให้มีความปลอดภัยและรวดเร็วขึ้น เมื่อเทียบกับ Windows Defender ที่มีใน Windows 8

จากการทดสอบโดยองค์กรกลาง พบว่า นอร์ตันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Windows 8 ให้เร็วขึ้นได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยมีมากกว่า Windows Defender ที่อยู่ใน Windows 8 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ผลการทดสอบยังแสดงให้เห็นว่า นอร์ตันมีความถูกต้องและแม่นยำในการตรวจจับและป้องกันทุกภัยคุกคามที่ Windows Defender ไม่สามารถตรวจจับได้
“จากข้อมูลในรายงานอาชญากรรมออนไลน์ของนอร์ตัน หรือ Norton Cybercrime Report ในปี 2555 ระบุว่า 1 ใน 10 ของผู้ใช้เครือข่ายสังคม ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีผ่านเว็บและลิงค์ปลอม ทุกวันนี้ ผู้บริโภคใช้ชีวิตในแทบทุกด้านบนเครือข่ายออนไลน์ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อข้อมูลส่วนตัวที่อยู่ในโลกดิจิตอล” นายเจสัน ม๊อก ผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ ไซแมนเทค ประเทศไทย กล่าว

นายเจสัน กล่าวต่อว่า นอร์ตันเวอร์ชั่นใหม่ เข้ามาช่วยปกป้องภัยคุกคามต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ รวมทั้งช่องโหว่อื่นๆ และด้วยความสามารถในการป้องกันการโจมตีผ่านเครือข่ายสังคมและการโจมตีผ่านเว็บ ที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เมื่อเข้าสู่โลกของการเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์อันหลากหลาย

ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด ได้รับการพัฒนาให้มีระดับการรักษาความปลอดภัยที่สูงขึ้น พร้อมเสริมสมรรถนะและความรวดเร็วในการทำงาน อีกทั้งยังง่ายต่อการใช้ และจากการทดสอบโดยองค์กรกลาง ผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นนี้ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ในกลุ่มของสินค้าประเภทเดียวกัน ในเรื่องการป้องกันภัยคุกคามและประสิทธิภาพการใช้งาน โดยได้ปรับปรุงและเสริมคุณสมบัติใหม่ ดังนี้

การยกระดับความปลอดภัย
นอกเหนือจากการผสานเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม นอร์ตันเวอร์ชั่นใหม่มาพร้อมกับประสิทธิภาพการป้องกันภัยคุกคาม ประกอบด้วย

· การป้องกันการโจมตีผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking Protection) – ระบบนี้ช่วยป้องกันผู้บริโภคจากภัยคุกคามต่างๆ และการโจมตีผ่านอินเทอร์เน็ตบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น Likejacking (สแกมประเภทหนึ่ง เมื่อผู้ใช้กด “Like” ในหน้าเพจบนเฟสบุ๊ค สแกมจะทำการ Spam
Post ลิงค์ต่อไปยังหน้าวอลล์ของเพื่อนและระบาดต่อไป) ข้อความลวง (Malicious Messages) การโพสต์ (Post) หรือข้อความเตือน (Notices) บนเครือข่ายสังคมออนไลน์
· การใช้ข้อมูลเชิงลึกวิเคราะห์การโจมตีผ่านอินเทอร์เน็ต (Scam Insight) – ความสามารถในการป้องกันการโจมตีผ่านเว็บ จะเตือนผู้ใช้ภายในชุมชนนอร์ตัน (Norton User Community) ระวัง การเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงเป็นภัยคุกคาม ทั้งที่เป็นเว็บไซต์ใหม่และเว็บไซต์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก เพื่อเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัญชีธนาคาร หรือข้อมูลการล็อคอินต่างๆให้ปลอดภัย

· การเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันเครือข่าย (Enhanced Network Defenses) – คุณสมบัตินี้ จะช่วยให้ผู้ใช้ปลอดภัยจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เวอร์ชั่นล่าสุดมาพร้อมกับความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะมีทั้งระบบไฟร์วอลล์อัจฉริยะ และการใช้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถแกะรอยตามหมายเลข IP ที่เป็นที่รู้จัก นอกเหนือจากการติดตามไฟล์ URL และโดเมนยอดนิยม

เสริมความเร็วในการใช้งาน
ในยุคที่พฤติกรรมผู้บริโภค มีความต้องการใช้งานอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต หรือเครื่องโน้ตบุ๊คขนาดเล็กในขณะเดินทาง ความสามารถในการเปิด-ปิดเครื่องที่รวดเร็ว และการใช้งานแบตเตอรี่ ที่ยาวนาน ทวีความสำคัญมากขึ้น ผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุดจึงได้รวมความสามารถที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้งาน ครอบคลุมถึง

· การเปิด-ปิดเครื่องที่รวดเร็วขึ้น (Faster Startup & Shutdown) โดยได้ปรับปรุงโครงสร้างการทำงานใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เครื่องลดระยะเวลาการเปิดและปิดในทุกครั้งที่มีการใช้งาน

· การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนาน (Maximized Batter Power) มีการลดการใช้พลังงาน ทำให้เครื่องยืดระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ อีกทั้งยังทำให้เครื่องที่อยู่ในโหมด Sleep และ Hibernate กลับคืนสู่โหมดการทำงานปกติได้รวดเร็วขึ้น

· การเพิ่มประสิทธิภาพการรองรับไฟล์มีเดียต่างๆ เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่า ไฟล์มีเดีย เช่น รูปภาพ เพลง หรือคลิปวิดีโอ จะปลอดภัยจากการโจมตี โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน ของเครื่อง

ง่ายต่อการใช้
นอกจากเรื่องความปลอดภัยและความรวดเร็วที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ นอร์ตัน ยังง่ายต่อการใช้งาน โดยเวอร์ชั่นล่าสุด ได้เสริมความสามารถใหม่ๆ อาทิ
· การใช้งานผ่านจอแบบสัมผัส (Touch Screen-Friendly) มีการออกแบบ “ส่วนติดต่อกับผู้ใช้” หรือ User Interface ให้มีประสิทธิภาพรวดเร็วขึ้น และเหมาะสำหรับการใช้งานบนหน้าจอแบบสัมผัส
· การอัพเดทโปรแกรมต่างๆ จะเป็นการดาวน์โหลดอยู่เบื้องหลังการทำงานของเครื่อง และมีการติดตั้ง (install) โดยอัตโนมัติ โดยมีการออกเวอร์ชั่นใหม่ให้น้อยลง (Version-Less) ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยจากภัยคุกคามล่าสุด โดยไม่จำเป็นต้องคอยตรวจสอบ หรือติดตามการอัพเดทด้วยตนเอง
· การลดการรีบูตเครื่อง (Reboot-Less) เครื่องจะไม่มีการรีบูตอีกต่อไป เมื่อมีการอัพเดทโปรแกรมใหม่ ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการขัดจังหวะ พร้อมกับได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามล่าสุด

ราคาและการวางจำหน่าย
นอร์ตัน 360 มัลติ-ดีไวซ์ (Norton 360 Multi-Device), นอร์ตัน อินเทอร์เน็ต ซิเคียวริตี้ (Norton Internet Security) และ นอร์ตัน แอนตี้ไวรัส (Norton AntiVirus)เวอร์ชั่นล่าสุด วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ร้านค้าผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์นอร์ตัน โดยราคาขายปลีกสำหรับการใช้งาน 1 ปี มีดังต่อไปนี้
· นอร์ตัน 360 มัลติ-ดีไวซ์ (Norton 360 Multi-Device)
ราคา 2,090 บาท สำหรับ 3 อุปกรณ์ และ 2,490 บาท สำหรับ 5 อุปกรณ์
· นอร์ตัน อินเทอร์เน็ต ซิเคียวริตี้ (Norton Internet Security)
ราคา 890 บาท สำหรับ 1 ไลเซ่นส์ และ ราคา 1,780 บาท สำหรับ 3 ไลเซ่นส์
· นอร์ตัน แอนตี้ไวรัส (Norton AntiVirus)
ราคา 590 บาท สำหรับ 1 ไลเซ่นส์ และ 1,290 บาท สำหรับ 3 ไลเซ่นส์

View :1263
Categories: Press/Release Tags:

เทรนด์ไมโคร เปิดตัวไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 ครั้งแรกในไทยเสริมความปลอดภัยไลฟ์สไตล์ยุคดิจิตอล

November 7th, 2012 No comments

บริษัท เทรนด์ไมโคร อินคอร์ปอเรท (TYO: 4704; TSE: 4704) ผู้นำระดับโลกด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับระบบคลาวด์ประกาศเปิดตัว เทรนด์ไมโคร ไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 (Trend Micro™ Titanium™ Maximum Security 2013) โซลูชั่นใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคได้ว่า “การป้องกันเป็นเรื่องง่าย” ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อช่วยปกป้องไฟล์ข้อมูลที่มีความสำคัญ ตลอดจนความเป็นส่วนตัวและครอบครัวของผู้บริโภคหรือผู้ใช้งานออนไลน์ให้ปลอดภัยจากภัยคุกคามใหม่ๆ บนโลกไซเบอร์

นายวิลเลี่ยม ตัน ผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคส่วนใหญ่จะใช้งานออนไลน์ทั้งในเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ อาทิ ตรวจสอบอีเมล ท่องเว็บ และใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของครอบครัวและเพื่อนๆ ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊กหรือพีซี ดังนั้นบริษัทรักษาความปลอดภัยต่างๆ จะต้องเริ่มไล่ตามผู้บริโภคให้ทัน และช่วยปกป้องพวกเขาจากความเสี่ยงที่พวกเขาอาจได้รับ เรามีความภูมิใจอย่างยิ่งที่บริษัทเทรนด์ไมโครเป็นบริษัทแรกที่ได้นำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ครอบคลุม มีประสิทธิภาพสูงสุด และใช้งานง่ายให้กับกลุ่มลูกค้าของเทรนด์ไมโคร”

ขณะนี้มีผู้คนนับพันล้านรายกำลังสร้างสังคมขึ้นบนเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งนั่นอาจทำให้คนกลุ่มใหญ่ต้องตกเป็นเหยื่อของอาชญากรที่ต้องการแสวงหาประโยชน์ได้ จะเห็นได้ว่าเทคนิค Click-jacking, แอพพลิเคชั่นปลอม และเทคนิควิศวกรรมด้านสังคมเป็นเพียงบางส่วนของกลยุทธ์ที่ใช้ในการส่งต่อมัลแวร์ให้กับเหยื่อ และจากผลสำรวจด้านการรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคประจำปีของบริษัทเทรนด์ไมโครพบว่า 20% ของผู้บริโภครายงานว่าขณะใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์อยู่ พวกเขาได้คลิกลิงก์ที่นำไปสู่การโพสต์สิ่งต่างๆ ไปยังหน้าวอลล์ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้ต้องการแบ่งปันสิ่งนั้น และ 18% รายงานว่าการคลิกลิงก์ได้ส่งผลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกเขามีปัญหาเกิดขึ้น

นายสุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล ผู้จัดการฝ่ายเทคนิค ประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโซลูชั่นเทรนด์ไมโคร ไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 ที่เปิดตัวในวันนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่น คือ สามารถระบุลิงก์ที่อาจเป็นอันตรายได้ ช่วยปกป้องผู้ใช้ในขณะใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ กูเกิล มายสเปซ และพินเทอเรส เมื่อไททาเนียมระบุลิงก์ที่ไม่ปลอดภัยแล้วก็จะแจ้งให้ผู้บริโภคแบ่งปันข้อมูลนี้กับเพื่อนๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถช่วยให้เพื่อนใช้งานขณะออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยด้วยเช่นกัน”

จากผลสำรวจด้านความปลอดภัยยังพบว่า 65% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความกังวลเกี่ยวกับการที่มีบุคคลอื่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของตนบนไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ขณะที่ 35% ไม่เคยตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของตนหรือตรวจสอบน้อยครั้งมาก และเกือบครึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกตนเป็นระยะเวลานานกว่าหกเดือน นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ (มากกว่า 60%) แบ่งปันข้อมูลบนเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่อาจนำไปสู่​​การละเมิดความปลอดภัยได้ เช่น วันเกิด บ้านเกิด ชื่อสัตว์เลี้ยง และอื่นๆ

ไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 เป็นโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยแบบออลอินวันที่สมบูรณ์แบบและสามารถตอบสนองความต้องการสำหรับผู้บริโภคที่มีการใช้งานอุปกรณ์หลายอย่าง และต้องการเสริมความแข็งแกร่งให้กับรหัสผ่าน เพื่อรักษารูปถ่ายและความทรงจำของพวกเขาให้ปลอดภัย รวมทั้งได้รับการคุ้มครองตลอดเวลาเมื่อใช้งานไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ ด้วยซอฟต์แวร์เทรนด์ไมโคร ออนไลน์ การ์เดียนที่ผู้ปกครองสามารถตรวจสอบเครือข่ายสังคมออนไลน์ เนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ที่อยู่อีเมล และรหัสผ่านบนอินเทอร์เน็ตได้

และยังมีฟังก์ชั่นพิเศษคือ เทรนด์ไมโคร ไดเร็ค พาส ตัวจัดการรหัสผ่านและ เทรนด์ไมโคร เซฟซิงค์ ที่จัดเก็บข้อมูลนิรภัยแบบออนไลน์ที่สามารถเก็บเอกสาร รูปภาพ และวิดีโอที่สำคัญต่างๆ สำรองไว้ในระบบคลาวด์ได้มากถึง 5 กิกะไบต์ และจะได้รับสิทธิ์ใช้งาน 3 สิทธิ์ที่สามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงพีซี แล็ปท็อป แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือได้ รวมถึง เทรนด์ไมโคร วอลท์ ช่วยเก็บเอกสารสำคัญให้ปลอดภัย และสามารถทำการล็อกได้จากระยะไกลในกรณีที่คอมพิวเตอร์สูญหายหรือถูกขโมยสำหรับผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์และข้อมูลจำนวนมาก

จุดเด่นของไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 ที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือ เฟซบุ๊ก ไพรเวซี่ สแกนเนอร์สำหรับวินโดวส์ ซึ่งเทรนด์ไมโครนับเป็นรายแรกและรายเดียวในอุตสาหกรรมที่นำเสนอการป้องกันแบบพิเศษสำหรับข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยการกดคลิกเพียงครั้งเดียว ผู้ใช้สามารถตรวจสอบการตั้งค่าหน้าเฟซบุ๊กของตนและควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้อย่างง่ายดาย ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปจัดการและเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่างๆ ได้โดยทันที พร้อมรองรับระบบปฏิบัติการใหม่ วินโดว์ส 8 และวินโดว์สรุ่นอื่นๆ

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายโซลูชั่นเทรนด์ไมโคร ไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวริตี้ 2013 จะขายผ่านทางบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญและมีเครือข่ายร้านค้าปลีกที่ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ เทรนด์ไมโครยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายโซลูชั่นเทรนด์ไมโคร ไททาเนียม 2013 ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ www.thaiware.com

“บริษัทเทรนด์ไมโครมีแผนจะจัดกิจกรรมการตลาดช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการจัดโปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดตัวไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวรตี้ สำหรับ 3 ผู้ใช้ เลือกใช้ได้ทั้งวินโดว์ส แม็คโอเอส หรือแอนดรอยด์ ราคาพิเศษ 1,490 บาท จากราคาปกติ 1,890 บาท แถมหูฟังสุดหรูยี่ห้อ Sennheiser รุ่น HD180 มูลค่า 800 บาทฟรีทันทีส่วนไททาเนียม แม็กซิมั่ม ซิเคียวรตี้ สำหรับ 1 ผู้ใช้ ราคาพิเศษ 699 บาท จากราคาปกติ 999 บาท พร้อมจัดกิจกรรมร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลมากมายภายในงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2013 ระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤศจิกายน 2555 ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” นายสุรศักดิ์กล่าวสรุป

View :1295
Categories: Press/Release Tags:

กสทช. เยี่ยมชมดีแทคทดสอบ 4G เร็ว 150 Mbps

November 7th, 2012 No comments

6 พฤศจิกายน 2555 – พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช.และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เข้าเยี่ยมชมการสาธิตเทคโนโลยี บนคลื่นความถี่ 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ณ ดีแทคเฮ้าส์ อาคารจัตุรัสจามจุรี เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีดร. ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และทีมงานให้การต้อนรับ ผลการทดสอบปรากฏว่า ความเร็วการใช้งานดาวน์โหลดทำได้สูงสุดถึง 150 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) และอัพโหลดทำได้สูงสุดถึง 50 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) หรือเร็วกว่า 3G ประมาณ 5 เท่า พร้อมทั้งชมการสาธิตการอัพเกรดโครงข่ายใหม่ ซึ่งดีแทคจะสามารถอัพเกรดสู่เทคโนโลยี 4G ได้ภายในระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมง อันสะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และโครงข่ายที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียในปัจจุบัน

View :1263
Categories: 3G Tags: ,

ผู้อำนวยการ SIPA เผย 3 เดือนผลงานคืบหน้า เตรียมเดินหน้าเต็มที่โครงการปี 2556

November 7th, 2012 No comments

ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ ()


นายไตรรัตน์ ฉัตรแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติหรือ SIPA แถลงการทำงาน 3 เดือนแรกผลงานคืบหน้า นำพาองค์กรส่งมอบเคพีไอ 4.34 ให้ ก.พ.ร. พร้อมจัดทัพบุคลากรและแผนงานปี 2556 ลงตัวพร้อมเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมเต็มที่

นายไตรรัตน์ เปิดเผยว่า จากการเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมวอฟต์แวร์แห่งชาติ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ครบกำหนด 3 เดือนแรกของการทำหน้าที่แล้ว ซึ่งเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งได้ระบุแผนการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนแรกของการทำงานว่าจะเป็นการเร่งรัดงานตามวัตถุประสงค์เดิมของปีงบประมาณ 2555 ให้ลุล่วงตามตัวชี้วัด ซึ่งถือเป็นงานหลักในช่วงระยะ 3 เดือนแรก โดยในช่วงดังกล่าวนี้สิ่งที่จะดำเนินการควบคู่ไปคือปรับการบริหารงานภายในทั้งหมดเพื่อให้เข้ากับยุทธศาสตร์ของ SIPA และเสริมการสร้างอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ให้พร้อมรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนให้มากขึ้นตามแผนงานระยะยาวที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นที่น่าพอใจว่าการดำเนินการดังกล่าวสามารถดำเนินการได้สำเร็จลุล่วง โดยขณะนี้ SIPA ได้รับผลการประเมินการปฏิบัติงานในปี 2555 จาก ก.พ.ร. อย่างไม่เป็นทางการในคะแนนที่ 4.34 แล้ว นอกจากนี้การดำเนินการในส่วนของการปรับปรุงการบริหารงานภายในก็สามารถดำเนินการได้เรียบร้อยเกือบครบทุกส่วน และที่สำคัญสามารถดำเนินการปรับการจ้างงานเจ้าหน้าที่ในองค์กรเป็นระบบสัญญาจ้างได้ลุล่วงหลังจากเรื่องนี้เป็นที่ค้างคามาเป็นเวลานาน และเป็นภารกิจหลักเรื่องแรกๆที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารให้ดำเนินการให้ลุล่วง ซึ่งประเด็นนี้ตนเองได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ของ SIPA ทุกคน
สำหรับภารกิจในลำดับต่อจากนี้ไป จะต้องเข้าสู่การขับเคลื่อนงานของปีงบประมาณ 2556 ให้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะขณะนี้ในภาครัฐถือว่าเริ่มต้นการทำงานในปีงบประมาณใหม่แล้ว และขณะนี้โครงการหลักของ SIPA ก็ได้รับการอนุมัติแผนงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายโครงการขณะนี้ได้เริ่มเดินหน้าแผนกิจกรรมในรายละเอียดแล้ว ส่วนบางโครงการกำลังอยู่ระหว่างปรับรายละเอียดเพิ่มเติม แต่มั่นใจว่าทั้งหมดจะสามารถดำเนินการได้ก่อนสิ้นปี 2555 นี้ จากเดิมได้กำหนดไว้ว่าในช่วง6 เดือนจะเน้นไปที่เรื่องของการสร้างตลาดภายในประเทศ พร้อมทั้งเร่งดำเนินมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านเงินทุน, องค์ความรู้, การวิจัย, การตลาด โดย SIPA จะเน้นการทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน สมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง, หน่วยงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง, หน่วยงานในสังกัดกระทรวงไอซีที ซึ่งขณะนี้งานทั้งหมดมีความคืบหน้าไปมากในหลายส่วน และได้เข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการต่างๆของกระทรวงไอซีที ตามความเหมาะสมในแต่ละเรื่องที่จะต้องทำ รวมไปถึงการเร่งสร้างมาตรฐานสำหรับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ตามนโยบายของกระทรวงไอซีที โดยในด้านเงินทุนนั้น ธุรกิจซอฟต์แวร์จะแตกต่างจากภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีการลงทุนเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ จึงได้มีการสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานที่สนับสนุนด้านการลงทุน เช่นสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และสถาบันการเงินต่างๆ เกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจซอฟต์แวร์ โดยชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการได้รับสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบัน มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมกว่า 900 โครงการ และได้รับการอนุมัติเกือบทั้งหมด รวมเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็ได้มีความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME Bank ในการปล่อยเงินกู้เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้ซอฟต์แวร์ด้วย

ขณะเดียวกันยังได้มีการหารือกับตลาดหลักทรัพย์เพื่อผลักดันให้ธุรกิจซอฟต์แวร์เข้าไปลงทุนในตลาดหลัก ทรัพย์ทั้ง SET และ MAI มากขึ้น ซึ่งการที่จะเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้ประสบความสำเร็จนั้น ผู้ประกอบการด้านซอฟต์แวร์จะต้องสามารถแสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องของรายได้อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาซื้อขายระยะยาว มีบริการหลังการขายที่ดี รวมถึงมีการบริหารจัดการทรัพยากรทั้งด้านบุคคล และเครื่องมือเครื่องใช้ในสำนัก งานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทที่ต้องการเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จำเป็นปรับตัวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปด้วย โดยในปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์หลายรายที่ประสบความสำเร็จ

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า การสร้างมูลค่าให้แก่ทรัพย์สินทางปัญญา ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้าต่อ เพราะผู้ประกอบการซอฟต์แวร์ไม่นิยมจดทะเบียนสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญา ดังนั้นการส่งเสริมให้มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรทางปัญญา จึงไม่ได้หวังผลเพียงป้องกันการลอกเลียนแบบเท่านั้น แต่เพื่อการต่อยอดทางธุรกิจด้วย โดยเมื่อจดทะเบียนสิทธิบัตร หรือจดลิขสิทธิ์แล้ว จะทำให้ทรัพย์สินทางปัญญานั้นๆสามารถนำไปประเมินมูลค่าได้ ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปเจรจากับแหล่งเงินทุนต่างๆได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ การสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านไอที หรือ IT Professional ก็เป็นอีกเรื่องที่พยามผลักดัน เพื่อรองรับ AEC 2558 ด้วย โดยSIPA จะสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ภายใต้ SIPA Academy ซึ่งจะเน้นสร้างบุคลากรที่จะเข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โดยตรง โดยจะสอนความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรม กระบวนการดำเนินธุรกิจ หรือการบริการด้านไอที เป็นต้น ซึ่งผู้ที่เรียนจบหลักสูตรของ SIPA จะพร้อมเข้าทำงานในอุตสาหกรรมนี้ได้

อย่างไรก็ดี ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC นอกจากจะส่งผลให้เกิดเสรีทางการค้า บริการ การลงทุน และการเคลื่อนย้ายเงินทุนแล้ว ยังรวมถึงแรงงานฝีมือ โดยด้านแรงงานฝีมือนี้ ได้ครอบคลุมสาขาวิศวกรรมด้วย ซึ่งบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์ของไทย แม้จะมีฝีมือดีแต่ยังเป็นรองด้านภาษาเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆในอาเซียน อย่างไรก็ตามคนไทยสามารถปรับตัวได้ดี จึงมีโอกาสที่คนไทยจะได้ทำงานร่วมกับบริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำมากขึ้น รวมถึงเป็นโอกาสให้แรงงานไทยออกสู่ตลาดโลกด้วย

“การเปิดเสรีภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนี้ หากมองในมุมของการลงทุน ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่เหมาะสมต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีบุคลากรที่มีคุณภาพ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานอย่างครบครัน ทำให้เรามีโอกาสเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตซอฟต์แวร์ของอาเซียนได้โดยเราจะต้องเริ่มจากการสร้าง Network ของกลุ่มอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ในอาเซียน แล้วแบ่งแยกกันทำงานโดยดูจากความถนัดของแต่ละประเทศ ประเทศใดถนัดเรื่องไหนก็ให้ทำในเรื่องนั้นๆเพื่อจะได้ไม่เกิดความซ้ำซ้อน และแย่งตลาดกันเอง ซึ่งจะทำให้ซอฟต์แวร์ของอาเซียนเราสามารถแข่งกับซอฟต์แวร์อื่นๆในตลาดโลกได้” นายไตรรัตน์ กล่าว

นอกจากนี้ SIPA ยังมีโครงการสร้างบุคลากรทางด้านไอทีเฉพาะด้าน โดยภายในปี 2020 จะต้องสามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญไอทีเฉพาะด้าน Healthcare ให้ได้ 40,000 คน ซึ่งจะสามารถรองรับตลาด Healthcare ได้ทั่วภูมิภาคอาเซียนด้วย โดยในขณะนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร(ICT) ของไทยได้รับมอบหมายจากอาเซียนให้จัดทำมาตรฐานวิชาชีพด้าน ICT ทำให้ประเทศไทยเรามีโอกาสที่จะประกาศตัวได้ว่าเป็นศูนย์พัฒนาวิชาชีพด้าน ICT ของอาเซียน ซึ่งโครงการนี้ SIPA ได้รับมอบหมายจากกระทรวงICT มาแล้ว

View :1410

ทรูมูฟ เอช จัดงานเปิดตัว iPhone 5 สุดยิ่งใหญ่อีกครั้ง ตอกย้ำผู้นำสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่ง ตลอด 5 ปี

November 2nd, 2012 No comments


โดย นายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการพาณิชย์ การขายและรีเทล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ส่งมอบ จากทรูมูฟ เอช เครื่องแรกในไทยให้กับนายพงศ์พิพัฒน์ เผ่นโผน ซึ่งมาเข้าคิวรอ ณ พาร์ค พารากอน ตั้งแต่เวลา 10.30 น. โดยซื้อรุ่น 32 GB สีดำ ซึ่งลูกค้าคนแรกจะได้รับแพ็กเกจทัวร์ สิงคโปร์ 2 วัน 1 คืน จำนวน 2 ที่นั่ง พร้อมชมคอนเสิร์ต J Lo “Dance Again World Tour Live in Singapore” มูลค่ารวม 60,000 บาท

ทั้งนี้ ในงานเปิดตัว iPhone 5 ทรูมูฟ เอช จัดงานสุดยิ่งใหญ่อีกครั้ง มีลูกค้าให้ความไว้วางใจ จองซื้อ iPhone 5 จากทรูมูฟ เอชอย่างล้นหลาม ตอกย้ำผู้นำสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งตลอด 5 ปี พร้อมเสริมความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยบริการหลังการขายดีเยี่ยม ทั้งร้านทรูช้อปถึง 250 สาขาทั่วประเทศ และ IT Friends เพื่อนสนิทไอทีกว่า 500 คนที่จะทำให้ทุกเรื่องสมาร์ทโฟนเป็นเรื่องง่าย

ลูกค้าที่สนใจสามารถ จอง iPhone 5 และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ www.truemove-h.com/iPhone

View :1480

ดีแทคยกขบวนซานต้าสีฟ้าส่ง dtac iPhone 5 ถึงบ้านลูกค้า 50 คนแรก ฉลองเทศกาลแห่งความสุขล่วงหน้าก่อนใคร

November 2nd, 2012 No comments


ดีแทคเปิดตัว พร้อมแนวคิด Christmas Comes Early This Year กับบรรยากาศความสุขแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสล่วงหน้า จัดทีมดีแทคซานต้าสีฟ้านำสุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดส่งตรงถึงบ้านลูกค้าผู้โชคดี 50 คนแรกที่สั่งจองล่วงหน้าในคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2555 ที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ

นายปกรณ์ พรรณเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) กล่าวว่า “เราขอขอบคุณลูกค้าที่ให้ความสนใจ dtac อย่างล้นหลาม สำหรับครั้งนี้ ดีแทคร่วมฉลองการเปิดตัว dtac iPhone 5 ด้วยคอนเซ็ปต์ “Christmas Comes Early This Year” หรือ “ปีนี้คริสต์มาสต์ที่ดีแทคมาเร็วกว่าทุกปี” โดยนำบรรยากาศแห่งความสุขของเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีมามอบให้กับลูกค้ากันล่วงหน้า เริ่มจากการจัดทีมดีแทคซานต้านำ dtac iPhone 5 ส่งตรงถึงบ้านลูกค้าผู้โชคดี 50 คนแรกที่สั่งจองล่วงหน้าในคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน และสำหรับลูกค้าที่มาร่วมงานเปิดตัวพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 2 พฤศจิกายน ทั้งที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และภูเก็ต ก็ได้พบกับบรรยากาศสนุก ๆ พร้อมรับบริการสุดพิเศษจากทีมซานต้าสีฟ้า ลุ้นรับของขวัญคริสต์มาสต์ และยังได้เลือกของขวัญ 1 ชิ้น เพื่อมอบให้กับน้อง ๆ ที่ด้อยโอกาสอีกด้วย ได้เห็นรอยยิ้มกันเต็มงานตลอดทั้งวันทีเดียว”

นอกจากนั้น ลูกค้าดีแทคในงานยังได้สัมผัสกับประสบการณ์สื่อสารอย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งกว่าบนสัญญาณใหม่กับ dtac iPhone 5 ไม่ว่าจะเป็น HD Voice คุณภาพเสียงคมชัดระดับ HD, ได้ลองทดสอบความเร็วของ 4G/LTE จากเครือข่ายดีแทค ตลอดจนเพลิดเพลินกับการฟังเพลงรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดกว่า 18 ล้านเพลงทั่วทุกมุมโลกจากบริการ dtac DEEZER ไม่เพียงเท่านั้น ลูกค้า 1,500 ท่านแรกยังได้รับบลูทูธสเตอริโอคลิป สำหรับเชื่อมต่อเครื่องเสียงภายในรถยนต์ มูลค่า 2,250 บาท กันไปฟรี ๆ อีกด้วย

dtac iPhone 5 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป ที่ ดีแทคเซ็นเตอร์ สำนักงานบริการลูกค้าดีแทค และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ ในกรุงเทพ ฯ และจังหวัดสำคัญ ๆ ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษผ่อน 0% นาน 10 เดือน เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และเลือกหลากหลายแพ็กเก็จสุดคุ้มใหม่ๆ ตอบสนองทุกรูปแบบการใช้งาน

View :1438
Categories: SmartPhone/Mobile phone Tags: ,

ทรูมูฟ เอช ประกาศจำหน่าย iPhone 5 ในไทย วันที่ 2 พฤศจิกายนนี้

October 31st, 2012 No comments

ประกาศจำหน่าย ในไทย วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน 2555 ผู้สนใจสามารถสั่งจองได้ที่ www.truemove-h.com/iPhone โดยมีให้เลือกทั้ง รุ่น 16GB ราคา 2,368 บาทต่อเดือน รุ่น 32 GB ราคา 2,728 บาทต่อเดือน และรุ่น 64 GB ราคา 3,081 บาทต่อเดือน ด้วยข้อเสนอผ่อนนาน 10 เดือน* หาซื้อได้ที่ร้านทรูช้อป ทรูคอฟฟี่ iStudio รวมทั้งสามารถเป็นเจ้าของ iPhone 4S ได้ในราคาเพียง 1,992 บาทต่อเดือน และ iPhone 4 ราคา 1,390 บาท ผ่อนนาน 10 เดือนเช่นกัน* ลูกค้าทรูมูฟ เอช จะได้สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำกับ ได้เต็มประสิทธิภาพบนเครือข่าย HSPA+

iPhone 5 เป็น iPhone ที่บางและเบาที่สุด ออกแบบใหม่ทั้งหมดด้วยจอแสดงผลสวยคมชัดแบบ Retina ขนาด 4 นิ้ว และชิป A6 ออกแบบโดย Apple เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ว รวมทั้งเทคโนโลยีไร้สายความเร็วสูงล้ำ ทั้งหมดนี้จะมากับแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานยาวนานมากยิ่งขึ้น โดย iPhone 5 มาพร้อมกับ iOS 6 ระบบปฏิบัติการมือถือล้ำสมัยที่สุดของโลกซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่กว่า 200 รายการ อาทิ แอพพลิเคชั่นใหม่ Maps, Facebook integration และ Passbook organization

“ทรูมูฟ เอช ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำ iPhone 5 เข้ามาจำหน่ายในไทย” นายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการพาณิชย์ การขายและรีเทล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น “เรายังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำคอนเวอร์เจนซ์ไลฟ์สไตล์ และผู้ให้บริการที่มอบประสบการณ์การใช้งานมือถือที่เหนือกว่าอย่างต่อเนื่อง ด้วยบริการ 3G+ และเครือข่าย WiFi ที่เร็วที่สุด และครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากที่สุดในไทย ผนวกกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านสมาร์ทโฟนที่จะดูแลลูกค้า รวมทั้งแพ็กเกจที่หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ ทรูมูฟ เอช จึงเป็นผู้ให้บริการที่มอบประสบการณ์ iPhone 5 ได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุด”

ราคาและตารางแพ็กเกจสำหรับ iPhone

หมายเหตุ: ราคาข้างต้นรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
*เมื่อซื้อเครื่องพร้อมเปิดบริการทรูมูฟ เอช รายเดือนใหม่ พร้อมเข้าร่วมโครงการผ่อน 0% นาน 10 เดือนจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ iPhone 5 สามารถค้นหาได้ที่ www.apple.com/iphone
1 ความยาวนานในการใช้งานแบตเตอรี่จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าอุปกรณ์ การใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ
2 ความเร็วในการใช้บริการ 3G+ และ Wi-Fi ขึ้นอยู่กับปริมาณผู้ใช้งาน ณ จุดที่ใช้งานและอุปกรณ์ที่รองรับ

ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถค้นหาได้ที่ www.truemove-h.com/iPhone

View :2534

เอไอเอส เปิดจำหน่าย iPhone 5 ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 เป็นต้นไป

October 31st, 2012 No comments

เอไอเอส ประกาศจำหน่าย อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน ศกนี้ โดย เอไอเอส มีให้เลือกทั้ง ที่เปิดตัวด้วยราคาพร้อมแพ็คเกจ คือ 16 GB ราคา 2,390 บาท ต่อเดือน, 32 GB ราคา 2,750 บาทต่อเดือน และ 64 GB ราคา 3,090 บาท ต่อเดือน (ด้วยข้อเสนอผ่อนนาน 10 เดือน ร่วมกับหลากหลายธนาคาร) โดยจะเปิดจำหน่ายผ่าน Shop และร้านเทเลวิซที่ร่วมรายการทั่วประเทศ นอกจากนี้เอไอเอสยังจำหน่าย iPhone 4S และ iPhone 4 อย่างต่อเนื่อง โดย iPhone 4S ขนาด 16 GB ราคา 1,990 บาทต่อเดือน และ iPhone 4 ขนาด 8 GB ในราคา 1,370 บาทต่อเดือน (ด้วยข้อเสนอผ่อนนาน 10 เดือนร่วมกับหลากหลายธนาคารเช่นกัน) โดยสำหรับเอไอเอส iPhone 5 นั้นสามารถให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี HSPA+ บนเครือข่ายคุณภาพของเอไอเอส

iPhone 5 นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่บางและเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยได้มีการออกแบบให้มีขนาดที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้นกับหน้าจอขนาด 4 นิ้ว พร้อมด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ Retina Display นอกจากนี้ด้วยความสามารถของ A6 Chip ที่ทำให้ศักยภาพการประมวลผลเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่บนเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง และทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ยังคงเป็นไปอย่างมีคุณภาพ iPhone 5 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ IOS 6 ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน พร้อมด้วยคุณสมบัติการทำงานที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 200 ฟังก์ชั่น อาทิ แผนที่, เฟซบุ๊ค และ พาสบุ๊ค ที่ช่วยในการบริหารจัดการเรื่องส่วนตัวทั้งหมดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ อาวุโส สายงานการตลาดและการขาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ เรา มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสนำนวัตกรรมระดับโลกมามอบให้แก่สาวกไอโฟนชาวไทยอีกครั้ง โดยเชื่อมั่นว่า iPhone 5 ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ Customer Insight ในยุคดิจิตอลได้อย่างดี เมื่อผสมผสานเข้ากับศักยภาพการให้บริการจากแนวคิด Quality DNAs จากเอไอเอส จะทำให้เราสามารถส่งมอบ Total Experience ให้แก่ลูกค้าได้อย่างแน่นอน”

แพ็คเกจสำหรับ เอไอเอส iPhone

View :2077
Categories: SmartPhone/Mobile phone Tags: ,

ทรู ไอดีซี คว้ามาตรฐานการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ รายแรกในไทย พร้อมเปิดตัวโซลูชั่นบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลธุรกิจ (Disaster Recovery)

October 31st, 2012 No comments


โชว์ศักยภาพผู้นำบริการดาต้า เซ็นเตอร์มาตรฐานระดับโลก คว้าใบรับรองมาตรฐานการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ – BS 25999-2:2007 (Business Continuity Management) รายแรกในไทย จากสถาบันการรับรองมาตรฐานของอังกฤษ (British Standards Institution – BSI) เดินหน้าส่งต่อบริการระดับสากล เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ล่าสุด “Disaster Recovery Solutions” บริการสำรองและกู้คืนข้อมูลธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งในเสถียรภาพและความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญ เพิ่มความมั่นใจที่เหนือกว่าให้ลูกค้าองค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่นแม้ในภาวะวิกฤติ ตั้งเป้าเจาะลูกค้ากลุ่มสถาบันการเงินธนาคาร ธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต และธุรกิจที่เน้นการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ

นายชัย สุทธาสา รองผู้อำนวยการสายงานเทคโนโลยี บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันองค์กรธุรกิจให้ความสำคัญในการวางแผนและเตรียมพร้อมรองรับความเสี่ยงจากภัยต่างๆ ทั้งภัยธรรมชาติและภัยคุกคามอื่นๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินได้อย่างต่อเนื่องแม้ในภาวะวิกฤต ทรู ไอดีซี ในฐานะผู้นำบริการดาต้า เซ็นเตอร์มาตรฐานระดับโลก เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า โดยพัฒนาบุคลากรและกระบวนการบริหารที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย การวางแผน และการดำเนินการต่างๆ ให้มีศักยภาพความพร้อมดำเนินธุรกิจและให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ในยามที่เกิดภัยพิบัติ ล่าสุด คว้าใบรับรองมาตรฐาน BS 25999-2:2007 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management) จากสถาบันการรับรองมาตรฐานของอังกฤษ (British Standards Institution – BSI) โดยทรู ไอดีซี เป็นผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรอง ตอกย้ำคุณภาพบริการระดับมาตรฐานสากลครบถ้วน ได้แก่ ISO 20000 มาตรฐานการจัดการด้านบริการ, ISO 27001 มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และล่าสุด BS 25999 ซึ่งมีเพียงทรู ไอดีซี เท่านั้นที่ได้รับการรับรองทั้ง 3 มาตรฐานดังกล่าว ลูกค้าองค์กรที่ใช้บริการของทรู ไอดีซี มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญขององค์กรจะปลอดภัยและธุรกิจจะดำเนินได้อย่างต่อเนื่องราบรื่นและปลอดภัยทุกสถานการณ์

ด้วยความพร้อมของทรู ไอดีซี ในการให้บริการลูกค้าองค์กรแม้ในภาวะวิกฤต ทรู ไอดีซี เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ “Disaster Recovery Solutions” บริการสำรองและกู้คืนข้อมูลธุรกิจที่ให้ลูกค้าของทรู ไอดีซี มั่นใจได้ในเสถียรภาพและความปลอดภัยของข้อมูลแม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ โดยทรู ไอดีซี มีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสารสนเทศ ช่วยดูแลและให้คำปรึกษา ออกแบบ และจัดทำระบบสำรองข้อมูลตามความต้องการใช้งานและงบประมาณขององค์กร ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นของการสำรองข้อมูลไปจนถึงระดับออนไลน์ที่สามารถเรียกใช้ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์สมบูรณ์แบบ โดยระบบสำรองสามารถทำงานทดแทนได้ทันทีในกรณีที่ระบบหลักมีปัญหาในการใช้งาน

โซลูชั่นบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลธุรกิจ มีบริการหลากหลายรูปแบบให้ลูกค้าเลือกระบบสำรองข้อมูลได้ตามความต้องการ ทั้งการสำรองข้อมูลไว้ที่อุปกรณ์ขององค์กร ซึ่งทางทรู ไอดีซี มีบริการจัดหาทั้งอุปกรณ์ (ฮาร์ดแวร์) และซอฟต์แวร์ หรือการสำรองข้อมูลบนคลาวด์ ซึ่งจะช่วยในการบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทรู ไอดีซี ยังมีบริการสำนักงานสำรอง เพื่อให้พนักงานของลูกค้าองค์กรสามารถทำงานได้ในกรณีเกิดเหตุวิกฤต พร้อมทั้งมีบริการออกแบบและจัดทำสำนักงานฉุกเฉินสำหรับลูกค้าองค์กรอีกด้วย

“โซลูชั่นบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลธุรกิจ ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับองค์กรที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลในระดับวิกฤต เช่น สถาบันการเงินธนาคาร ธุรกิจประกันภัย รวมถึงองค์กรที่ทำธุรกิจออนไลน์ต่างๆ เพื่อช่วยให้องค์กรเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในกรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด” นายชัย กล่าวสรุป

ลูกค้าที่สนใจโซลูชั่นบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลธุรกิจ (Disaster Recovery Solutions) จากทรู ไอดีซี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร 02 699 1400 หรือ อีเมล์ sales@trueidc.co.th

View :1604

อีริคสันเปิดตัวศูนย์บริการ Global Services Center แห่งใหม่ที่เมืองซีอานประเทศจีนเพื่อรองรับ Managed Services

October 31st, 2012 No comments

· อีริคสันขยาย Global Service Center ในประเทศจีน โดยเปิดสาขาใหม่ที่เมืองซีอาน (Xi’an) รวมทั้งได้เปิด Global Network Operations Center และ Standardized Service Delivery Center แห่งครั้งแรกในเอเชียตะวันออก

· ศูนย์บริการใหม่เหล่านี้จะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าในธุรกิจ managed services ที่ต้องการผู้ช่วยดูแลการดำเนินงานของเครือข่าย และในขณะเดียวกันก็สามารถให้บริการด้าน standardized service delivery สู่ลูกค้าทั่วโลกได้

· อีริคสันเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ด้วยการให้บริการลูกค้าทั่วโลกผ่าน Global Service Center ในประเทศจีน อินเดีย เม็กซิโก และโรมาเนีย

ในอุตสาหกรรมไอซีทีที่มีธุรกิจหลากหลาย มักมีลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนโครงสร้างไอทีขนาดใหญ่ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากผู้ผลิตหลายเจ้า บนเครือข่ายที่ใช้เทคโนโลยีหลากหลาย เหล่านักวิเคราะห์ต่างคาดหวังกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ให้ปรับปรุงคุณภาพของสัญญาณและระดับความพึงพอใจในการใช้งานของลูกค้า ในขณะที่ต้องสามารถลดต้นทุนในการดำเนินงานได้อีกด้วย และเพื่อตอบโจทย์ที่ท้าทายเช่นนี้ โอเปอร์เรเตอร์ทั่วโลกจำนวนมากต่างมองเห็นคุณค่าของการใช้บริการ outsourcing ในการดูแลเครือข่าย (network operations) และบริการพิเศษ (professional services) อื่นๆ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญ เช่น อีริคสัน เข้ามาดำเนินงานแทน ด้วยแนวคิดนี้โอเปอร์เรเตอร์จะสามารถมุ่งเน้นพัฒนาธุรกิจหลัก เช่น การขาย การตลาด การสร้างและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อีริคสันได้ให้บริการลูกค้าเหล่านี้ ผ่าน Global Service Center (GSC) จำนวนสี่ศูนย์ และหนึ่งในสี่นี้อยู่ในประเทศจีน โดยตั้งอยู่ที่เมืองปักกิ่ง (Beijing), อู่ฮั่น (Wuhan), กว่างโจว (Guangzhou) และ ต้าเหลียน (Dalian) เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยบริการระดับคุณภาพภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม อีริคสันจึงขยาย Global Service Center ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็นสาขาที่ห้าที่เมืองซีอาน (Xi’an) ในวันนี้

ที่สาขาใหม่แห่งนี้ มีบุคลากรด้านไอซีทีซึ่งได้รับการฝึกฝนมาแล้วอย่างดี รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆกว่า 300 คน และมีการเปิด Global Network Operations Center (GNOC) ขึ้นเป็นแห่งแรกในภาคพื้นเอเชียตะวันออก รวมไปถึงการเปิด Standardized Service Delivery Center แห่งใหม่อีกด้วย และศูนย์บริการใหม่เหล่านี้จะช่วยส่งเสริมและขยายขีดความสามารถขององค์กร Global Services ภายในอีริคสันได้

Orvar Hurtig หัวหน้าส่วน Service Delivery ของอีริคสัน กล่าวว่า “การให้บริการลูกค้าทั่วโลก จากศูนย์บริการขนาดใหญ่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมทั้งคุณภาพของบริการต่อลูกค้า ดังเช่น Global Service Center แห่งใหม่ในประเทศจีนที่เมืองซีอาน ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในบริการควบคุมดูแลเครือข่าย (network operations) สำหรับลูกค้าในพื้นที่ รวมทั้งช่วยขยายความสามารถของเราในบริการ standardized service delivery อีกด้วย”

Zhao Juntao ประธานบริษัทอีริคสันประเทศจีน กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้เห็น Global Network Operations Center แห่งที่สี่ ณ เมืองซีอาน ที่ซึ่งเราได้ทำธุรกิจมาแล้วกว่าทศวรรษ ผมเชื่อว่า การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งในด้านตะวันตกของประเทศจีน รวมไปถึงการที่เมืองซีอานเป็นแหล่งรวมของผู้เชี่ยวชาญด้านไอซีที จะช่วยพัฒนาศูนย์บริการแห่งนี้ให้เจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และนี่คือผลประโยชน์อันชัดเจนสำหรับลูกค้าทั่วโลกที่จะได้รับบริการจากศูนย์แห่งนี้”

Global Service Center ของอีริคสัน ในประเทศจีน อินเดีย เม็กซิโก และโรมาเนีย ล้วนถูกสร้างควบคู่กับ Global Network Operations Center เพื่อเป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านคุณภาพ ปริมาณงานที่ทำได้ และเพื่อเป็นการบริหารต้นทุนของบริการเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ศูนย์บริการเหล่านี้ให้บริการทั้งลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียง รวมไปถึงลูกค้าอื่นทั่วโลก โดยให้บริการที่หลากหลาย ตั้งแต่การเชื่อมต่อระบบ (integration), การดำเนินงานของเครือข่าย (network operations) รวมไปถึงการดูแลลูกค้า ในปัจจุบันอีริคสันทำหน้าที่ช่วยสนับสนุนดูแลเครือข่ายที่มีลูกค้ามากกว่า 2.5 พันล้านคน และบริหารจัดการเครือข่ายที่มีลูกค้ามากกว่า 900 ล้านคนทั่วโลก

View :1368